บทที่ 625 ชีวิตนี้เป็นได้แค่คุณเท่านั้น
เวินจิ้งหันไปโดยไม่รู้ตัว เป็นหยูจิ่งห้วนจริงๆ
ร้านแคบไปหน่อย และเจ้าของร้านยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วย ไม่สามารถยื่นช่อดอกไม้ออกมาได้ เวินจิ้งก็เลยช่วยยื่นให้
วันนี้หยูจิ่งห้วนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว อาจเป็นเพราะการทำงานล่วงเวลา เสื้อผ้าก็หลวมไปเล็กน้อย และมีคราบสีน้ำเงินจางๆที่คาง เขาดูเหนื่อยมาก
เขาไม่ได้รับไป แต่จับผมของเขา พูดอย่างเขินอายเบาๆว่า”นี่จะส่งให้คุณอยู่แล้ว เวินจิ้ง สุขสันต์วันเกิดนะ”
สุขสันต์วันเกิด
เวินจิ้งสับสนไปสักพัก ค่อยจำได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอจริงๆด้วย
เช้านี้คุณแม่ส่งข้อความWeChatให้เธอกลับบ้านฉลอง แต่เธอปฏิเสธไปเพราะต้องทำงานล่วงเวลา
เธอรับไป กอดดอกไม้ช่อใหญ่ไว้ในมือ ได้ยินเสียงที่ตื่นเต้นของเจ้าของร้านว่า “ที่แท้คือส่งให้คุณเอง ”
ประโยคที่ปกติ แต่เวินจิ้งฟังไป ดูเหมือนจะน่าเขินอายเบาๆ
เธอบอกขอบคุณ ก็ก้มหัวเดินออกจากร้านดอกไม้อย่างรอดเร็ว ด้านหลังก็มีเสียงปิดประตูดังขึ้น ในทันใดนั้นสภาพแวดล้อมก็เงียบลงไปหมด
หยูจิ่งห้วนเดินตามเธอออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไร
ในคืนที่ฟ้าครึ้ม เงาร่างสองตัวและดอกไม้ช่อหนึ่ง
มันเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ราวกับว่าจะสามารถได้ยินเสียงเต้นหัวใจของกันและกัน
เวินจิ้งหยุดเดินและหันกลับมา”คุณก็ทำงานล่วงเวลาเหรอ”
“ครับ”หยูจิ่งห้วนพยักหน้า ดวงตาที่ดำลึกในคืนที่มืดมิด
มีสักพักหนึ่ง เวินจิ้งเกือบจะหลงไปในดวงตาคู่นี้แล้ว
แม้แต่ดวงตาคู่นี้ ก็คล้ายกันมากเลย
“คุณหิวหรือเปล่า”เวินจิ้งโพล่งถามออกมา”จะกินอาหารมื้อดึกไหม”
หยูจิ่งห้วนอดไม่ได้ที่จะยิ้ม”เอาสิ ฉันอยากกินของที่คุณทำเอง”
เวินจิ้งตกตะลึง เมื่อมองสายตาที่จริงจังของหยูจิ่งห้วน เธอพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวเลย
หยูจิ่งห้วนกลับไปที่รถของตัวเอง และถือกล่องเล็กๆออกมา”เค้ก”
เค้กไอศกรีมขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนน้ำแข็งแห้ง อาจอีกสักพักก็จะละลายแล้ว
หยูจิ่งห้วนถอนหายใจ”ที่จริงแล้วฉันไม่คิดว่าจะมีการผ่าตัดอย่างกะทันหัน ถ้าไม่ใช่แบบนี้มันจะไม่รีบร้อนขนาดนี้หรอก”
ความหมายก็คือน่าเสียดายจัง
เวินจิ้งยิ้ม”งั้นก็ไม่ได้คิดว่าฉันจะทำงานล่วงเวลาด้วยใช่ไหม”
หยูจิ่งห้วนนั่งอยู่ในที่นั่งผู้โดยสารของรถเวินจิ้ง พูดอย่างไม่สนใจว่า”มันมารยาทสำหรับผู้ชายที่รอผู้หญิงนะ”
มือที่เวินจิ้งจับพวงมาลัยหยุดไปสักพัก แอบมองหยูจิ่งห้วน ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนตลอด
ความรู้สึกที่ผู้ชายคนนี้ให้เธอ จะสุภาพแบบนี้ตลอด
กลับมาถึงอพาร์ตเมนต์ เวินจิ้งรีบทำบะหมี่ไข่อย่างคุ้นเคย สองคนกินพร้อมกับเค้กเสร็จอย่างรวดเร็ว
หยูจิ่งห้วนเห็นเวินจิ้งที่กินเก่ง”คุณเลี้ยงง่ายจริงๆ”
แก้มของเวินจิ้งเขินเล็กน้อย ทำไมคำพูดนี้ฟังแล้วมีความประชดเล็กน้อยก็ไม่รู้
แต่หยูจิ่งห้วนแค่ล้อเล่นจริงๆ
“คืนนี้ฉันขอพักอยู่ที่นี่ได้ไหม ทำงานข้ามคืนมาสามวันต่อเนื่อง ถ้าฉันลงไปขับรถอาจจะตายเพราะเหนื่อยก็ได้นะ”หยูจิ่งห้วนไม่ได้เว้อ
วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
เวินจิ้งไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก ตื่นมาก็เกือบเที่ยงแล้ว
เธอเดินออกจากห้องนอนด้วยความงุนงง แค่พบว่ามีคนนั่งอยู่บนพรมโซฟาในห้องนั่งเล่น และความง่วงนอนก็หายไปหมดทันที
วันนี้อากาศดีมาก และห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยแสงแดด
หยูจิ่งห้วนนั่งอย่างสบาย บนพรมสีอูฐ กำลังตั้งใจใส่ดอกไม้เข้าไปในขวดแก้วบนโต๊ะกาแฟ
นี้เป็นดอกไม้ที่เวินจิ้งซื้อเมื่อคืน ช่อเล็กมีครบทุกอย่าง คาร์เนชั่น สีเหลืองห่านกุหลาบแดง ดอกยิปโซกิ่งไม้ ไม่ได้ซ่อมแซมใบไม้ ถึงยุ่งเหยิงแต่ก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
หยูจิ่งห้วนคงไม่ได้เป็นคนเก่งการจัดวาง แล้วดูเหมือนยังยุ่งเล็กน้อย
แต่เขามีความอดทนที่ดี ใส่เข้าไปทีละดอก ถ้าใส่ไม่ถูกก็จะทำใหม่ ดวงอาทิตย์เคลือบด้านหลังของผู้ชายคนนั้นด้วยสีเหลืองทองอันอบอุ่น
การกระทำของเขา ทำให้ภาพนี้ซึ่งควรจะเป็นภาพวาดสีน้ำนิ่งๆมีชีวิตขึ้นมา แม้แต่เวินจิ้งที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ผ่านไปสักพัก เขาถึงเอาแจกันคริสตัลด้วยความพึงพอใจและวางไว้ตรงกลางโต๊ะกาแฟ จากนั้นเขาก็หันมาอย่างขี้เกียจ เม้มปากบางของเขางไว้ เผยให้เห็นฟันขาวทั้งแถว”อรุณสวัสดิ์ เวินจิ้ง”
“อรุณสวัสดิ์”เวินจิ้งตอบด้วยรอยยิ้ม
หยูจิ่งห้วนยืนขึ้น เศษบนคางของเขามีความหนาแน่นเล็กน้อย เสื้อของเขาก็ยับอยู่ ท่าทางค่อนข้างน่าอาย แต่สีหน้าของเขาดูสบายๆและสงบ”ฉันอยากคุยกับคุณอย่างจริงจัง”
เวินจิ้งดูเหมือนจะรู้ว่าจะพูดอะไร เธอจึงหันหน้าและเดินไปที่ห้องครัว”ฉันหิวแล้ว หาอะไรกินก่อน”
“คุณฟังฉันนะ ไม่นอนหรอก”หยูจิ่งห้วนเรียกเธออย่างมั่นคง”บนเครื่องบินที่ไปยุโรป ตราบที่คุณนอนหลับนอนนอนแค่ไหน ฉันก็มองคุณนานเท่านั้น ฉันคิดว่าในชีวิตนี้ ต้องเป็นคุณคนเดียวเท่านั้น”
เขาหยุดไปชั่วคราว แล้วเดินไปด้วยขายาว ค่อยๆดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เอาคางมาเกยบนหัวเธอ แล้วพูดเบาๆว่า “เวินจิ้ง เราลองดูกันได้ไหม”
อ้อมกอดของหยูจิ่งห้วนอบอุ่นมาก ก็เหมือนแสงแดดในเวลานี้
แต่เวินจิ้งยืนอย่างตัวแข็ง ภาพที่หยูจิ่งห้วนทั้งตัวเต็มไปด้วยเปื้อนเลือดอยู่ในโรงพยาบาลก็เผยออกมาในสมอง เพราะจะไปเจอเธอ โจวเซินก็กล้าที่จะหาคนชนเขาเกือบตาย
ถ้าเธออยู่กับผู้ชายคนนี้จริงๆ …
เวินจิ้งไม่ได้พูดตลอด และในที่สุดเสียงของหยูจิ่งห้วนก็ทำให้สติของเธอกลับมา”ถ้าคุณไม่ตอบ ฉันก็ถือว่าคุณกำลังยอมแล้วนะ”
ความคิดค่อยๆชัดเจนขึ้น เสียงของหยูจิ่งห้วนมีเสน่ห์มาก เวินจิ้งมองสายตาของเขา เธอรู้เลยว่าคนที่เหมือนเขาขนาดนี้ เธอจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ
ทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่เธอชอบอาจเป็นแค่เงา แต่เธอก็อยากลองดู
“ได้ค่ะ”
“แต่มีเรื่องนึ่งฉันต้องบอกคุณ”เวินจิ้งมองเขาอย่างเคร่งขรึม”คุณต้องปกป้องตัวเองรู้ไหม”
“ทำไม”หยูจิ่งห้วนเห็นความตึงเครียดในดวงตาของเธอ และความโค้งบนปากก็ลึกขึ้น
“ฉันมีพี่ชายคนหนึ่ง ความควบคุมที่เขามีต่อฉันสูงมาก ถ้าให้เขารู้ว่าเราอยู่ด้วยกัน เขาจะต้องหาทางทำร้ายคุณแน่นอน”เวินจิ้งพูดอย่างเสียงต่ำ
หยูจิ่งห้วนไม่กลัวสักหน่อย”งั้นก็ลองดูแล้วกัน”
“คุณหยู”
“เรียกฉันว่าจิ่งห้วนได้ไหม”
“หยูจิ่งห้วน”เวินจิ้งมองเขาอย่างจริงจัง”คุณต้องป้องกันตัวเองจริงๆนะ ที่คุณเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อนหน้านี้ ก็คือฝีมือของพี่ชายของฉัน … ”
หยูจิ่งห้วนขมวดคิ้ว ดวงตามีความประหลาดใจเล็กน้อย แต่หายไปอย่างรอดเร็ว
เขาสงสัยว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ตำรวจรายงานว่าไม่มีหลักฐาน เขาจึงไม่ได้ติดตามเลย
“พี่ชายของคุณคือโจวเซินหรอ”
เวินจิ้งพยักหน้า”คุณต้องปกป้องตัวเอง ฉันถึงจะลองอยู่กับคุณ”
“ได้ เรามาตกลงกัน”หยูจิ่งห้วนยกนิ้วก้อยขึ้นมา
ท่าทางที่น่ารักนี้ทำให้เวินจิ้งยิ้มออกมา เธอเกี่ยวนิ้วก้อยของเขาและนิ้วป้งสองคนก็หุบเข้าหาประทับตรากัน