Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 662

ตอนที่ 662

บทที่ 662 เขาเลือกที่จะแต่งงานกับคนอื่นแล้ว

ได้แต่เพียงภาวนาต่อหน้าพระแทนลูกที่ไม่อยู่ ในเวลานั้นเวินจิ้งถึงได้สงบ

หลังจากไหว้เสร็จ เธอหาอาจารย์เล็กที่สนิทอยู่ในวัดเจอ เตรียมบริจาคเงินเพื่อการกุศล แล้วอยากที่จะถวายตะเกียงไฟแห่งแสงสว่าง

เนื่องจากตะเกียบไฟแห่งแสงสว่างต้องให้ผู้ที่มีระดับการปฏิบัติธรรมในระดับสูงเพื่อสวดมนต์ภาวนา ด้วยเหตุนี้อาจารย์เล็กให้เธอพักผ่อนที่หน้าห้องก่อน ตัวเองเข้าไปเชิญเจ้าอาวาส

ผ่านไปสักพัก อาจารย์เล็กนั้นย้อนกลับมา พูดขอโทษ “เจ้าอาวาสกำลังมีแขกที่นั่นอยากมีชื่อเสียง อาตมาพึ่งเข้าไปช่วยเขาจัดการเรื่องนี้หน่อย ดังนั้นเลยทำให้เสียเวลาไปหน่อย”

แล้วถาม“โยม โยมอยากถวายตะเกียงแห่งแสงสว่างแทนใคร?”

พูดแล้ว อาจารย์เล็กเอาปากกากระดาษออกมา ให้เวินจิ้งเขียนชื่อ

เธอกลับตกตะลึงเล็กน้อย มองกระดาษขาวเปล่าในมือ ก็รู้สึกเจ็บปวดแพร่กระจายไปทั่ว

ใช่สิ ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่เคยคิดชื่อลูก เขาก็จากไปแบบนั้น

สายลมอ่อนๆทะลุผ่านห้อง เป่ากระดาษขาวในมือเวินจิ้งมีเสียง

อาจารย์เล็กเห็นเธอใจลอยอย่างตกตะลึง ลองเรียกเธอ“โยม?”

เวินจิ้งได้สติกลับมา ถึงได้พูด“ขออภัยค่ะ เวลานั้นฉันยังไม่ได้คิด พักสักฉันมาหาอาจารย์ได้ไหมคะ ?”

“ได้ อีกสักพักอาตมาก็ต้องทำธุระอื่นๆที่วิหาร โยมต้องการอะไรสามารถไปหาอาตมาได้ที่นั่น”

“ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไร”

อาจารย์น้อยโค้งคำนับแล้วก็เดินไป จริงๆแล้วบนมือเขายังมีกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง บนนั้นเขียนตัวอักษรแล้ว เวินจิ้งมองเขาหมุนตัวนั้นเห็นชื่อบนนั้น เวลานั้นก็รู้สึกแข็งทื่อ เห็นทันแค่คำว่า ” มู่ ”

หลังจากอาจารย์เดินไป เวินจิ้งยืนอยู่กับที่ไม่ขยับ หลังจากนั้นนานถึงได้ขยี้กระดาษเป็นวงกลม ทิ้งเข้าไปในถังขยะ

ตะวันตกดิน ใบไม้ร่วงตกพื้นในลาน แสงตกลงมามีสีแซม

เวินจิ้งไม่รู้ตัวเองรอนานเท่าไหร่ ร่างกายเหนื่อยล้ามาก ความรู้สึกความเคร่งขรึมก็ปลิวไปพร้อมเสียงพระไกลไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งขาทั้งสองข้างเกิดอาการชา ในที่สุดเขาก็เห็นคนเดินออกมาจากระเบียงยาง

เจ้าอาวาสใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่นท่าทางกระฉับกระเฉงมาพร้อมชายหล่อก้าวผ่านประตูเข้ามาทางนี้

ทางเดินของห้องสมาธิมีเสาขนาดใหญ่กั้นยาวทุกๆสองสามเมตร ด้านบนสีแดงหลุดลอกออกมา มันไม่ได้ใหม่สดเหมือนตอนที่ซ่อมแซมใหม่

เวินจิ้งพิงเสาข้างๆ ดังนั้นเจ้าอาวาสเลยมองไม่เห็นเธอ

เธอเห็นพวกเขาอยู่ตรงประตูพูดไม่กี่ประโยค เจ้าอาวาสก็กลับเข้าห้องสมาธิไปใหม่

เธอไม่ได้หลบหลีก แค่ขมวดคิ้ว เป็นเขาจริงๆด้วย

นึกถึงชื่อนามสกุลที่เขียนบนกระดาษในมืออาจารย์เล็กอีกครั้ง ไม่เพียงแค่เจ็บไปที่แกนกลางของใจ

เธอมองข้างใบหน้าหล่อที่อยู่ในแสงพระอาทิตย์ตกจากไกลๆอย่างชัดเจน สีหน้าเย็นชาปกติของเขาทันใดนั้นก็ยิ้มขึ้นมา ไม่ทำให้คนรู้สึกอบอุ่นเลยสักนิด

ถ้าลูกเกิดมา จะเหมือนอย่างนี้ไหมนะ?

บนหน้าอกเหมือนกดทับอย่างมากมาย การหายใจค่อยๆเปลี่ยนเป็นอึดอัด เวินจิ้งเลยไปพิงเสาแบบนี้ ไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่นาน

หลังจากมู่วี่สิงบอกลาเจ้าอาวาส หมุนตัวเดินไปบันได แต่ก็เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เดินไปทางเวินจิ้ง

เธอไม่รู้ว่าเขาพบเธอได้อย่างไร

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มองเธอๆทางนี้ตั้งแต่แรก

รอเขาค่อยๆเขาใกล้นั้น เธอถึงได้เก็บอาการทั้งหมด พูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉันจะลงเขาแล้ว”

“ไปด้วยกัน”สายตาเขามองที่เธอ

เรื่องตะเกียงไฟ เธอไม่พูดถึง เขาก็ไม่ได้พูด

เธอไม่รู้ว่าเขาตั้งชื่อให้ลูกว่าอะไร

ลงเขาทั้งสองคนไม่ได้นั่งกระเช้า บันไดหินคดเคี้ยวยาวเหยียดมาก ทั้งสองข้างเป็นต้นไม้เขียวชอุ่ม

บนภูเขาหนาวนิดหน่อย แสงอาทิตย์ใกล้จะหมดไป เหลือแค่แสงสีส้มอ่อนๆ

สองเท้าเหยียบบนหินเย็นและแข็ง เวินจิ้งหยุดเท้า

เธอมองขอบฟ้าไกล แสงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าในสายตาเธอนั้นในที่สุดก็ค่อยๆหายไปกลางหุบเขา

ในที่สุดอากาศร้อนก็ค่อยๆหายไป ลมหนาวพัดบนแขน แต่เวินจิ้งเหมือนไม่มีความรู้สึก ตกตะลึงมองท้องฟ้าอย่างใจลอย

เธอใส่เสื้อผ้าบาง กระโปรงแขนขาถูกพัดจนชิดขา ผมยาวเรียบยังปลิวไสวที่ด้านหลัง

เหมือนผ่านไปสักพัก เธอถึงได้ยินชายข้างๆถามเธอ“เมื่อกี้ขออะไรไป?”

เสียงที่เธอคุ้นเคย เสียงต่ำเล็กน้อย กลับใสเหมือนกับน้ำแข็ง ทำให้เธอแยกแยะไม่ออกจริงหรือปลอม และก็ไม่รู้จริงใจหรือว่าเสแสร้ง

เธอไม่ได้ตอบ แค่คิ้วแข็งทื่อ

พื้นที่ป่ามีเสียงแมลงนกต่างๆร้อง ต่อเนื่องเป็นระลอก มีความสุขมาก

เหมือนกับด้วยเหตุนี้ อารมณ์ของเวินจิ้งรู้สึกมีความสุขบ้าง

เธอค่อยๆเอ่ยปาก“คุณอยากรู้จริงๆเหรอฉันขออะไร?”

ตอนที่พูดนั้น สายตาของเธอยังคงมองไปที่ไกล แต่เธอรู้เขาก็ยืนอยู่ที่ด้านหลังของเธอ ไม่ขยับ

ลมหายใจของเขาก็ยังแข็งเช่นเดิม แม้ว่าจะมีระยะห่าง เธอก็สามารถรู้สึกได้

เธอเคยคิดว่าได้เจอเขา เป็นความโชคดีที่สุดในชีวิตเธอ

แต่คิดไม่ถึง สุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงแค่ความฝัน สามปีก่อนถูกพาออกจากเมืองหนาน เธอหมดหนทางนั่น แต่ในที่สุดเขาให้เธอรู้สึก ไม่มีช่วงเวลาสุดท้าย เธอก็จะไม่ยอมแพ้ที่จะอยู่ด้วยกับเขา

แต่เขาเลือกที่จะแต่งงานกับคนอื่นแล้ว

ตั้งแต่หลังจากนั้น ไม่ว่าสรรพสิ่งจะสวยงามแค่ไหน เธอรับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ทุกวันนี้เธอรู้สึกเหมือนศพเดินได้ แต่เสแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง พยายามทำชีวิตแบบไม่รู้ไม่ชี้

เธอเอาความอ่อนแอทั้งหมดซ่อนเอาไว้ เปลือกนอกทำเป็นแข็งแรง แต่เมื่อพบมู่วี่สิงนั่น พังทลายอย่างรวดเร็ว

แต่ตอนนี้ เรื่องทั้งหมดนี้จะสามารถจบลงได้จริงแล้ว

“คุณอยากรู้เหรอว่าฉันขออะไร?” เธอเก็บสายตาที่ตกตะลึง ในที่สุดค่อยๆหมุนตัวมองเขาด้านหลัง พูดทีละคำทีละประโยค “นั้นคุณก็บอกฉันก่อน ทำไม มู่ซือซือถึงตายเพราะฉัน”

ในที่สุดใบหน้าของมู่วี่สิงก็เมินเฉย เขาเจ็บปวดมาก เวินจิ้งดูออก

เขาเม้มปาก กดเสียงทุ้มต่ำ“ซือซือเกิดเรื่องก็เย็น พอดีกับเย็นที่เธอหายไป ตอนนั้นเธอจากไปกับโจวเซิน มู่ซือซืออยู่บริษัทโจวซื่อรอโจวเซิน เห็นพวกเธอขึ้นรถ ทำท่าทางสนิทสนม เธอโกรธ พุ่งไปหน้าไฟแดงกลายเป็นโศกนาฏกรรม”

มู่วี่สิงพูดจบ ลมหายใจทั้งตัวเปลี่ยนเป็นโศกเศร้า ถึงขนาดเบ้าตาแดง

เวินจิ้งตกตะลึง ในเย็นวันนั้นเธอสลบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโจวเซิน ทำอะไรกับเธอ สามารถสะเทือนอารมณ์ของมู่ซือซือ

แค่ เธอก็เป็นฝ่ายถูกกระทำ แม้กระทั่งเธอก็เป็นผู้ได้รับความเสียหาย

“คุณคิดว่าฉันจะทำอะไรกับโจวเซิน เหนือ?” เวินจิ้งถามด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ทั้งตัวสั่นเทาทำให้เธอไม่สบายใจและลุกลี้ลุกลน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท