Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 657

ตอนที่ 657

บทที่ 657 ทุกอย่างเหมือนเดิม

“กลับไปบ้านตระกูลหลินหรือ” มู่วี่สิงถาม

เกาเชียนส่ายศีรษะ “ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวของคุณเวินครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของมู่วี่สิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาฉับพลัน

“อีกเรื่องครับ นี่คือภาพกล้องวงจรปิดที่โรงแรมเลือกออกมา”

เกาเชียนส่งแท็บเล็ตให้ ภาพในจอเป็นตอนที่เวินจิ้งทะเลาะกับหลิงอี้พอดี หลิงอี้โมโหจึงผลักเวินจิ้ง ทำให้เธอที่ยืนไม่มั่นคงล้มหงายหลังทั้งตัว

มู่วี่สิงย้อนดูภาพหลายรอบ กระทั่งสุดท้ายสายตาก็มาหยุดนิ่งที่มือของเวินจิ้ง

เห็นชัดว่าเธอจับราวบันไดได้ แต่ว่า ท่าทางของเธอราวกับตั้งใจไม่จับให้มั่น

เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของชายหนุ่มยิ่งนิ่งขรึม เขารีบเดินทางไปโรงพยาบาลตี้อี ทันที ที่นี่คือโรงพยาบาลที่เวินจิ้งถูกส่งมาช่วยชีวิตในวันนั้น

เขาดูประวัติการรักษาของเวินจิ้งอีกครั้ง แต่หมอที่ผ่าตัดให้เวินจิ้งลาออกไปแล้วในวันรุ่งขึ้น ตอนนี้ไม่ทราบข่าวคราวเช่นกัน

“ไปสืบมาที่สนามบินและสถานีรถไฟเมืองหนานมีบันทึกเข้าออกของเวินจิ้งหรือเปล่า” มู่วี่สิงกำชับเสียงเย็น

เวลานี้ ที่เมืองหนาน

เวินจิ้งลงจากเครื่องบินก็ตรงดิ่งไปบ้านบนถนนอันหนิง มันยังคงเหมือนกับเมื่อสามปีก่อนไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ไม่ได้ทำความสะอาดมานานมาก จนกระทั่งฝุ่นหยากไย่เต็มห้อง

เวินจิ้งใช้เวลาสามชั่วโมงเต็มๆ ถึงจะทำความสะอาดเสร็จไปรอบหนึ่ง เธอเอนหลังบนโซฟา แล้วเปิดโทรศัพท์มือถือ

เธอโทรไปหาหลินเวย แจ้งว่ากลับมาทำธุระที่เมืองหนาน และตอบข้อความของเพื่อนสองสามคน จากนั้นก็วางโทรศัพท์ลงมุมหนึ่ง

ร่างกายยังคงรู้สึกไม่สบายนัก เธอสั่งอาหารให้มาส่งแล้วก็ผล็อยหลับไป จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

เธอเข้าใจว่าพนักงานส่งอาหารมาถึงแล้ว นึกไม่ถึงว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูจะเป็นบอดี้การ์ดสองคนสวมชุดสูทสีดำ

เธอย่นคิ้ว แต่สายตากลับไม่ประหลาดใจสักนิด

“คุณเวิน เชิญคุณไปกับพวกเราหน่อยครับ”

สีหน้าของเวินจิ้งที่เดิมอิดโรยอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งซีดเซียวเข้าไปใหญ่

หญิงสาวขยับริมฝีปาก ตอบกลับน้ำเสียงเรียบเฉย “พวกคุณคงไม่ได้บินมาจากประเทศFใช่ไหม”

คำนวณเวลาแล้ว เธอเพิ่งเดินทางมาที่นี่ไม่ถึงครึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นลงมือไวจริงๆ

“ใช่ครับ” บอดี้การ์ดดูเหมือนจะไม่เข้าใจที่เธอพูดเหน็บแนม เพียงแต่ผายมือทำท่า “เชิญ”

เวินจิ้งไม่ปฏิเสธ เพียงแต่กลับเข้าไปหยิบกระเป๋า แล้วก็ให้ความร่วมมือออกไปกับพวกเขา

การ์เด้นมูเจียวานที่คุ้นเคย ที่นี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักอย่าง

อารมณ์ของเธอเยือกเย็นตลอดทางมาที่นี่ ท่าทีอิดโรย ไม่พูดจาสักคำ จนถึงขั้นหลับตาลงนอนหลับไปพักหนึ่ง

หลังลงจากรถ เธอให้ความร่วมมือเดินขึ้นไปห้องชั้นบนสุดแต่โดยดี

หรือว่าเธอให้ความร่วมมือมากไป บอดี้การ์ดสองคนนั้นประหลาดใจมาก

ในเมื่อมู่วี่สิงกำชับไว้ ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนต้องพาตัวมาให้ได้ คำสั่งนี้ทำให้พวกเขาคิดว่าต้องลงมือเสียอีก

เวินจิ้งไม่ใส่ใจบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังมาเหมือนเงา เดินไปที่ห้องนอนใหญ่แล้วลงกลอน

ที่นี่สะอาดสะอ้านไม่มีฝุ่นจับ อากาศมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่างรู้สึกสบายเหลือเกิน

สามปีผ่านไป แม้ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธ เธอยังคงชอบใช้ชีวิตที่นี่มากที่สุด

สภาพจิตใจของเธอไม่ดีนัก หมู่นี้มีแต่เรื่องราวกระทบจิตใจที่อ่อนแอของเธออยู่แล้ว ทำให้มักจะรู้สึกอ่อนล้า

เมื่อนอนหลับแล้วไม่อยากตื่น บางครั้งกลับนอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน

เธอนอนลงบนเตียงใหญ่อ่อนนุ่มไม่รู้นานเท่าไหร่ เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

เสียงนี้เธอคุ้นเคยเหลือเกิน ดังนั้นแม้ว่าจะเบาแค่ไหน ก็ยังคงปลุกให้เธอที่อยู่ในภวังค์หลับตื่นขึ้นได้เช่นเคย

เธอพยุงตัวนั่ง ขณะนี้เองที่กลอนประตูขยับ มีคนถือกุญแจมาเปิดประตู

จะเป็นใครไม่ได้นอกจากมู่วี่สิง

เสี้ยวนาทีต่อมาประตูก็ถูกผลักเต็มแรง กระแทกเข้ากับผนัง มีเสียงหงุดหงิด แม้เสียงนั้นไม่ดัง แต่ด้วยพลังของคนที่เข้ามาก็ทำให้ตกใจ

ทันใดนั้นหัวใจของเวินจิ้งก็เต้นแรงตึกตัก ยังไม่ทันลุกขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนนั้นก็สาวเท้าก้าวยาวมาถึงเบื้องหน้าแล้ว

เขาสวมเสื้อสีขาวกางเกงสีดำ สีหน้าเย็นชาเหมือนความหนาวเหน็บในฤดูหนาว ราวกับพายุถาโถมมาด้วยกำลังมหาศาล

เวินจิ้งเพิ่งจะเหลือบตามอง ไหล่ก็ถูกจับแน่น ตัวโยกมาข้างหน้าโดยควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอถูกดึงมาอยู่ขอบเตียงอย่างไม่เบามือ

“อธิบายเรื่องเด็กมาให้ชัด!” ขณะนี้มู่วี่สิงยืนตระหง่านมองลงมา เสียงเหมือนดังมาจากนรก

เธอแทบไม่เคยได้ยินน้ำเสียงของเขาแบบนี้มาก่อน ระเบิดอารมณ์จนไม่เหมือนมู่วี่สิงที่เคยรู้จักไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรก็เยือกเย็นมากพอ

แต่ตอนนี้เธออ่อนล้าจนอยากจะอาเจียน สายตาท่ามกลางความมืดแวดล้อมส่องประกายจนเห็นได้ชัด จ้องมองเขาตาไม่กะพริบ

ที่จริงมู่วี่สิงเพิ่งลงจากเครื่อง เหน็ดเหนื่อยตลอดการเดินทาง เพราะบอดี้การ์ดรายงานว่าพบตัวเธอแล้ว การเดินทางจากสนามบินต้องใช้เวลาสองชั่วโมง แต่เขากลับใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

ในหัวยังนึกถึงแต่เด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสาคนนั้น ถ้าเวินจิ้งตั้งใจตกบันได…เด็กคนนั้นไม่มีความผิดอะไร

เธอยอมให้เขากระชากตัว ไม่พูดจาสักคำ ไม่แม้แต่จะโต้แย้ง เวลานี้ดวงตาแยกดำขาวชัดเจนมีแต่ความว่างเปล่าเหมือนเถ้าถ่านที่มอดไหม้

เขาเม้มริมฝีปากบาง ปลายนิ้วออกแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่เวินจิ้งยังคงไม่ปฏิกิริยาตอบโต้แต่อย่างใด

ขณะนี้เธอเหมือนหุ่นไม้ ไม่ขยับเขยื้อนและไม่พูดจา

“เรื่องที่คุณท้อง มันจริงมั้ย ทำไมใจร้ายขนาดนี้ ทำไมต้องตั้งใจตกลงไป ทำไมต้องฆ่าลูกของเรา!”

เผชิญหน้ากับคำถามที่พรั่งพรูเหมือนพายุฝน เวินจิ้งยังคงไม่ปริปากสักคำเดียว

เธอดื้อดึงปิดปากเงียบต่อไป มองเขานิ่งเฉย ริมฝีปากค่อยๆ เผยรอยยิ้มเย็นชา

นึกไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะเดือดดาล และสลัดหน้ากากที่สง่างามสุขุม เผยโฉมด้านที่ดุร้าย

มู่วี่สิงที่เคยรู้จักหายไปต่อหน้าเธอแล้ว

เธอควรจะดีใจไม่ใช่หรือ แต่เวลานี้ ในใจมีแต่ความเศร้าโศกเจือจาง คิดถึงเด็กคนนั้น คิดถึงภาพนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของเธอ

เมื่อสงบลงแล้ว ในที่สุดเธอก็เอ่ยขึ้นเบาๆ “ฉันไม่ได้ท้องตั้งแต่แรก”

“คุณโกหก” มู่วี่สิงหรี่ตา สายตายิ่งโกรธมากขึ้น

“แล้วแต่คุณจะเชื่อหรือไม่”

เวินจิ้งรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน อยากหลุดพ้นจากการควบคุมของเขา แต่เห็นได้ชัด มู่วี่สิงไม่คิดจะปล่อยเธอไปง่ายๆ

สายตาที่ซ่อนความรู้สึกลึกๆ มองตามนิ้วมือที่ดึงกลับอย่างรวดเร็ว เวินจิ้งรู้สึกเจ็บปวดข้อมือทันที เธอทนไม่ไหวขมวดคิ้ว เสียงยังคงสงบนิ่ง คล้ายกลับมีดที่ไร้ความคม กรีดลงบนหัวใจของเขาทีละแผลช้าๆ “มู่วี่สิง คุณไม่รู้จริงๆ หรือ ฉันยอมที่จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณอีกทั้งชีวิตนี้ ฉันจะท้องลูกของคุณได้ยังไง”

เธอรู้สึกปวดท้องเพราะความตื่นเต้น ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “ถึงจะท้องจริง ฉันก็เก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้อยู่ดี…ฉันให้เขาเกิดมาไม่ได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท