Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 643

ตอนที่ 643

บทที่ 643 อย่าหาเรื่องยุ่งยากให้ผมอีก

เส้นทางของเขาซีซานซับซ้อนมาก สำหรับผู้หญิงที่มีความจำเรื่องเส้นทางค่อนข้างที่จะแย่ จึงเดินหลงทางได้ง่ายๆ

มู่วี่สิงชะงัก ราวกับไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร จึงทำได้แค่ตอบรับกลับไปหนึ่งที จากนั้นจึงออกแรงดึงข้อมือของเธอให้เดินกลับไปทางเดิม

ในตอนที่เดินข้ามพงหญ้าออกมา มู่วี่สิงก็ยื่นมือมาปลดเสื้อกันฝันของตัวเอง แล้วเอาไปคลุมไว้บนร่างกายของเธอ

แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะหาทางเดินกลับเลยสักนิด เขาพาเวินจิ้งเดินกลับไปยังทางที่เดินมา เธอกำกำปั้นเอาไว้อยู่ตลอด แทนที่จะพูดว่าเธอถูกเขา “ดึง” ข้อมือคงต้องพูดว่าฝ่ามือของเขากุมกำปั้นของเธอยังจะเข้าท่ากว่า และเธอก็ไม่ยอมคลายหมัดเลยตั้งแต่ต้น

เดินลงเขาใช้เวลาไปเกือบจะครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็พอจะเห็นแสงไฟระยิบระยับอยู่ใต้เขาบ้างแล้ว ในคืนที่ฝนตกแบบนี้ภาพข้างหน้าจึงเหมือนภาพวาดภูเขาด้วยหมึกสีเข้ม

การก้าวเดินของเวินจิ้งช้าลงเรื่อยๆ ร่างกายก็เริ่มโอนเอน

มู่วี่สิงหยุดฝีเท้าลง แล้วลูบน้ำฝนออกจากใบหน้า ขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เธอ “เดินไม่ไหว?”

เวินจิ้งฝืนยิ้มออกมา “เปล่า”

ถ้าเป็นเวินจิ้งคนก่อน คิดว่าคงโถมกายเข้าสู่อ้อมกอดของเขา และร้องไห้สะอึกสะอื้นไปนานแล้ว

มู่วี่สิงเม้มริมฝีปาก พูดอย่างเฉยชาว่า “อย่าหาเรื่องยุ่งยากให้ผมอีก”

เธอหลบสายตาของเขา จากนั้นก็ตอบรับออกมาง่ายๆ

ตลอดทางที่เดินกลับมายังที่พัก ก็เป็นเวลาตีกว่าๆแล้ว สองสามีภรรยายังคงยืนรออยู่ด้วยความเป็นกังวล เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกลับมา จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ

เวินจิ้งชักมือออกจากมือของเขา จากนั้นก็นั่งลงในห้องโถง แล้วกัดฟันลูบเท้าตัวเอง

คุณยายสายตาแหลมมาก มองไปแค่แวบเดียวก็สามารถมองเห็นข้อเท้าที่บวมแดงของเธอได้ จากนั้นก็ส่งเสียงอุทานว่า “โถ่”ออกมาอย่างนึกสงสาร “ทำไมเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?”

เวินจิ้งมองคุณยายที่รีบร้อนหายามาให้อย่างเกรงใจ จากนั้นก็พูดขอบคุณ

มู่วี่สิงยืนอยู่ข้างๆมาตั้งแต่ต้น ด้วยสีหน้าที่สุดจะทน

คุณปู่ส่งผ้าขนหนูสะอาดๆมาให้เขา แล้วพูดเร่งเร้าว่า “รีบเอาไปเช็ดผมให้แฟนซะสิ”

เขารับมาช้าๆ จากนั้นก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆเวินจิ้ง ใช้ปลายนิ้วปัดเส้นผมเปียกๆของเธอ

ความบวมช้ำบนข้อเท้าแทบจะแผดเผาเธอ เวินจิ้งพยายามอดทนมาตลอดระหว่างทางเดินกลับ อันที่จริงมันปวดจนชาไปแล้วล่ะ

ในตอนที่เขาขยับมาใกล้ เขาก็ใช้ผ้าขนหนูผืนนุ่มเช็ดเส้นผมให้เธอ แต่เวินจิ้งกลับหันหลบไปด้านข้างโดยอัตโนมัติ

เหมือนมู่วี่สิงจะเดาไว้แล้วว่าเธอจะทำแบบนี้ เขาเลยยื่นมือออกไปจับหน้าเธอเอาไว้ให้อยู่กับที่ จากนั้นก็ช่วยเธอเช็ดผมอย่างไม่ช้าไม่เร็ว

กลิ่นของยาดองแสบจมูกมาก ทั้งสองยังไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งคุณยายเก็บของแล้วเดินจากไป มู่วี่สิงถึงได้ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เท้ามีแผล แล้วทำไมไม่บอก”

เวินจิ้งพูดเสียงเบา ด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความสั่นไหวใดๆ “ไม่เจ็บ”

รอบข้างเงียบสนิท ได้ยินแค่เสียงลมหายใจของกันและกัน

ภายใต้แสงไฟสีนวล เขามองพิจารณาท่าทางของเธออย่างถี่ถ้วน น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นบางเบา “เวินจิ้ง คุณกำลังไม่รักตัวเอง”

สายตาที่เดิมทีเรียบนิ่งของเวินจิ้งค่อยๆมีอารมณ์ความรู้สึกขึ้นมา ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อขยับจะพูด แต่ไม่นานก็เก็บอาการเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ทิ้งเอาไว้แค่คำว่า “ช่างเถอะ”

ไม่สนว่าเขาจะมองยังไง และก็ไม่สนด้วยว่าตัวเองจะเป็นยังไง

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ช่างมันเถอะ

ในที่สุดเขาก็โยนผ้าขนหนูทิ้งไปไว้ด้านข้าง แล้วพูดขึ้นโกรธๆว่า “จิ้งจิ้ง”

เวินจิ้งทำเพียงแค่ค้ำโต๊ะแล้วลุกขึ้น จากนั้นก็เลิกคิ้ว ถามยิ้มๆว่า “แล้วคุณมาตามหาฉันทำไม?”

ระหว่างคิ้วของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนล้า เธอไม่รอให้มู่วี่สิงตอบกลับ หมุนตัวเดินกะเผลกๆขึ้นบันไดไป

แสงยามกลางคืนสะท้อนแผ่นหลังของเธอให้เป็นเงายาว บันไดทั้งสูงทั้งชัน ในทุกๆก้าวที่ย่ำเดิน ทำให้ข้อเท้าที่เพิ่งทายามาเกิดอาการเจ็บจนใจจะขาด

เวินจิ้งใช้แรงจากมือทั้งสองข้างค้ำเอาไว้ ทุกๆการก้าวเดินเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่กระนั้นเธอก็ยังมุ่งมั่น ไม่ได้สนใจสายตาขุ่นมัวที่ทอดมองตามหลังมาเลยสักนิด

จนในที่สุดก็มานั่งบนเตียงด้วยใบหน้าเปื้อนเหงื่อ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มานอนขดตัวอยู่บนเสื่อ เวินจิ้งค่อยๆหลับตาลง แต่เมื่อนึกไปถึงตอนที่ตัวเองหลงทางอยู่บนภูเขาเมื่อกลางวัน เธอก็ไม่ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด เธอแค่เดินไปตามทางบนภูเขาไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็หาทางออกไม่เจอ

หลังจากที่เจี่ยนอีจากโลกนี้ไป โลกของเธอก็พังทลายลงครั้งยิ่งใหญ่ และหลังจากที่ต้องห่างกับมู่วี่สิง ความเชื่อมั่นที่แน่วแน่ของเธอก็พังทลายลงในพริบตาเช่นเดียวกัน

เธอรู้ว่าที่ตัวเองยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะมู่วี่สิงทั้งนั้น

เพียงแต่ว่าเขาในตอนนี้ มักจะทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองตกอยู่ในหลุมลึก ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางปีนขึ้นมาได้

อย่างเมื่อครู่ วินาทีที่เขาแหวกพงหญ้ามาเจอเธอ เธอไม่ได้รับรู้ถึงสัญญาณว่าจะมีคนมาช่วยเลยสักนิด ตรงกันข้ามความรู้สึกกลับยิ่งหนักอึ้ง มันเหมือนกับว่าต้องกลับไปเผชิญหน้ากับฝันร้ายต่อ เธอหลบมาได้ตั้งนาน ยังถูกตามหาเจอ

ด้านข้างเตียงมีเสียงไม่หนักไม่เบามากจนเกินไปส่งเสียงขึ้นมา เสียงเย็นๆของมู่วี่สิงดึงเธอออกมาจากภวังค์ของตัวเอง “ลุกขึ้น”

“คุณยายทำซุปขิงให้คุณ” เขาพูดออกมาเรียบๆ

เวินจิ้งลุกขึ้นนั่ง ยื่นมือออกไปรับเอาถ้วยมา จากนั้นก็กินซุปขิงร้อนๆเข้าไปโดยไม่พูดไม่จา หลังจากกินเสร็จ ก็เอนตัวลงนอนอย่างเงียบๆเหมือนเคย

เมื่อเตียงไม้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดออกมา เวินจิ้งก็ขยับถอยเข้าไปด้านใน จากนั้นก็ได้ยินเสียงขุ่นมัวของมู่วี่สิงดังขึ้นมาว่า “เวินจิ้ง อย่าลืมนะว่าคุณไม่ได้ตัวคุณเดียว”

ความหมายของประโยคนี้ เวินจิ้งไม่เข้าใจเลยสักนิด และก็ไม่คิดที่จะเข้าใจด้วย

ไม่นานเธอก็หลับตาลงอย่างปิดสนิท แต่เธอกลับไม่ได้หลับ

รอบด้านไม่มีแสงจันทร์ และก็ไม่มีแสงไฟ ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้กันถึงขนาดนี้ แต่ระยะห่างภายในใจกลับยิ่งไกลออกไปมากกว่านั้น

ริมฝีปากอ่อนนุ่มประทับลงบนแผ่นอก จากนั้นก็ค่อยๆขยับขึ้นไปข้างบน เส้นผมของเธอเจือปนไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชื้น จากนั้นก็ค่อยๆโอบเขาเอาไว้ช้าๆ

คิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มขมวดเล็กน้อย มองการกระทำของหญิงสาวในอ้อมกอดที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ทันใดนั้นเขาก็กระชากเธอเข้ามา แล้วกดเธอเอาไว้ใต้ร่าง

“ทำไม? เพราะผมช่วยคุณเอาไว้ คุณก็เลยรุกก่อนงี้เหรอ?”

“จะว่างั้นก็ได้” เวินจิ้งเงยหน้า แขนทั้งสองข้างโอบรอบลำคอของเขาเอาไว้ ในตอนที่สัมผัสกับริมฝีปากของเขา เธอก็กัดมันลงไปเบาๆ

ลมหายใจยังคงปะปนไปด้วยกลิ่นอายของน้ำขิง เขาตื่นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยื่นมือออกไปรวบจับท้ายทอยของเธอไว้แล้วกดจูบลงไปหนักๆ

ค่ำคืนนี้ไม่รู้ว่าผ่านไปยาวนานเท่าไหร่ ผ่านไปพักใหญ่ น้ำตาของเวินจิ้งก็เอ่อล้นรอบกรอบตา

ก่อนฟ้าสางในตอนที่เวินจิ้งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่ามู่วี่สิงกำลังยืนพิงอยู่ตรงหน้าต่าง ในมือกำลังเล่นโทรศัพท์ราวกับดูอะไรอยู่สักอย่าง จากนั้นก็ทอดสายตามองมาที่ตัวเอง

ทันใดนั้นเธอก็ตื่นเต็มตา คิดว่าอาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับบริษัทหลินซื่อกับแม่ก็เป็นได้

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่ประเทศFหรือเปล่า?”

เขาเดินเข้ามาหาอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็นั่งลงบนขอบเตียง ปรายสายตาลงบนไหล่บอบบางของเธอ บนนั้นเต็มไปด้วยรอยจ้ำมากมาย ปลายนิ้วเย็นๆของเขาแตะลงไปอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ลูบมันช้าๆอย่างหลงใหล

“เปล่า” เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

เวินจิ้งรีบหลบสายตา เพื่อไม่ให้หลงกลมู่วี่สิง

“เราจะกลับตอนไหน?” เธอเอ่ยถาม

“พรุ่งนี้ตอนเย็น”

“อ่อ” เวินจิ้งขานรับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกทาง

เมื่อเห็นแววตาของเธอว่างเปล่า เหมือนไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิดเดียว

แววตาของมู่วี่สิงจึงพลันทอแววหนักหน่วงขึ้นมาในทันที

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท