บทที่ 628 ไม่มีคุณไม่ได้จริง
ใช้ข้อมูลภายในจัดการตลาดหุ้น และกู้เงินผิดกฎหมาย
“คุณแม่จะติดคุกไหม”น้ำเสียงของเวินจิ้งสั่นมาก
“ตอนนี้เราทำอะไรได้บ้าง”เธอเลี่ยงเรื่องนี้ไป และยื่นมือออกมาใช้นิ้วบีบคิ้ว
“หาข้อมูลได้ละเอียดแบบนี้ ฉันประเมินลูกชายของฉันต่ำไป ความทะเยอทะยานของเขา ไม่ใช่แค่อยากได้บริษัทโจวเท่านั้น “น้ำเสียงของโจวเซิ่งลึกล้ำ
“บริษัทหลินซือกรุ๊ปเป็นความพยายามอย่างเต็มที่ของคุณปู่ เป็นฝีมือ…ของโจวเซินจริงๆเหรอ ” ในขณะนี้เวินจิ้งเพียงรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอเย็นแข็งมาก
เขาทำกับคุณแม่แบบนี้ได้ยังไง…
“ต้องมีวิธีแก้ไขใช่ไหม คุณพ่อ”เวินจิ้งมองโจวเซิ่งอย่างคาดหวัง
เพียงแต่ว่าใบหน้าของเขา แสดงความหมดหวังออกแล้ว
เขาแก่แล้วจริงๆ เขาคิดอยู่เสมอว่าโจวเซินอยู่ในความควบคุมของเขามาตลอด แถมยอมอยู่ในยุโรปเปิดตลาดใหม่อย่างเชื่อฟังด้วยซ้ำ
โดยไม่คิดว่า เขาลงมือจัดการทุกอย่างในหนึ่งปีก่อนแล้ว
“ในวงการธุรกิจ มีเรื่องมากมายที่ไม่ได้มีความถูกความผิดอย่างชัดเจน เสี่ยวจิ้ง เรื่องนี้อย่าบอกเวยเวยก่อนนะ พ่อมาหาทางเอง”
ตอนนี้เวินจิ้งก็ไม่รู้ว่าทำยังไงดี เธอมีแต่พยักหน้า
โจวเซิ่งขึ้นไปรับหลินเวยที่บริษัทหลินซือกรุ๊ป เวินจิ้งขับรถกลับไปเอง
หลังจากกลับมาถึงบ้านตระกูลโจว เวินจิ้งก็นอนอยู่บนเตียง แต่ผ่านไปนานมากก็นอนไม่หลับ เธอไม่กล้าออกไปข้างนอก กลัวว่าเธออดร้องไห้ไม่ได้เมื่อเห็นแม่เธอ
ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นการสมคบคิดที่วางแผนไว้นานแล้ว
แม่เธอทำเรื่องที่ผิดกฎหมายก็จริง แต่ดูจากข้อมูลที่โจวเซิ่งสืบสวน นี่เป็นการแผลที่โจวเซินวางไว้อยู่เบื้องหลัง
เขา … เขาโหดร้อยแบบนี้ได้ยังไง
เวินจิ้งนอนไม่หลับเลยในคืนนั้น ตอนเช้ารีบไปทำงานที่โรงพยาบาล ในช่วงบ่ายได้รับการแจ้งให้รีบไปบริษัทหลินซือกรุ๊ป
ในช่วงนี้มีข่าวลือมากมายว่า ผู้ถือหุ้นรายอื่นกำลังวางแผนที่จะลากหลินเวยลงจากตำแหน่ง และจัดประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้ง เพื่อปรึกษาพัฒนาการในอนาคตของบริษัทหลินซือกรู๊ป
และในมือของหลินเวยไม่มีหุ้นที่เป็นของเธอเองมากนัก รวมถึงหุ้นของเวินจิ้ง ก็ยังน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ไม่ได้ความมั่นใจอย่างแน่นอน แล้วหลินเวยยังมีหลักฐานอยู่ในมือของคนอื่นด้วย จะได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อหรือไม่เปล่า มันมีความไม่แน่นอนเหลือเกิน
เพราะสุขภาพของหลินเวย โจวเซิ่งไม่ให้เธอมาบริษัทหลินซือกรุ๊ป เวินจิ้งก็เลยต้องทำงานแทนแม่เธอในชั่วคราว
ทางโรงพยาบาล บริษัทโจวซือกรุ๊ปได้จัดสรรเงินจำนวนมากให้กับโรงพยาบาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เพราะฉะนั้นเวินจิ้งจะลางาน คณบดีต้องไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
นั่งอยู่ในห้องทำงานของประธานาธิบดี แม้การผ่าตัดที่ต่อเนื่องโดยปกติก็ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกท้อใจเช่นนี้
จนถึงตอนดึก โจวเซิ่งโทรมาบอกว่าคนขับมาแล้ว ให้เวินจิ้งรีบกลับบ้าน
เธอใส่เอกสารทั้งหมดเข้าไปในกระเป๋า บิดคอที่เจ็บเมื่อยมากและออกจากบริษัทหลินซือกรุ๊ป
กลับมาถึงบ้านตระกูลโจว โจวเซิ่งนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอเวินจิ้งอยู่
“เสี่ยวจิ้ง มาหาพ่อหน่อย”
เวินจิ้งเม้มปาก ใบหน้าเคร่งขรึมมาก
“ลูกกำลังคบกับลูกชายของตระกูลหยูอยู่หรือเปล่า”โจวเซิ่งมองเธอ
หลินเวยเคยบอกโจวเซิ่งเรื่องนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าสองคนไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว
“เรา … เพิ่งอยู่ด้วยกันได้แค่ไม่นานเองค่ะ”เวินจิ้งก้มตาลง แม้ว่าจะเป็นอย่างนี้ แต่พวกเขาสองคนก็ไม่ได้สนิทกันมากนัก
เวินจิ้งเห็นโจวเซิ่งถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ลูกรู้เรื่องของตระกูลหยูมากแค่ไหน เช่นภูมิหลังของตระกูล”
“… เขาเป็นหมอของโรงพยาบาลหนานเฉิง”
“ไม่ใช่เรื่องนี้”โจวเซิ่งพูดอย่างเคร่งขรึม “เขาไม่เคยบอกคุณเหรอ คุณปู่ของหยูจิ่งห้วนเคยลงทุนในบริษัทหลินซือกรุ๊ปในหลายก่อน แต่ตอนนี้ลุงของเขาดูแลทรัพย์สินของตระกูลหยูอยู่”
เวินจิ้งตะลึงไป ผ่านไปนานมากถึงเข้าใจ
ถ้าให้คุณหยูลงทุนในบริษัทหลินซือกรุ๊ปเพื่อเติมเต็มช่วงว่างของกองทุน งั้นบริษัทหลินซือกรุ๊ปก็มีความหวังแล้วสิ
“เสี่ยวจิ้ง ในเมื่อความสัมพันธ์ของลูกกับหยูจิ่งห้วนใกล้ชิดมาก พ่อคิดว่าเขาคงจะช่วยได้”
เมื่อโจวเซิ่งพูดแบบนี้ เวินจิ้งก็รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ แต่ก่อนที่เธอจะโทรหาเบอร์นี้ เธอลังเลอยู่นานมาก
ตั้งแต่เธอกับหยูจิ่งห้วนได้รู้จักกัน พวกเขาอยู่ด้วยวิธีที่ง่ายสบายมาตลอด มีเกี่ยวข้องกับเงินทอง หรือผลประโยชน์ไดๆทั้งสิ้น
แต่ถ้าครั้งนี้เธอโทรไป ความสัมพันธ์แบบนั้นอาจยากที่จะกลับมาเหมือนเดิมอีก
จนตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น เวินจิ้งก็ไม่ได้โทรไป
เมื่อตื่นมาในตอนเช้า วันนี้สภาพของหลินเวยดีขึ้นมากแล้ว เธอยืนยันที่จะไปทำงานที่บริษัทหลินซือกรุ๊ป โจวเซิ่งห้ามเธอไม่ได้ ก็เลยบอกให้ เวินจิ้งไปกับเธอด้วย
แต่หลินเวยยืนยันที่จะส่งเวินจิ้งไปโรงพยาบาล “เสี่ยวจิ้ง แม่จะจัดการเรื่องของบริษัทหลินซือกรุ๊ปเอง ลูกไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรอกนะ”
“คุณแม่ ให้หนูช่วยเถอะนะ”เวินจิ้งพูดเสียงแข็ง
“เสี่ยวจิ้ง ลูกฟังแม่นะ ผลที่แย่ที่สุดก็เสียบริษัทหลินซือกรุ๊ปไป”
เวินจิ้งเม้มปาก เรื่องที่โจวเซิ่งบอกเธอ เป็นหนามยอกอกในใจเธอมาตลอด
สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือเรื่องของแม่เธอจะถูกเปิดเผย
ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่ใช่แค่เสียบริษัทหลินซือกรุ๊ปไปอย่างเดียว
“คุณแม่ หนูวางใจไม่ได้ค่ะ”เวินจิ้งไม่ยอมลงจากรถเลย
แต่คนขับเปิดประตูไว้ให้แล้ว หลินเวยบอกให้คนขับพาเวินจิ้งลงจากรถ เธอสู้แรงของคนขับไม่ได้ มีแต่มองรถค่อยๆขับไกลจากเธอ
เวินจิ้งหงุดหงิดมาก
เมื่อเวยอานเพิ่งเข้ามา ก็เห็นว่าเวินจิ้งอยู่ที่นั่นด้วย และถามอย่างแปลกใจว่า”หมอเวิน คุณลางานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใช่……”
“แต่คุณกลับมาก็ดีแล้ว คุณไม่รู้หรอกว่า คุณไม่อยู่แผนกประสาทวิทยาวุ่นวายมาก… ”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว และถูกเวยอานดึงกลับไปที่แผนก ถึงรู้ว่าแพทย์คนหนึ่งมีข้อพิพาท ซึ่งทำให้คนไข้จำนวนมากถอนคิวออกไป และไปต่อคิวที่ห้องให้คำปรึกษาของเวินจิ้งไปหมดเลย
แต่เธอลางานอยู่ ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา ตอนนี้ร้องเรียนอยู่ตลอด
“หมอเวิน ไม่มีคุณไม่ได้จริงๆ”เวยอานพูดอย่างถอนหายใจ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เห็นคนไข้เยอะมากและเดินเข้าไปในห้องทำงานของเธอ “เตรียมตัวพร้อมรักษาคนไข้”
จนถึงตอนมืด เวินจิ้งได้รักษาคนไข้ทั้งหมดให้เสร็จ เธอเหนื่อยมากจนอยากนอนอย่างเดียว
แต่เดี๋ยวเธอต้องไปบริษัทหลินซือกรุ๊ปดูหน่อย
เก็บของเสร็จและออกจากโรงพยาบาล แต่ไม่คิดว่าวันนี้หยูจิ่งห้วนจะมารับเธอเลิกงาน
เธอนึกถึงคำพูดของโจวเซิ่ง สุดท้ายก็ขึ้นรถของเขา เธออยากพูดแต่หยุดแบบนี้หลายรอบ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
“เวินจิ้ง คุณมีอะไรก็พูดออกมาตามตรงเลย”ถึงแม้ว่าหยูจิ่งห้วนจะขับรถอยู่ แต่เขาก็สังเกตการแสดงออกของเวินจิ้งอยู่ตลอด
เวินจิ้งบอกเขาสถานการณ์ของบริษัทหลินซือกรุ๊ปในช่วงนี้โดยตรง และพูดถึงชื่อหยูเฟิงด้วย เขาเคยลงทุนบริษัทหลินซือกรุ๊ปในหลายปีก่อน อาจเป็นเพราะมิตรภาพที่ดีระหว่างคุณหญิงหยูและหลินเวย
หยูจิ่งห้วนขับรถไปอย่างเงียบๆ จนกว่าเมื่อรอไฟแดง เขาถึงพูดว่า”ฉันไม่รู้เรื่องต่างๆในวงการธุระกิจ แต่ถ้าอยากได้เงินลงทุน ขอความช่วยเหลือจากผู้ถือหุ้นรายกลางและรายเล็กได้ไหม”
เวินจิ้งเม้มปาก ไม่ได้พูดถึงความลำบากทางการเงินของบริษัทหลินซือกรุ๊ปในตอนนี้โดยตรง แค่พูดว่า”กำลังทำแบบนี้อยู่”
หยูจิ่งห้วนพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก
หยูจิ่งห้วนไม่ได้ส่งเธอไปที่บริษัทหลินซือกรุ๊ป แต่ส่งเธอกลับไปที่บ้านตระกูลโจว
นี่คือสิ่งที่หลินเวยบอกเขาล่วงหน้า
“จิ่งห้วน”เวินจิ้งเรียกเขาอย่างเคร่งขรึม
“คุณหญิงหลินก็ไม่อยากให้คุณเข้าไปยุ่งกับเรื่องของบริษัทหลินซือกรุ๊ป”หยูจิ่งห้วนขมวดคิ้วแบบเอือมระอา
####บทที่629 คนรักใหม่และคนรับเก่า
บทที่ 629 คนรักใหม่และคนรักเก่า
เวินจิ้งเม้มปากและไม่ได้พูดอะไร
เธออยากพลักประตูลงจากรถ แต่หยูจิ่งห้วนเรียกเธอไว้
“ฉันขอโทษ เรื่องของบริษัทหลินซือกรุ๊ป ฉันช่วยคุณไม่ได้”
เขากลิ้งกระจกรถลง สีหน้าของเขาลังเลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและพูดว่า”คุณพ่อของฉันพาเมียน้อยเข้าไปในบ้านตระกูลตั้งนานมาแล้ว ฉันกับคุณแม่ก็เลิกรากับตระกูลไปนานแล้ว”
เวินจิ้งมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆอย่างตกใจ
“เวินจิ้ง ธุรกิจหลักของตระกูลหยูก็คือบริษัทหลินอานกรุ๊ป แต่ตอนนี้คุณลุงเป็นผู้ดูแล คุณก็รู้แล้วชาไหม” รอยยิ้มของเขาขมขื่น”ฉันก็หวังว่าฉันจะช่วยคุณได้ แต่ฉันไม่ได้กลับไปบ้านตระกูลหยูนานมากแล้ว ก็ไม่คิดจะกลับไปแล้วด้วย”
เวินจิ้งมองหยูจิ่งห้วนที่ดูมืดมนเล็กน้อยในขณะนี้ ราวกับมองคนแปลกหน้า
“ตอนที่ฉันออกจากบ้าน ฉันก็บอกพวกเขาว่า ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตระกูลหยู ฉันก็เป็นคนที่ฉันอยากเป็นได้เหมือนกัน”เขาหัวเราะอย่างไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง”หลังจากจบการศึกษาแล้ว ฉันถึงรู้ว่าไม่มีโรงพยาบาลไหนยอมจ้างฉันเลย”
“ตระกูลหยูอยากให้คุณกลับไปเหรอ”
“ไม่ …พวกเขาแค่ต้องการพิสูจน์ว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นผิด”
“จนถึงการสาธิตการผ่าตัดของฉันที่โรงเรียนได้เปิดเผยออกมา มู่วี่สิงหาเจอฉันและจ้างฉันเข้าไปทำงานในโรงพยาบาลหนานเฉิงเป็นพิเศษ”หยูจิ่งห้วนยิ้ม
เวินจิ้งมองข้างหน้าค่อนข้างโดดเดี่ยวในตอนนี้ และนึกถึงหน้าหัวเราะและมองโลกในแง่ดีของเขาในปกติ มันยากที่จะเอาสองเรื่องนี้ไว้บนในคนเดียวกัน
“เวินจิ้ง ฉันขอโทษจริงๆ ฉันก็หวังว่าฉันจะช่วยคุณได้เหมือนกัน แต่ฉันกับคุณแม่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลหยูแล้ว”เขาถอนหายใจหนักๆ
เวินจิ้งพยักหน้า พยายามทำให้น้ำเสียงของเธอฟังอย่างสบาย”ฉันรู้แล้ว คุณก็อย่าไปสนใจนะ ฉันก็แค่ถามเล่นเฉยๆ”
หยูจิ่งห้วนมองเวินจิ้งด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ผ่านไปสักพัก เขาถึงพยักหน้า
ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มันเป็นสายโทรมาจากบ้านตระกูลโจว
หลังจากที่เวินจิ้งรับสาย ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
อาการของหลินเวยเป็นไปเป็นมา ตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาล หยูจิ่งห้วนรีบส่งเวินจิ้งไปโรงพยาบาลทันทีขับรถไปเร็วมาก
เขารู้สึกได้ความกังวลของเธอในขณะนี้ เธอนั่งตัวตรงบนที่นั่งผู้โดยสาร นิ่งโดยขยับตัวเลย แม้แต่ดวงตาก็จ้องมองถนนข้างหน้าโดยไม่กระพริบตา
หยูจิ่งห้วนจับมือเล็กๆของเธอที่ไว้ที่หัวเข่าด้านหลังเขาโดยไม่รู้ตัว
ฝ่ามือเล็กๆเย็นมาก เขาขับช้าลงหน่อย พูดด้วยเสียงต่ำว่า”คุณป้าหลินต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
เวินจิ้งไม่พูดสักคำตลอดทาง เมื่อมาถึงที่จอดรถของโรงพยาบาล เธอก็เปิดประตูโดยไม่รอหยูจิ่งห้วน แล้ว
วิ่งไปในลิฟต์โดยตรง
ในคืนที่มืด จอแสดงผลสีแดงบนพื้นลิฟต์แสบมาก เหมือนรอยมือเปื้อนเลือดเล็กๆ ทำให้เวินจิ้งอึดอัดมาก
เมื่อประตูลิฟต์เปิดไว้ สองคนที่อยู่ในลิฟต์ทำให้ก็เวินจิ้งหยุดเดินทันที
หลิงเหยากำลังพูดคุยอะไรกับมู่วี่สิงด้วยรอยยิ้ม ภาพที่มองเห็นได้ก็คือรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักของมู่วี่สิง
ที่แท้เขาก็จะมีอารมณ์แบบนี้กับผู้หญิงคนอื่น
ความรักของเขา ไม่เคยเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น
เมื่อพวกเขาสองคนเห็นเวินจิ้งก็ประหลาดใจเบาๆ หลิงเหยายกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและทักทายด้วยรอยยิ้มว่า”เวินจิ้ง บังเอิญจังเลย”
“ขอทางด้วย”ตอนนี้เวินจิ้งไม่มีอารมณ์ที่จะทักทายพวกเขาจริงๆ แค่พยักหน้า
เมื่อพวกเขาออกจากลิฟต์ เธอก็กดปุ่มปิดโดยไม่ลังเล
เมื่อเห็นเงาทั้งสองค่อยๆเดินไกลไป เวินจิ้งก็รู้สึกหมดแรงไปทั้งตัว พิงผนังลิฟต์ทันที
ในลานจอดรถ หยูจิ่งห้วนที่กำลังพยายามวิ่งตามเวินจิ้งก็เห็นทั้งสองคน หยุดเดินและทักทายว่า”คุณหมอมู่คุณหลิง”
มู่วี่สิงพยักหน้าอย่างเย็นชา ไม่แปลกใจที่เห็นหยูจิ่งห้วน
หยูจิ่งห้วนรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ และมีแค่สองคนอยู่ในลานจอดรถขนาดใหญ่
หลิงเหยาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาโดยไม่มีการแสดงออกไดๆของมู่วี่สิง ก็ยิ้มทันที”วี่สิง คนรักใหม่กับคนรักเก่าเจอกัน รู้สึกยังไงบ้าง”
มู่วี่สิงไม่ได้หันกลับมา ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“คนรักใหม่กับคนรักเก่าเหรอ”
“ไม่ใช่เหรอ คุณเป็นคนรักเก่า และหยูจิ่งห้วนคือคนรักใหม่”
มู่วี่สิงไม่ตอบ ถอยรถอย่างเงียบๆ หลิงเหยาคาดเข็มขัดนิรภัยและยังมองไปมู่วี่สิงอยู่”ความสัมพันธ์กับต่างเพศของเวินจิ้งดีตลอด ครั้งนี้แม้แต่พนักงานที่มีความสามารถของคุณก็ยังหลงรักเธอเลย เก่งจริงๆ… ”
“จะกลับหนานเฉิงเมื่อไหร่”มู่วี่สิงพูดอย่างเย็นชา ขัดจังหวะหลิงเหยาไป
“ถ้าฉันบอกว่า ฉันจะอยู่ต่อล่ะ”หลิงเหยาเลิกคิ้ว
“ตามใจ”มู่วี่แสดงออกเหมือนเดิม
..
เวินจิ้งไม่ฟังคำชักชวนของใครทั้งนั้น และอยู่ในโรงพยาบาลทั้งคืน
จนถึงใกล้จะรุ่งสางหลินเวยถึงฟื้นตัว
ในตอนนี้สีหน้าของหลินเวยแย่มาก เธอเป็นลมหลายครั้งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่เธอก็ต้องฝืนตัวไปทำงานที่บริษัท
โจวเซิ่งกำลังดูแลหลินเวยอยู่ จากนั้นเวินจิ้งค่อยออกจากห้องผู้ป่วย แต่ไม่คิดว่าจะเห็นหยูจิ่งห้วนนั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวอยู่ข้างนอก
เขาก็ไม่ได้นอนทั้งคืเหมือนกัน สีหน้าไม่ค่อยดี แต่เขายืนขึ้นทันทีเมื่อเห็นเธอ”คุณป้าหลินเป็นยังไงบ้าง”
รอยยิ้มของหยูจิ่งห้วนอบอุ่นเสมอ แต่คราวนี้แม้ว่าเขาแค่มองเธอเบาๆ แต่คิ้วของเขาก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เวินจิ้งหยุดเดิน คิดว่าเขาเฝ้าเธออยู่หน้าห้องอย่างเงียบๆมาทั้งคืน ความวิตกกังวลและไร้เรี่ยวแรงก็สงบลงไปบ้างสักที
“ไปกันเถอะ ฉันจะส่งคุณกลับบ้าน”เขาเดินเข้ามาโอบไหล่เวินจิ้งแล้วพูดเบาๆว่า”ไปอาบน้ำก่อนค่อยไปทำงานนะ”
เวินจิ้งไม่ได้ขยับตัว แค่หันหัวมามองไปที่ห้องผู้ป่วย จะถูกเขาพาตัวไปแล้ว
การจราจรในตอนเช้าไม่ได้ติดมาก หยูจิ่งห้วนขับรถไปและค่อยๆพูดว่า”บริษัทหลินซือกรุ๊ปมีช่องว่างในการระดมทุนมากใช่หรือเปล่า ฉันจะช่วยคุณหาทางแก้ไขนะ”
เวินจิ้งยิ้มอย่างขมขื่น มาถึงจุดนี้แล้ว จริงๆแล้วสำหรับบริษัทหลินซือกรุ๊ป เธอไม่ได้กังวลกับช่องว่างการระดมทุนมากนักแล้ว เธอแค่แอบกลัวว่าหลักฐานที่คุณแม่ทำผิดกฎหมายจะถูกเปิดเผยสักวันหนึ่ง
“จิ่งห้วน ฉันกลัวมาก “เมื่อคำพูดเหล่านี้โพล่งออกมา เวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นเบาๆแล้วพิงเบาะ”ทั้งๆที่ฉันรู้ว่าคนที่ทำเรื่องพวกนี้อยู่เบื้องหลังคือใคร แต่ฉันไม่อยากยอมแพ้ ไม่ยอมไปขอร้องเขา”
โจวเซิน
หลายวันนี้เธอคิดมานานมาก ถ้าเป้าหมายสุดท้ายของโจวเซินคือเธอ งั้นเธอก็เหตุที่ทำให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นที่แท้จริง
หยูจิ่งห้วนขมวดคิ้ว หันหัวมองเวินจิ้งอย่างกระตือรือร้น”คุณพูดอะไรอยู่”
เวินจิ้งแค่เม้มปากยิ้มและส่ายหัวอย่างสับสน
กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เวินจิ้งอาบน้ำเสร็จ แต่ไม่มีความง่วงเลย
ในที่สุด เธอก็ทนไม่ไหวที่จะกดโทรหาโจวเซินที่ข้ามประเทศ
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะลืมอาการเจ็ตแล็กไป เพราะฉะนั้นไม่มีคนรับสายตั้งนาน
โจวเซินโทรกลับมาเมื่อสายถูกขัดจังหวะ
เวินจิ้งหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดปุ่มรับสายช้าๆ