Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 635

ตอนที่ 635

บทที่ 635แน่นอนฉันชอบเขา

“คุณมู่คุณต้องการอะไร” เวินจิ้งระงับอารมณ์และถามขึ้นด้วยความอดทนอดกลั้น

“นั่งลง” มู่วี่สิงพูดเชิงออกคำสั่ง

เวินจิ้งเม้มปาก ยื่นนิ่งโดยไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ

“หากคุณต้องการจะทราบข่าวคราวของหยูจิ่งห้วน มีทางเดียวคืออยู่กับผมที่นี่”

เวินจิ้งหันมามองดูชายผู้นั้น สักพักเธอก็นั่งลงอีกครั้ง

มู่วี่สิงยังคงดำเนินการจัดการงานที่มีอยู่ในมือให้แล้วเสร็จ ด้วยหน้าที่ตำแหน่งงานของเขา นอกจากงานตรวจหารักษาโรคและทำการผ่าตัดแล้ว เขายังต้องดูแลงานอื่นๆอีกด้วย ดังนั้นในแต่ละวันทำให้ช่วงเวลาการพักผ่อนของเขานั้นแทบจะน้อยเหลือเกิน

เวินจิ้งนั่งเฝ้าดูเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวินาที หลังจากที่คุยปรึกษากันเรื่องงานกับหซู่เฟินแล้ว เธอก็ดูไฟล์เอกสารไปเรื่อยๆจนหลับใหลไป

ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่ค่อยจะเพียงพอ อากาศในห้องทำงานก็กำลังพอดี บรรยากาศก็เงียบสงบ ทำให้เวินจิ้งรู้สึกหนังตาเริ่มหนักและค่อยๆหย่อนลง…..

มู่วี่สิงที่เพิ่งดูรายงานบางส่วนเสร็จ เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นศีรษะเวินจิ้งที่พิงโซฟานั้นเอียงเล็กน้อย ใบหน้ายังหันมาทางเขา

เวลานี้ใบหน้าเธอที่ไม่ได้เย็นชาเหมือนอย่างเคย ช่างดูละมุนและอ่อนโยน

ใบหน้าที่ตึงเครียดนั้นก็ดูผ่อนคลายลง เขาวางรายงานที่อยู่ในมือลง แล้วค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ๆ เขาหยุดก้าวขึ้นเมื่ออยู่ระยะห่างจากเธอเพียงหนึ่งเมตร

“จิ้งจิ้ง”

เสียงกระซิบของเขายังคงน่าหลงใหลเหมือนที่ผ่านมา

เวินจิ้งตื่นขึ้นหลังจากสองชั่วโมงผ่านไป เธอขยี้ตาในทันใดแล้วกลอกตาไปมา

เธอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร

อีกทั้ง…..ยังหลับอยู่บนตักของมู่วี่สิง

เธอกรีดร้องและลุกขึ้นฉับพลัน

หันไปมองทางมู่วี่สิง เขาก็ดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อยพร้อมขมวดคิ้วขึ้น

“คุณ…..” เวินจิ้งที่กำลังจะถามขึ้น แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นมู่วี่สิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ เสียงเธอนั้นก็ติดอยู่ในลำคอทันที

สายตาเธอจ้องเข้ากับสายตากลุ่มแพทย์ที่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

นี่…..มู่วี่สิงกำลังประชุมผ่านวิดีโอคอลหรือ

เธอหันหน้าไปมองมู่วี่สิงแวบหนึ่ง แล้วรีบก้มตัวลงเพื่อหลบกล้อง

“วันนี้ประชุมกันแค่นี้ก่อนนะครับ ”

จบประโยค เขาก็ปิดกล้องลงทันที

เวินจิ้งที่สีหน้าแดงก่ำด้วยความเคอะเขิน ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น

“มู่วี่สิง ทำไมฉันไปนอนอยู่บนตักคุณได้…..” เวินจิ้งถามด้วยความพะอืดพะอม

ฝ่ายชายเอนหลังพิงโซฟาด้วยความขี้เกียจ ดวงตาก้มลงเล็กน้อย ริมฝีปากเผยอขึ้น

“คุณเขยิบเข้ามาเอง” มู่วี่สิงพูดอย่างใจเย็น

เวินจิ้ง : ??

โซฟาก็ออกจะกว้างขวาง ตรงที่เวินจิ้งอยู่ระยะห่างก็อยู่ไกลสุดจากด้านที่เขานั่ง อย่างไรเสียก็เว้นช่วงห่างตั้งหลายเมตร…..

เป็นไปไม่ได้

“คุณกำลังแกล้งฉัน!” เธอพูดด้วยความโกรธ

“ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปแกล้งคุณหรอก”

“มีข่าวคราวความคืบหน้าของจิ่งห้วนหรือยัง” เวินจิ้งไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงเรื่องนั้นต่อ

เธอลุกขึ้นนั่งแล้วยืดตัวตรง

มู่วี่สิงที่เห็นเธอหูยังคงแดงอยู่ ใบหน้าก็ยิ้มออกมา แต่เขาก็รีบปิดซ่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว

“อืม เขาได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว”

“จริงหรือ”

มู่วี่สิงพยักหน้า

เวินจิ้งรีบคว้าโทรศัพท์ออกมาแล้วพยายามเชื่อมต่อหาหยูจิ่งห้วน แต่ว่ายังคงติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้

เธอมองมู่วี่สิงด้วยความคาดหวัง ฝั่งตรงข้ามจึงพูดขึ้นเบาๆว่า “การสื่อสารของขั้วโลกเหนือยังไม่ฟื้นเป็นปกติ”

“แบบนั้นหรือ อย่างนั้นเขาจะกลับมาในเร็วๆนี้ไหม”

“การวิจัยและพัฒนาของเขายังไม่เสร็จลุล่วง”

“แต่ที่นั่นมันอันตรายมาก หรือว่าหน้าที่การงานสำคัญกว่าชีวิตคน!” เวินจิ้งที่โกรธมากหยูจิ่งห้วนตกอยู่ในภัยอันตรายมาแล้วครั้งหนึ่ง เธอไม่ต้องการให้เขาทำงานการวิจัยและพัฒนานี้ต่อไปอีก

“คุณเวิน นี่คือสิ่งที่คุณหยูจิ่งห้วนเลือกเอง” มู่วี่สิงพูดอย่างเย็นชา

เวินจิ้งมองชายที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกว่ามู่วี่สิงในตอนนี้ช่างแปลกหน้าเหลือเกิน

ทำไมเขาถึงได้เลือดเย็นเช่นนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้…..

เขาไม่ใช่มู่วี่สิงคนเดิมที่เธอเคยรู้จักอีกแล้ว

“คุณเคยถามถึงความคิดของเขาหรือเปล่า” ขั้วโลกเหนือตอนนี้มันอันตรายมาก ถึงแม้ว่าจะต้องทำการวิจัยและพัฒนา ก็ไม่ควรที่จะเพิกเฉยหรือไม่ใส่ใจความปลอดภัยของชีวิตคน

“ถ้าหากเขาเสนอขึ้นเองว่าต้องการจะกลับประเทศ ผมก็จะอนุญาต”

“ฉันต้องการที่จะติดต่อกับจิ่งห้วน”

“คุณเวิน นี่คุณยังคิดว่าคุณยังเป็นผู้หญิงของผมอยู่ใช่ไหม” มู่วี่สิงมองเธอด้วยท่าทีที่สบายๆ น้ำเสียงยังคงเรียบเฉย

เมื่อประโยคนี้แล่นออกมา เวินจิ้งถึงกับชะงักงัน

ใช่สิ ตอนนี้คือเธอกำลังขอร้องมู่วี่สิงอยู่ แต่ด้วยเมื่อก่อนที่เคยชินกับการพึ่งพาเขาในลักษณะนี้ ท่าทางเช่นนี้จึงได้ฝังลึกผลึกแน่นอยู่ข้างใน

“ขอโทษค่ะ ฉันแค่เป็นห่วงจิ่งห้วนมากจนเกินไป” เวินจิ้งที่หันศีรษะมาอย่างอึดอัดใจ

“คุณชอบเขาหรือ” มู่วี่สิงถามขึ้นทันใด

เวินจิ้งก้มหน้า ไม่ถึงกับว่าชอบ แต่เธอก็พยายามที่จะชอบและเข้ากับหยูจิ่งห้วนให้ได้ ถึงแม้ว่าไม่ใช้ในฐานะแฟน ฐานะเพื่อนก็ยังดี

ไม่ว่าอย่างไร เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา เธอก็อดที่จะห่วงไม่ได้

แต่ว่ามู่วี่สิงถามขึ้นเช่นนี้ เธอไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไรดี

“คำถามนี้ตอบยากนักหรือ” พวกคุณตกลงปลงใจกันแล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าใจของคุณไม่ได้อยู่ที่เขา” น้ำเสียงท่าทีของมู่วี่สิงยังคงสบายๆ

แววตาที่ลุ่มลึกนั้นราวกับว่ามองทะลุปรุโปร่งในตัวเวินจิ้ง

“แน่นอน ฉันชอบเขา” เวินจิ้งตอบขณะที่ไม่ได้มองมู่วี่สิง พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งทื่อ

“การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือน หากงานไม่สำเร็จลุล่วง เขาไม่มีทางกลับมาอย่างแน่นอน”

“อะไรนะ สามเดือน นานขนาดนั้นเลยหรือ” เวินจิ้งตกใจ

“แต่ว่าที่นั่นมีภัยอันตรายอยู่ตลอดเวลา เปลี่ยนสถานที่ในการวิจัยไม่ได้หรือ”

คุณเวิน นี่คือการตัดสินใจจากผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาล ผ่านการประเมินและไตร่ตรองมากว่าครึ่งปี ถึงได้ยืนยันออกมา แค่คำพูดประโยคเดียวของคุณ จะให้ผมหยุดโครงการทั้งหมดอย่างนั้นหรือ”

เวินจิ้งมองชายที่อยู่ตรงหน้าแล้วนิ่งไปชั่วขณะ

“ไม่ใช่เพราะประโยคเดียวของฉัน แต่เป็นเพราะความปลอดภัยทั้งหมดของนักทีมวิจัยและพัฒนาต่างหาก”

“ในตอนนี้ผมคิดว่าที่เขตขั้วโลกเหนือทุกคนได้เพิ่มความปลอดภัยที่แน่นหนามากยิ่งขึ้น ไม่น่าจะมีอันตรายใดๆเกิดขึ้นอีก

“แล้วถ้าสมมติว่าเกิดขึ้นละ ——”

“คุณรู้ไหม จิ้งจิ้ง” น้ำเสียงมู่วี่สิงอ่อนโยนขึ้นในทันใดแล้วมองไปที่เธอ “ผมไม่ชอบเลยที่คุณเป็นห่วงเป็นใยผู้ชายอื่นเช่นนี้”

เวินจิ้งผงะไปชั่วขณะ สบตาเข้ากับนัยน์ตาที่ลุ่มลึกของมู่วี่สิง แล้วฝืนพูดขึ้นว่า “เขาเป็นแฟนของฉัน”

“มู่วี่สิงนี่คุณคงไม่ได้จะกลั่นแกล้งเขาใช่ไหม” เวินจิ้งถามขึ้นในทันใด

เพราะหยูจิ่งห้วนเคยพูดกับเธอว่า โครงการการวิจัยและพัฒนาชิ้นนี้ถูกนำขึ้นมาถกในวาระการประชุมอย่างกะทันหัน เขาเองก็รู้สึกเอะใจไม่น้อย จากนั้นเขาก็ถูกส่งตัวไปเขตขั้วโลกเหนือทันที

มู่วี่สิงกัดริมฝีปากอย่างแรงและไม่มีการตอบใดๆ

เวินจิ้งจึงคิดว่าเขานั้นได้ยอมรับไปโดยปริยาย ยิ่งทำให้โกรธยิ่งขึ้น เธอลุกขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวจนควบคุมไว้ไม่อยู่

“คุณจะมากไปแล้วนะ มู่วี่สิงทำไมคุณถึงทำเช่นนี้ได้…..”

“คุณเวินคุณคิดว่าในใจผมนั้นคุณยังคงมีความสำคัญอยู่ใช่ไหม” หนึ่งประโยคจากปากมู่วี่สิงได้ขัดจังหวะเวินจิ้งขึ้นในทันใด

ใบหน้าเวินจิ้งได้ซีดลง พร้อมกับส่ายหน้าไปมา

เธอไม่ได้คิดแบบนั้นอย่างแน่นอน

แล้วจุดประสงค์ของมู่วี่สิงที่ทำเช่นนี้ คืออะไรกันแน่

หยูจิ่งห้วนเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความสามารถระดับแนวหน้าของโรงพยาบาลหนานเฉิง มู่วี่สิงไม่มีทางจะสิ้นเปลืองทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถเช่นเขาได้

แต่ว่าเขากลับส่งเขาไปเขตขั้วโลกกะทันหัน…..

“คุณต้องการให้ผมย้ายเขากลับมา อย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของคุณแล้วละ ในเมื่อคุณก็ไม่ได้สำคัญกับผมอีกต่อไป ไม่มีเหตุผลที่ผมจะช่วยคุณอีก” เมื่อสิ้นประโยคของมู่วี่สิง เขาก็ดื่มกาแฟอย่างดื่มด่ำและสง่า ความผ่าเผยของเขาทำให้รู้สึกถึงความห่างเหิน

เวินจิ้งขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เขา พลันนึกถึงแววตาเฉียบคมในครั้งก่อนตอนที่อยู่คอนโดของมู่วี่สิง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท