Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 651

ตอนที่ 651

บทที่ 651 ฉันกับเธอมันต่างกัน

อุณหภูมิภายในห้องค่อยๆอบอุ่นขึ้นมา ทว่าเวินจิ้งกลับไม่ตอบๆคำของมู่วี่สิง เธอนำน้ำซุปข้างๆยกขึ้นมาป้อนให้เขาอย่างเอาอกเอาใจ “คุณลองชิมน้ำซุปนี่หน่อย รสชาติดีทีเดียว”

ชายหนุ่มมองใบหน้าสวยหมดจดตรงหน้าผ่านไอความร้อนที่ลอยขึ้นมา เขาดื่มซุปพลางมองความเคลื่อนไหวของเธอ

“เราจะออกไปเดินเล่นหรือว่าดูหนังกันดี?”

เวินจิ้งตกชะงัก ในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงมู่วี่สิง ห้องหอของพวกเขาเคยมีโฮมเทียเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียงหรือความคมชัดของภาพนั้นไร้ที่ติ เรียกได้ว่าดีกว่าโรงหนังเสียอีก

แต่ทว่า เรื่องนั้นก็เป็นแค่อดีตไปแล้ว

เธอพยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

ตอนนี้รอบหนังในโรงมีแต่แนวบู๊เลือดสาด เวินจิ้งชะงักเท้าทันทีเมื่อเห็นโปสเตอร์หนังตรงทางเดิน

มู่วี่สิงโอบไหล่เธออย่างถือวิสาสะ พร้อมกับหันไปมองโปสเตอร์แผ่นเดียวกัน “รอก่อน เดี๋ยวก็ได้ดูแล้ว”

ทั้งสองรอเกือบจะชั่วโมง ถึงได้เข้าไปดูหนังเรื่อง Detective Conan Front Cyan Blue Fist

ภายในโรงมีเสียงดังเล็กน้อย เพราะมีเด็กๆ ส่งเสียงจอแจมาเป็นระยะ และเสียงกินป๊อปคอร์นดังตลอดเวลา

ในระหว่างการดูภาพยนตร์มู่วี่สิงออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกหลายครั้ง ส่วนเวินจิ้งจดจ่อกับเนื้อเรื่องในจอตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ

เมื่อหนังจบ ร้านค้าในโรงภาพยนตร์มีการจัดขายโมเดลของเล่นที่ระลึกจากภาพยนตร์เรื่องนี้

สายตาของเวินจิ้งหยุดอยู่พักหนึ่ง เมื่อโสตประสาทได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังระงมขึ้น

“ทำไมคนเยอะจัง” เธอหันไปดู พบว่าคนต่อแถวยาวไปจนถึงหน้าประตูโรง

ที่จริงแล้วนี่เป็นการฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ใหม่เรื่องนี้ นักแสดงนำชายหญิงล้วนทั้งเป็นไอดอลคนดังที่กำลังเป็นที่นิยม ตอนนี้ทีมโปรดิวเซอร์ได้พากันทยอยเข้ามากันแล้ว ทั่วทั้งโรงแลดูคึกคักกันเป็นพิเศษ

เวินจิ้งมองดูความยิ่งใหญ่ของการเปิดตัวภาพยนตร์ในครั้งนี้ ก่อนจะดึงแขนของมู่วี่สิงมากระชับแน่นอย่างไม่รู้ตัว เธอเขย่งเท้าเพื่อไปพูดข้างหูกับเขาว่า “ที่แท้คุณก็พาฉันมาดูนี่เองสินะ”

สายตาของมู่วี่สิงทอดหยุดอยู่บนโปสเตอร์หนังที่มีรูปของไป๋ซีสวมใส่ชุดนักเรียนที่ดูสะอาดและบริสุทธิ์บนนั้น เหลือแต่น้ำเสียงที่ยั่วเย้าของเวินจิ้งที่ยังคงดังอยู่ข้างหู

ทันใดนั้นไม่ไกลเสียงกรีดร้องของแฟนคลับรอบๆ ได้ดังขึ้น ร่างของไป๋ซีในชุดเดรสสีดำกำลังเดินเข้ามาในโรงภาพยนตร์ท่ามกลางเหล่าผู้คนมากมาย

เวินจิ้งกดมุมปากเป็นรอยยิ้มลึกก่อนจะพูดว่า “ฉันยังจำครั้งแรกที่เห็นเธอได้”

เธอยั่วเย้าตามอำเภอใจอยู่ในอ้อมอกของมู่วี่สิง

“มู่วี่สิง” เวินจิ้งกะพริบตา เขาแค่มองเธอเงียบๆไม่พูดจา ที่นี่เป็นเมืองที่ไม่คุ้นเคย แต่ทำไมมันบังเอิญขนาดนี้ บังเอิญจนทำให้สงสัย

ตามองมาที่เขา ใบหน้าของเธอไม่มีความขุ่นเคืองใจสักนิด ทว่ากลับส่งรอยยิ้มเจิดจ้า

“ครั้งต่อไปคุณอย่ามาทดสอบฉันแบบนี้ โอเคไหม”

ฉับพลันดวงตาของเขากลับมืดลงทันที มีเพียงแค่น้ำเสียงติดเย็นชาที่ถามกลับไป “ทดสอบ?”

ตอนนี้รอยยิ้มของเวินจิ้งยังคงกดลึกแบบเดิม “ฉันรู้ตัวเองดีว่าควรทำยังไง ฉันไม่ทำลายบริษัทหลินซื่อหรอกนะ แล้วก็จะไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณแม่ด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นให้ฉันเห็นเธอกับหยูจิ่งห้วนกลับไปโรงแรมพร้อมกัน นับว่าเป็นการทดสอบด้วยไหม?” พลันริมฝีปากบางของมู่วี่สิงยกขึ้น แต่น้ำเสียงกลับดุดัน

“พวกเราบริสุทธิ์ใจ” เธอเคยสารภาพทุกอย่างไปกับเขาตั้งนานแล้ว “คุณกับเธอ

มันต่างกัน”

อย่างน้อยที่สุดแล้วโดยความคิดส่วนตัวของเวินจิ้ง มู่วี่สิงกับไป๋ซีเคยมีความสัมพันธ์กันมาตั้งนานแล้ว

แต่ตอนนั้น เธอกลับไม่ได้กลับมาอยู่ข้างๆมู่วี่สิง ดังนั้นเธอจึงบอกตัวเอง ว่าไม่เป็นไร

“ถ้าอย่างนั้นจะบอกอะไรเธอ ทดสอบเธอน่ะมันมีหลายวิธี” เขายิ้มอย่างเฉยชา เมินเฉยคำพูดประโยคหลังของเธอไปราวกับไม่ได้ยิน

“ฉันไม่ใช่คนที่จะมาเสียดายอะไรกับตั๋วสองใบหรอกนะ”

ตลอดทั้งคืนทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย

หลังจากมู่วี่สิงพาเธอกลับมาโรงแรมแล้ว เขาจึงก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป

ตอนเวินจิ้งกำลังจะเข้าสู่นิทรา ฝั่งที่นอนข้างๆยังคงว่างและโดดเดี่ยว นอกห้องกลับได้ยินเสียงปิดประตูดังขึ้น

เธอรู้สึกไม่ดีที่ก่อนหน้านั้นแสร้งว่าตัวเองทำเป็นยินดีแบบนั้น แต่ก็ยังดีกว่าทำเป็นเย็นชาใส่กันแบบนี้

เมื่อมู่วี่สิงกลับมาในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เวินจิ้งกำลังนั่งกินข้าวเช้าอยู่ที่โต๊ะ เธอพึ่งอาบน้ำเสร็จเลยทำให้ดวงหน้าขาวยิ่งกระจ่าง แสงแดดตอนเช้าที่ลอดผ่านมากระทบใบหน้า ยิ่งขับให้พวงแก้มมีสีเปล่งปลั่ง

“วันนี้กลับเลยไหม?” เธอยิ้มจาง เหมือนกับว่าเมื่อวานไม่มีเรื่องบาดหมางกัน

“ยังไง?”

“ ไป๋ซีขอให้ฉันไปพบ” เวินจิ้งพูดอย่างตรงไปตรงมา พลางเขย่ามือถือเล่นไปมา “ฉันก็แปลกใจเหมือนกัน”

“ไฟล์ทบินมีตอนบ่าย ตามใจเธอแล้วกัน” มู่วี่สิงไม่แสดงอารมณ์อะไร

เวินจิ้งจ้องมองเขาอยู่นาน แต่ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นยังคงปั้นหน้าเฉยเมย

“งั้นฉันไปนะ” เวินจิ้งยิ้ม “แต่หลังจากได้เจอ ฉันคิดว่าได้พาดหัวข่าวแน่ๆ”

เขาแค่เอี่ยวตัวมาจูบหน้าผากเธอ แต่ไร้ซึ่งคำพูดใด

… …

ร้านกาแฟที่เพิ่งจะเปิดร้าน พนักงานกำลังยืนเช็ดกระจกหน้าต่างอย่างขะมักเขม้น แสงแดดอ่อนๆทอดผ่าน ร้านนี้คนสัญจรไปมาไม่เยอะ ดังนั้นจึงไม่มีเสียงจอแจน่ารำคาญของผู้คน

“อยากนั่งที่นั่งฝั่งนู้นไหมคะ?”

หญิงสาวสวยสวมแว่นกันแดดสีดำส่ายหน้า“ตรงนี้โอเคแล้วค่ะ” เธอพูด

พลางถอดแว่นกันแดดสีดำออก เผยให้เห็นใบหน้าเล็กใสไร้เครื่องสำอาง “ฉันไม่ชอบถูกนักข่าวตามสักเท่าไหร่”

เวินจิ้งเพียงแค่ยิ้มตอบ “’แล้วทำไมถึงนัดฉันออกมาพบเหรอคะ?”

ไป๋ซียิ้ม “ถึงอย่างไรคุณก็ช่วยผ่าตัดฉัน ก็แค่อยากจะมาขอบคุณ”

“แค่นั้นเหรอคะ” คิ้วเรียวเลิกขึ้น “ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีแค่นี้”

ไป๋ซีออกอาการอึดอัดเธอรู้สึกวางตัวไม่ถูก ครู่หนึ่งเธอหัวเราะเบาๆกับตัวเองก่อนพูด “ฉันคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันคงจะไม่มีชื่อเสียงเหมือนวันทุกวันนี้หรอกค่ะ คุณเข้าใจที่ฉันจะสื่อไหมคะ?”

“จะพูดอะไรก็พูดเถอะค่ะ” เวินจิ้งพูดขึ้นก่อนจะจ้องหน้าร่างบางตรงหน้า “ฉันคิดว่าเราสองคนได้พูดคุยกันต่อหน้าแบบนี้ มันทำให้อึดอัดน่ะค่ะ”

ไป๋ซีชะงักงัน ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร

“มู่วี่สิงสั่งให้คุณมาหาฉันใช่ไหม เขาคงหวังให้คุณจะพูดอะไรสักอย่างกับฉัน พูดอะไรที่สามารถทำให้ฉันปรนนิบัติต่อเขาให้ดี” น้ำเสียงเวินจิ้งยังคงราบเรียบ

ใบหน้าของไป๋ซีพลันขาวซีด เธอกัดปากตัวเองแน่น “เขาไม่ได้สั่งให้ฉันมาหรอกค่ะ ฉันแค่อยากจะมาคุยกับคุณตามลำพัง”

ในใจของเวินจิ้งไม่อยากจะพูดคุยอะไรกับไป๋ซีอีกแล้ว แม้แต่กาแฟเธอก็ไม่อยากสั่ง

“ระหว่างเรา ฉันคิดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องคุย”

พูดจบ เธอก็ได้เดินจากไป แค่จะเห็นใบหน้าของไป๋ซีมันทำให้เธอรังเกียจ

เธอเข้าใจคำพูดของหล่อนดี ถ้าหากว่าเธอไม่ถูกพึงพอใจโดยมู่วี่สิงแล้ว ตั้งแต่นั้นมาเธอจะได้เป็นที่นิยมในวงการบันเทิงหรือ?

ไม่คิดว่าวันหนึ่งหล่อนจะมีฝีมือ แต่แค่เธอไม่เชื่อ ทำไมมู่วี่สิงถึงเลือกที่จะให้ความสำคัญกับไป๋ซี

แต่ก็นะ ไม่เห็นจะมีความสำคัญอะไรกับเธอ

“คิดดีแล้วหรือยัง?” ทันใดเสียงของมู่วี่สิงก็ลอยมากระทบโสตประสาทของเธอ “เรื่องการรับซื้อบริษัทหลินซื่อ”

“รอฉันกลับไปคุยกับคุณแม่ก่อน” เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น

เธอพึ่งจะนอนไปได้สักพักแต่ถูกปลุกขึ้นมาจากแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องบิน ไฟในห้องโดยสารหรี่ลง พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกำลังประกาศให้ทราบว่าตอนนี้กำลังประสบกับปัญหาสภาพอากาศแปรปรวนหนัก ไม่มีทางที่จะนำเครื่องลงได้ตรงเวลา จึงขอให้ทุกคนอดทน

มู่วี่สิงหันหน้ากลับมาดูเห็นใบหน้าซีดขาวของเวินจิ้ง ก่อนโน้มตัวลงไปพูดกับเธอว่า “คาดเข็มขัดให้ดี”

แต่เวินจิ้งไม่มีทีท่าว่าจะทำตาม

อีกครั้งที่เครื่องบินมีการสั่นสะเทือน ใบหน้าของเวินจิ้งไร้สีเลือด นิ้วเรียวกำผ้าห่มแน่นจนเกร็ง ไม่มีคำพูดอะไรจากเธอสักคำ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท