Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 698

ตอนที่ 698

บทที่ 698 ลุกลามเกินจะเยียวยา

มู่วี่สิงปล่อยเธอลงที่นั่งข้างคนขับ เธอรีบเอนตัวพิงเบาะแล้วสะลึมสะลือหลับไป

ฝ่ายชายขมวดคิ้วจ้องมองเธอ พักนี้เธอขี้เซาบ่อย หรือว่าร่างกายจะไม่สบายจริง?

เวินจิ้งตื่นขึ้นเมื่อรถได้จอดลง ลืมตาอย่างสะลึมสะลือ“ถึงแล้วหรอ”

พูดขึ้นพร้อมกับพลางปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย

มู่วี่สิงเอนตัวไปจับมือของเธอไว้ แล้วถามขึ้นเบาๆ “พวกเรากลับการ์เด้นมูเจียวานดีไหม”

เวินจิ้งกะพริบตา สักพักก็ได้สติแล้วส่ายหน้าขึ้น “ไม่ พักอยู่ที่บ้านใหญ่ตระกูลมู่นี่แหละ”

“แต่เธอไม่ชอบที่นั่น”

เวินจิ้งหันหน้ามา “ช่วงนี้พักที่บ้านใหญ่ตระกูลมู่ไปก่อน”

มู่วี่สิงกลับจับคางเธอไว้แน่น มือที่ค่อยๆบีบแรงขึ้น “จิ้งจิ้ง กลับการ์เด้นมูเจียวานกัน ที่นั่นคือบ้านของเราต่างหาก”

เธอไม่ชอบพักอยู่ที่บ้านใหญ่ตระกูลมู่ทำไมต้องยืนกรานที่จะอยู่ที่นี่ด้วย

เวินจิ้งคว่ำหน้าซบอยู่ที่ไหล่ของเขา หลับตาแล้วพูดอย่างนิ่มนวลว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว อุ้มฉันกลับห้องหน่อยสิ”

มู่วี่สิงอุ้มเธอมาตลอดทาง เวินจิ้งนั้นเหนื่อยจริงๆ ถึงแม้ว่าตอนที่อยู่บนรถจะได้พักผ่อนนอนหลับสักงีบแล้วก็ตาม แต่ด้วยท่าทางการนอนที่ไม่ค่อยสบาย จึงทำให้หลับไม่ค่อยสนิท

เธออาบน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นชุดนอนจากนั้นจึงค่อยเข้านอน

“จิ้งจิ้ง คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ทำไมถึงอยากนอนตลอดเวลา” เขาขมวดคิ้ว พักนี้ตามใจเธอมากเกินไป เมื่อสักครู่น่าจะยืนกรานพาไปตรวจที่โรงพยาบาล ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นอะไร แต่ก็ควรจะตรวจเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน

เวินจิ้งปิดตาลง ใช้ผ้าห่มคลุมหน้าไว้ แล้วพูดเสียงโทนต่ำว่า “ประจำเดือนของฉันมา ฉันก็เลยเหนื่อยมากเท่านั้นเอง”

ชะงักไปสักครู่ แล้วเธอพูดเสริมต่อว่า “ผู้หญิงบางคนเวลามีประจำเดือนจะมีอาการง่วงเหงาหาวนอน คุณอย่าได้คิดมากเลย”

ช่วงนี้พวกเขานอนกอดกันอย่างเดียว แม้ฝ่ายชายจะฉวยโอกาสเธอเป็นบางครั้งบางคราว แต่ว่าเขานั้นก็ยังเชื่อฟังไม่ลามปาม ดังนั้นเมื่อเวินจิ้งพูดเช่นนี้ เขาก็เชื่อแต่โดยดี

มู่วี่สิงดึงผ้าห่มมาคลุมให้เธอ แล้วโน้มตัวไปจูบที่หน้าผากเธอ “ครับ อย่างนั้นคุณก็นอนพักสักครู่ก่อน เดี๋ยวผมจะไปนำอาหารมาให้คุณ แล้วต้องไปโรงพยาบาลต่อ คุณอย่าเถลไถลนะ”

ออกจากห้องนอนที่ทิ้งระยะห่างสักระยะหนึ่ง เขาถึงเดินไปที่ปลายระเบียงทางเดินแล้วหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอยู่ออกมา เหลือบมองหน้าจอ แล้วรับสายอย่างใจเย็น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ครับคุณปู่ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

……

เมื่อเวินจิ้งตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว หยิบโทรศัพท์ออกมาดู พบว่าตอนนั้นเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว

เธอไม่พอใจเล็กน้อย ทำไมมู่วี่สิงถึงไม่ปลุกเธอ

เธอดึงผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นนั่ง ก้มหน้าแล้วแตะไปที่หน้าท้องแบนเรียบของตัวเอง ปล่อยให้เธอหิวไม่เป็นไร แต่กล้าดียังไงปล่อยให้ลูกตัวเองหิว

เธอหยิบชุดมาเปลี่ยนแล้วค่อยๆเดินลงไปชั้นล่าง

ห้องรับรองแขกเงียบสงัด มีเพียงมู่เฉิงที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา

เธอเดินเข้าไป “คุณปู่คะ มู่วี่สิงไปไหนหรอคะ”

มู่เฉิงหันหน้ามามองเธอแวบหนึ่งอย่างแผ่วเบา “เขามีธุระออกไปกับมู่ซี ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา ถ้าเธอหิวก็ให้คนรับใช้ทำกับข้าวให้เธอนะ”

เวินจิ้งยิ้มตอบรับว่าค่ะ

เขาออกไปกับมู่ซีหรือ

ตอนที่เดินเข้าไปที่ห้องครัว รอยยิ้มบนใบหน้าเวินจิ้งเย็นชาขึ้นในทันใด ก้มหน้าสั่งอาหารกับเชฟเสร็จก็จากไป

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วนั่งอยู่ห้องอาหารอย่างเงียบๆ เธอวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะอาหาร แล้วก้มหน้าลง ท่าทางเธอที่เงียบสงบมากๆ เงียบราวกับว่ารอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องหนังสือของมู่วี่สิง เมื่อผ่านห้องรับรองแขกเธอตั้งใจเดินอ้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้ามู่เฉิง

รอยยิ้มที่นารักบนใบหน้าที่บอบบาง เธอพูดด้วยเสียงโทนต่ำว่า “คุณปู่คะ เรื่องซุปสองสามวันก่อนนั้นหนูต้องขอโทษด้วยจริงๆ วันนั้นหนูเป็นหวัดไม่สบายนิดหน่อย จึงทำให้คลื่นไส้ หนูไม่มีเจตนาจะทำให้คุณปู่โกรธนะคะ”

มู่เฉิงดูเหมือนเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า เวินจิ้งนั้นเปลี่ยนสรรพนามการเรียกเป็นคุณปู่แล้ว เขาขมวดคิ้ว น้ำเสียงยังคงเย็นชา “ไม่เป็นไรหรอก วี่สิงได้อธิบายให้มู่ซีแล้วมู่ซีก็ได้บอกฉันแล้ว พวกเราไม่ได้โทษเธอ”

รอยยิ้มบนใบหน้าเวินจิ้งได้หยุดนิ่ง ไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วก็เดินขึ้นไปชั้นบน

เปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความเบื่อหน่าย เดิมทีอยากจะค้นหาหนังดูสักเรื่อง แต่เมื่อดูอยู่สักพักก็ใจลอยคิดแต่เรื่องอื่น

ดูอยู่ต่อสักพัก สุดท้ายเธอก็ปิดหนังลงด้วยความโมโห แล้วหยิบโทรศัพท์ ก้มหน้าหาเบอร์โทรของหลินยี่แล้วทำการโทรออกไป “พี่คะ”

น้ำเสียงหลินยี่ที่เซ็กซี่และหนักแน่น ถามอย่างเอาใจว่า “เป็นอะไรไปเสี่ยวจิ้ง มู่วี่สิงรังแกเธอหรอ”

เวินจิ้งที่ขดนอนอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ด้วยอาการบึ้งตึง แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากจะคุยกับพี่เท่านั้น”

“หรอ” หลินยี่หัวเราะยียวน “พี่ยินดีที่จะคุยเป็นเพื่อนอย่างแน่นอน แต่ว่าเสี่ยวจิ้ง เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร”

ความช่างสังเกตของเขา สามารถฟังออกว่าเวินจิ้งที่โทรหาเขานั้นมีเรื่องหรือไม่มีเรื่อง

ศีรษะเวินจิ้งพิงอยู่ที่พนักเก้าอี้ พูดเสียงต่ำ “น้องท้อง”

หลังมือตัวเองปัดเข้าขนตาที่เรียวยาว บริเวณรอบ ๆ เงียบจนเธอได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง

หลินยี่เงียบไปประมาณหนึ่งนาที แล้วจึงถามขึ้นอย่างช้าๆ “เธอยังอยากจะไปจากเขาหรือเปล่า หรือว่าอยากให้พี่ไปรับเธอ”

เวินจิ้งหลับตาลง ความหมายของพี่ชายนั้นได้ชัดเจน เขาจะไม่ก้าวก่ายการตัดสินใจของเธอ ถ้าเธออยู่ต่อ เขาจะสนับสนุนเธอ

ถ้าเธอต้องการจากไป เขาก็จะสนับสนุนเธอเช่นกัน

“น้องก็ไม่รู้” น้ำเสียงเวินจิ้งยังคงอึดอัด ในน้ำเสียงยังมีการพร่ำบ่น “มู่วี่สิงยังไม่กลับมาเลย ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่มีการโทรมาถามสักคำว่าทานข้าวหรือยัง”

หลินยี่แอบขำขึ้น และถามขึ้นอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวจิ้งยังไม่ได้ทานข้าวหรอ”

เวินจิ้งบ่นพึมพำ “เพิ่งทานเสร็จ”

ทันใดนั้นเธอถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “พี่คะ พี่จะต้องไม่เป็นอะไร ใช่ไหมคะ”

หลังจากรู้ว่าเขายังไม่ได้รับโทษ เธอรู้สึกเป็นห่วงตลอดเวลา แม้ว่าเขาได้รับปากหลายต่อหลายครั้งว่าไม่เป็นอะไร

หลินยี่พูดอย่างสบายๆว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ ต่อไปถ้ามู่วี่สิงรังแกเธอๆจะทำยังไง อย่าดื้อ อย่าคิดมาก คนท้องต้องการมากที่สุดคือการพักผ่อน”

“น้องรู้ค่ะ”

“จิ้งจิ้ง” หลินยี่ที่เพิ่งนึกขึ้นได้ “เรื่องท้องนี้เธอๆได้บอกเขาหรือยัง”

เวินจิ้งถอนหายใจ “รอผ่านไปสักระยะหนึ่ง น้องยังไม่รู้เลยค่ะ”

นี่ไม่ใช่ปัญหาของเด็ก ไม่ใช่ปัญหาที่ว่าจะเก็บเด็กไว้หรือไม่ และก็ไม่ใช่ปัญหาที่ว่าจะต้องให้เขาทราบเรื่องหรือไม่

แต่แค่จากนี้ไปเธอควรจะทำอย่างไรดี…..

เธอไม่มีความมั่นใจสักนิดเดียว ว่าพวกเขาจะสามารถเดินไปข้างหน้าด้วยกันต่อได้หรือไม่

ระหว่างพวกเขานั้นได้ลุกลามเกินจะเยียวยา

เมื่อวางสายลง เธอมองดูนาฬิกา เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว

มู่วี่สิง ฉันไม่มีความมั่นใจเลย ถ้าหากคุณไม่ให้ความมั่นใจกับฉัน ฉันคงต้องสับสนมืดมน

เวินจิ้งนั่งต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง จนถึงกับอดไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาเขา เขายุ่งมากขนาดที่ว่าแม้แต่จะโทรหาหรือส่งข้อความก็ไม่มีเวลาเลยหรือ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท