Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 642

ตอนที่ 642

บทที่ 642 ฉันหลงทาง

หน้าต่างถูกเปิดเอาไว้แค่ครึ่งหนึ่ง แสงจันทร์ในคืนสงบจึงสาดส่องเข้ามา มู่วี่สิงนอนหันหลังให้เธอ ขนาดนั้นก็ยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆอย่างชัดเจน

มันไม่ใช่กลิ่นน้ำยาซักผ้าหรือกลิ่นแชมพูอาบน้ำ แต่เป็นกลิ่นที่หอมละมุน และกลิ่นนี้ก็ค่อยๆแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้อง

ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว เขาพลิกตัวหันกลับมา แล้วขยับแขนเบาๆ

เวินจิ้งในเวลานี้ไม่ได้ระวังถึงการกระทำของชายหนุ่มด้านหลังเลย ความเย็นของเสื่อไม้ไผ่และลมอ่อนๆที่โชยเข้ามาเป็นระยะนำพาเอาความร้อนอบอ้าวออกไป ในตอนนี้เวินจิ้งรู้สึกได้แค่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบริเวณเอว จนทำให้เธอหลับไม่ลง

เธอหดตัวให้เล็กลงยิ่งกว่าเดิม จนเหมือนแมวน้อย มู่วี่สิงสังเกตเห็นการกระทำนั้น จึงเอ่ยถามเสียงทุ้มแหบว่า “หนาวเหรอ?”

พูดจบ เขาก็ยื่นมือออกไปรวบเธอมาไว้ในอ้อมกอด

ตัวของเวินจิ้งแข็งทื่อ เพราะลมหายใจร้อนผ่าวของเขารินลดลงบนซอกคอของเธอ อีกอย่างแผ่นหลังยังแนบชิดกับหน้าอกของเขาด้วย ความอบอุ่นจากอกแกร่ง ถือเป็นสิ่งดึงดูดที่เธอขัดขืนอะไรไม่ได้เลยในตอนนี้

แต่เธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขามากเกินไป จึงรีบขยับหนีอย่างทันที แล้วตอบกลับเสียงแผ่วว่า “วันนี้ฉันไม่สะดวก”

มือของเขาวางลงข้างเอวของเธอ จากนั้นก็เงียบไปสักพัก แล้วถึงได้ออกแรงดึงเธอกลับมาอยู่ในอ้อมแขนเบาๆ พูดเสียงนิ่งว่า “อืม”

ได้ยินแบบนี้เวินจิ้งถึงได้เบาใจลง แต่ว่ากลับรู้สึกได้ถึงฝ่ามือของเขาที่ค่อยๆเลื่อนลงไปข้างล่างช้าๆ จนกระทั่งฝ่ามือของเขาวางแหมะลงบนบริเวณท้องน้อยของเธอ จากนั้นก็ลูบไล้เบาๆ

เวินจิ้งไม่ได้ห้ามเขา และเขาก็ไม่ได้หยุด ความเจ็บปวดบริเวณเอวค่อยๆผ่อนคลายลง จากนั้นเวินจิ้งก็ค่อยๆผล็อยหลับไป ตรงกันข้ามกับผู้ชายด้านหลัง ที่แววตามีแต่ความเร่าร้อน

เขานอนกอดเธออยู่ทั้งคืน เวินจิ้งเองก็หลับไปแต่โดยดี เขาขยับเข้าไปใกล้เธอมากกว่าเดิม จากนั้นก็นำคางของตัวเองไปวางไว้บนไหล่ของเธอ แล้วก็ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ

จิ้งจิ้งของเขา แต่ไหนแต่ไร…..ก็มีแค่เธอเท่านั้นที่สามารถทำให้เขาลุ่มหลงอย่างไร้ทางรักษาได้ถึงขนาดนี้

ทันใดนั้น เวินจิ้งก็ขยับพลิกตัว จากนั้นก็ซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกของเขาเข้าพอดี

ลมหายใจของเวินจิ้งโชยเข้ามา ในค่ำคืนมืดมิด แม้แต่ตัวมู่วี่สิงเองก็ไม่ได้สังเกต ว่าแขนของเขาไม่ได้ผละออกจากตัวของเธอเลย อารมณ์ก็สงบลงอย่างที่ไม่เคยมีมานาน

และคืนนี้ก็เป็นคืนที่ เวินจิ้งนอนหลับโดยไม่ฝันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลับสนิทจนท้องฟ้าทอแสง

ในตอนที่ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ชั่วขณะหนึ่งก็ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

แสงแดดอุ่นๆนอกหน้าต่างสาดส่องเข้ามา บนเตียงไม้เก่าๆมีแค่เธอนอนอยู่คนเดียว เธอลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาอย่างเชื่องช้า คุณยายเตรียมอาหารเช้าเอาไว้แล้วเรียบร้อย มีต้มโจ๊กข้นๆที่ส่งกลิ่นหอม และเกี๊ยวทอด

ทันทีที่เวินจิ้งนั่งลง และไม่ทันได้พูดอะไร คุณยายก็เอ่ยถามอย่างอบอุ่นว่า “เสี่ยวมู่ตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว อากาศเช้านี้ดีมากๆ เขาก็เลยไปเดินเล่นรอบหมู่บ้านน่ะ”

เวินจิ้งก้มหน้ากินโจ๊ก เธอไม่ได้สนใจสักหน่อยว่ามู่วี่สิงไปไหน เธอจึงยิ้มให้พอเป็นพิธี “ค่ะ”

อากาศวันนี้เย็นสบายกว่าเมื่อวานมาก เมื่อเวินจิ้งกินข้าวเช้าเสร็จก็พูดคุยกับคุณยายนิดหน่อยจากนั้นก็เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก

“ทำไมไม่รอให้เสี่ยวมู่กลับมาแล้วค่อยออกไปด้วยกันล่ะ?” คุณยายยื่นขวดน้ำให้เธอ แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย “แถวนี้คุณน่าจะไม่เคยมา”

“แค่ออกไปเดินเล่นตามถนน แป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้วค่ะ” เวินจิ้งตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ จากนั้นก็ออกไปข้างนอกเพียงลำพัง

เวินจิ้งเดินเล่นไปตามถนนอย่างไร้จุดหมายปลายทาง ไม่ทันได้รู้ตัวก็เดินออกจากหมู่บ้านเล็กๆมุ่งไปยังทิศตะวันตก

บริเวณตีนเขามีคนรวมตัวกันอยู่ไม่น้อยเลย เวินจิ้งจึงเดินเข้าไปถาม จึงพบว่าที่นี่คือจุดชมวิวที่กำลังจะเปิดใหม่ และกำลังเตรียมการก่อสร้าง

“แม่หนู เดินเรียบขึ้นไปตามเส้นทางสายนี้เลย เวลาลงก็เดินลงทางเดิมนี่แหละ” คุณลุงยิ้มตาหยีพร้อมกับชี้นิ้วบอกทาง “เดี๋ยวสักพัก ที่นี่ก็จะเก็บค่าเข้าแล้วนะ”

เวินจิ้งเดินขึ้นเขาไปตามถนนเส้นเล็กๆนี้ อาจจะเพราะสาเหตุที่ตอนเช้ามีหมอกปกคลุมอยู่เยอะ ดินโคลนบนพื้นถึงได้อ่อนนุ่มและเปียกชื้น แม้ว่าเมื่อวานเธอจะไม่ค่อยเต็มใจที่ถูกมู่วี่สิงพามาที่นี่ แต่กระนั้นเวินจิ้งก็ต้องยอมรับเลยว่า สถานที่ที่เขาพาเธอมาเป็นโลกในอุดมคติที่ห่างไกลจากความวุ่นวายจริงๆ

ในตอนที่เดินมาได้ครึ่งทาง เวินจิ้งถึงได้พบว่าทางขึ้นเขาเล็กๆนี้แม้ว่าจะไม่ได้เดินลำบากอะไรนัก แต่กลับคดเคี้ยว เมื่อหันกลับไปก็มองไม่เห็นทางขึ้นมาแล้ว

คุณลุงคนเมื่อครู่บอกมาว่าภูเขาลูกนี้ไม่ได้สูงชันและน่ากลัวเลยสักนิด โดยเฉพาะเมื่อเดินมาถึงครึ่งทางของภูเขา วิวทิวทัศน์ก็จะยิ่งสวยงามดึงดูดสายตา ดังนั้นเวินจิ้งเลยตัดสินใจเดินต่อ

ยิ่งเดินก็ยิ่งไกล และก็พบว่าวิวตลอดข้างทางน่ามหัศจรรย์ใจมากจริงๆ บางครั้งก็มีแกะที่ถูกนำมาเลี้ยงบนภูเขาวิ่งตัดหน้า จากนั้นก็ตามมาด้วยฝนตกปรอยๆ จนทำให้บนภูเขาเปียกชื้นไปหมด อากาศเย็นสดชื่นที่หาได้ยากในฤดูร้อนลอยปะทะหน้าเข้ามา

เพียงแต่ว่าจากฝนที่ตกปรอยๆในตอนแรกก็ยิ่งตกถี่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด ด้วยเหตุนี้เธอจึงวิ่งต้องวิ่งหาที่หลบ

ในตอนที่มู่วี่สิงกลับมาก็เป็นช่วงเย็นๆแล้ว เมื่อเห็นคุณยายอยู่ตรงลานหน้าบ้าน ก็เห็นท่านทำหน้าประหลาดใจพร้อมเอ่ยถามว่า “คุณไม่ได้กลับมากับเสี่ยวจิ้งหรอกหรือ?”

“เธอไปไหนเหรอครับ?” ฝีเท้าของเขาชะงักนิ่ง

จนกระทั่งถึงหกโมงเย็น ถึงได้มีคนมาบอกว่าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินขึ้นเขาซีซานไปคนเดียว

“ยังไม่ลงมาอีกเหรอ?” คนคนนั้นเช็ดเหงื่อบนหน้า เมื่อมองฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ก็ขมวดคิ้วมุ่น “งั้นก็คงต้องไปตามหาแล้วล่ะ ทางนั้นกำลังซ่อมแซมถนนอยู่ด้วย คนประเภทไหนก็มีทั้งนั้นแหละ ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องไม่ดีเกิดกับผู้หญิงด้วยล่ะ”

มู่วี่สิงกับคนในท้องที่ รีบมุ่งไปยังเขาซีซานในระหว่างที่ฟ้ายังไม่มืด

มือบีบโทรศัพท์เอาไว้แน่น แต่ทันใดนั้นมู่วี่สิงก็นึกได้ว่าเธอไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วย

ใบหน้าของเขาดำคล้ำเครียด ในระหว่างทางขึ้นเขาก็สาวเท้าเร็วๆ ไม่ได้เป็นตัวถ่วงของคนในพื้นที่ที่ชินกับการปีนเขาเลยสักนิด

เพียงแต่ว่าเขาซีซานกว้างใหญ่มากเกินไป ท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลงเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีท่าทีที่จะหาร่องรอยของเวินจิ้งเจอเลย

บนภูเขานอกจากเสียงฝนที่ตกลงมาเรื่อยๆ แล้ว ก็เหมือนจะมีเสียงร้องของสัตว์ป่าบางชนิด ดังออกมาจากภูเขาบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกล

เวลาเดินผ่านไปในแต่ละวินาที การที่คนคนหนึ่งหายไปอย่างไร้ซุ่มเสียงมันเป็นแบบนี้นี่เอง

ตามหาอยู่ท่ามกลางสายฝนมาเกือบจะสามชั่วโมงแล้ว สีหน้าของมู่วี่สิงก็ขมุกขมัวยิ่งกว่าเดิม จากนั้นก็มีคนเดินเข้ามาหาแล้วตะโกนพูดว่า “ไม่งั้นเราลองกลับไปดูก่อนไหม? ไม่แน่เธออาจจะกลับไปแล้วก็ได้”

มู่วี่สิงยังคงขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วยืนหยัดที่เดินต่อไปข้างหน้าเหมือนอย่างเคย

ท้องฟ้ามืดลงเรื่อยๆ จนค่อยๆกลืนร่างกายสูงโปร่งของเขาเข้าไปในความมืด ในใจของเขาก็ยิ่งร้อนรนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีลมพัดเข้ามา ก็เหมือนจะเห็นร่างกายของคนเอนไหวไปตามลม

แม้จะใส่ชุดกันฝนก็ไม่สามารถต้านสายฝนที่ตกแรงขึ้นเรื่อยๆได้เลย และทันใดนั้นเอง มู่วี่สิงก็แหวกพงหญ้าที่อยู่ข้างๆออกอย่างกะทันหัน “ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ?”

เป็นร่างกายบอบบางของใครคนหนึ่ง เพราะว่าไม่มีอุปกรณ์กันฝนแม้แต่ชิ้นเดียว ในตอนนี้สภาพของเวินจิ้งจึงน่าเวทนายิ่งกว่าเขาเป็นไหนๆ ผมยาวๆเปียกลู่ไปกับร่างกาย

ในตอนนี้ มู่วี่สิงถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ว่าสีหน้ากลับขุ่นมัวยิ่งกว่าเดิม เขาสาวเท้ายาวๆเดินเข้าไปหา แล้วเอื้อมมือไปกระชากข้อมือของเวินจิ้ง เอ่ยถามเสียงต่ำว่า “คุณไปไหนมา!”

แววตาของเวินจิ้งเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและแววคมกล้า บางทีอาจจะเป็นเพราะหนาว เสียงของเธอจึงได้สั่นเทาถึงเพียงนี้ “ฉัน…..ฉันหลงทาง……”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท