Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 699

ตอนที่ 699

บทที่ 699 ไม่ตามใจเธออีก

เวินจิ้งรู้ว่ามู่วี่สิงตอนนี้ตรวจรักษาโรคอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดอีก เขาได้ลดปริมาณงานของเขาลงเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ

หรือว่า…..เป็นเพราะเธอตอนนี้กำลังตั้งครรภ์อีกครั้งท่าทีจึงได้อ่อนลง ดังนั้นเขาจึงไม่ตามใจเธออีก

ไม่ใช่สิ แค่การโทรหาไม่ใช่เป็นการตามใจสักหน่อย…..

เธอวางคางไว้บนเข่า แล้วฟังเสียงที่ออกมาจากโทรศัพท์อย่างเย็นชา ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่มีการรับสาย

เธอจึงอารมณ์เสียจนกลายเป็นงี่เง่า โทรต่อเนื่องสี่ห้าสาย ก็ยังไม่มีคนรับสาย สุดท้ายก็โยนโทรศัพท์ทิ้ง

กลางคืนนอนไม่หลับ เปิดเครื่องปรับอากาศก็เย็นเกินไป หากไม่เปิดเธอก็รู้สึกไม่ชิน ไม่ว่าจะนอนท่าไหนเธอนั้นรู้สึกนอนไม่สบาย หรือว่าเป็นเพราะตอนบ่ายนั้นนอนนานเกินไป ตอนนี้ยิ่งหงุดหงิดยิ่งนอนไม่หลับ

เมื่อเธอตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้น แล้วลงมาทานอาหารเช้านั้นก็เห็นเพียงมู่ซีกับมู่เฉิง แต่กลับไม่เห็นผู้ชายที่คอยเทียวไปเทียวมาตามเธอเกือบทั้งวันคืนในช่วงเวลาหนึ่งเดือนนี้

เวินจิ้งให้คนรับใช้เสิร์ฟข้าวต้มให้เธอ ก้มหน้าทานไม่กี่คำ จึงถามขึ้นเบาๆ “มู่ซี พี่ชายเธอล่ะ”

อาจด้วยพักผ่อนไม่เพียงพอ เสียงของเธอมีอาการแหบเล็กน้อย

ดวงตาส่วนขาวดำของมู่ซีที่แยกออกชัดเจนกำลังกลอกไปมา ดูเหมือนกับเป็นคำถามที่ตอบยาก เธอเหลือบไปมองมู่เฉิงแต่มู่เฉิงกลับไม่มีการตอบสนอง นั่งดื่มนมถั่วเหลืองอย่างตั้งอกตั้งใจ

เวินจิ้งความคิดค่อยๆดิ่งลง และก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

มู่ซีพูดเสียงต่ำว่า “พี่สะใภ้คะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอกพี่นะ แต่เป็นเพราะว่าเกี่ยวกับงานของพี่วี่สิง จึงไม่อาจจะสามารถพูดได้ รอพี่วี่สิงกลับมาแล้วพี่ค่อยไปถามเขาด้วยตัวเองดีไหม”

เวินจิ้งรู้สึกว่าคำที่หญิงสาวคนนั้นใช้นั้นง่ายต่อการเข้าใจเหลือเกิน หรืออีกนัยก็คือถึงแม้ว่ามู่วี่สิงกลับมาเขาก็ไม่มีทางจะปริปากบอกให้เธอทราบ

เธอยิ้มอย่างเย็นชา แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

มู่วี่สิงไม่เข้าใจเธอที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ชอบที่นี่ก็ยังจะดันทุรังที่จะพักอยู่ที่นี่ เธออยากจะรู้ให้ได้ เขาบังคับให้เธออยู่บ้านหลังนี้…..แท้ที่จริงยังมีพื้นที่ให้เธออยู่หรือไม่

มู่ซีมองดูสีหน้าของเวินจิ้งแล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “พี่สะใภ้ พี่โกรธหรอ”

เวินจิ้งค่อยๆทานข้าวต้ม “ผู้หญิงที่โกรธง่ายจะแก่เร็ว เธอบอกเองไม่ใช่หรอว่าเขามีธุระ ทำไมฉันต้องโกรธด้วย”

คำพูดของมู่ซีถูกคำพูดเธอทับถม ใบหน้ายังคงไว้ซึ่งรอยยิ้ม “ถ้าพี่สะใภ้ไม่ได้โกรธก็ดีค่ะ พี่ทานข้าวต้มอิ่มหรือยัง ต้องการจะทานเกี๊ยวเพิ่มไหม”

เวินจิ้งยังคงยิ้มจางๆ ไม่แสดงอาการใดๆให้เห็น “ฉันทานข้าวต้มก็พอแล้ว”

ตอนนี้เธอไม่ค่อยชอบอาหารที่เลี่ยนๆมันๆ ข้าวต้มจืดๆเช่นนี้เหมาะปากที่สุด

มู่วี่สิงยังไม่กลับมา เธอสิงอยู่ที่ห้องหนังสือของเขาเพื่อดูข่าวสาร ดูทีวี หรือบางครั้งก็อ่านข้อมูลข้อควรระวังเกี่ยวกับคนตั้งครรภ์ เพราะว่าประสบการณ์จากครั้งก่อน ทำให้ครั้งนี้เธอจะต้องปกป้องเด็กคนนี้อย่างระมัดระวัง

แม้มู่ซีจะคอยเจ๊าะแจ๊ะคอยชวนเธอออกไปเดินช้อปปิ้ง แต่เมื่อเวินจิ้งนึกถึงลูกขึ้นมา เธอก็ไม่อยากออกไปไหน กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

จนกระทั่งถึงเวลาทานอาหารตอนเย็น มู่วี่สิงถึงได้กลับมา เขายังคงสวมชุดเดิม เวินจิ้งยังคงทานอาหารอย่างเงียบๆ ไม่ปริปากพูดใดๆ และก็ไม่ได้มองเขา

มู่วี่สิงนั่งลงข้างๆเธอ ยังไม่ทันที่เขาจะพูดกับเวินจิ้ง มู่ซีก็ได้ลุกขึ้นทันที “พี่วี่สิงทำไมพี่ไม่บอกว่าจะกลับมาทานข้าวด้วย เดี๋ยวฉันจะบอกเชฟให้ทำกับข้าวเพิ่ม ฉันจะไปตักข้าวให้พี่นะ”

มือของเวินจิ้งกำแน่นขึ้น แล้วก็วางตะเกียบตัวเองลงทันที จับช้อนของตัวเองที่ใช้ทานซุปเมื่อสักครู่แล้วตักซุปเพิ่มอีกหนึ่งถ้วย จากนั้นก็วางลงตรงหน้าเขาอย่างเงียบสงบ

มู่เฉิงถามขึ้นเบาๆ “วี่สิงเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดูเหมือนแกจะเหนื่อยมาก”

มู่วี่สิงมองดูคุณปู่ด้วยสายตาหม่นหมอง น้ำเสียงยังคงเบาอย่างเมฆพลิ้วอย่างลม “ไม่มีอะไรครับ”

เมื่อมู่ซีวางถ้วยข้าวลงตรงหน้าเขา เขากำลังจับช้อนเพื่อจะตักซุปมาทาน

ดวงตาของเขายังคงจดจ่ออยู่ที่เวินจิ้ง จ้องมองอยู่นานถึงกับขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “ทำไมไม่ทานให้เยอะกว่านี้ ไม่ชอบทานหรอ

เวินจิ้งที่ทานอาหารน้อย อีกทั้งยังดูเบื่ออาหาร

มู่ซีจึงรีบเอ่ยปากพูดขึ้น “พี่สะใภ้ อาหารพวกนี้ล้วนเป็นฝีมือของเชฟ พี่ชอบทานอะไรหรือไม่ชอบทานอะไรก็บอกกับเชฟได้โดยตรงเลยนะ”

เธอกะพริบตา มองดูสีหน้าคุณปู่ที่เงียบสงบ และหันไปทางมู่วี่สิงแล้วแลบลิ้นใส่ “พี่วี่สิงเอาใจใส่แต่พี่สะใภ้ คุณปู่น้อยใจเป็นนะคะ”

ในที่สุดมู่วี่สิงได้เงยหน้าขึ้น “เวลาทานข้าวเธอพูดมากๆ”

ท่าทีของมู่วี่สิงที่รู้สึกรำคาญ แววตาที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งมู่ซีหุบปากขึ้นทันที น้ำตานองอยู่ในตา ไม่ไหลออกมาสักที

มู่เฉิงพูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า “วี่สิงมู่ซีไปทำอะไรให้เธอโกรธ ทำไมถึงได้ดุขนาดนี้ ฉันชอบคนพูดเยอะ ไม่อย่างนั้นบ้านคงจะเงียบเหงาแย่”

มู่ซีรีบอธิบายขึ้น “พี่วี่สิงยุ่งมาทั้งวัน คงจะเหนื่อยน่าดู อารมณ์จึงไม่ค่อยดี ไม่เป็นไรค่ะ”

เวินจิ้งที่ยังคงไม่ปริคำพูดใดๆ ใช้ตะเกียบตัวเองคีบอาหารใส่ถ้วยของมู่วี่สิง แล้วพูดเบาๆว่า “ทานข้าวเถอะ”

มู่วี่สิงมองเธออย่างลึกซึ้ง “อืม”

เมื่อเวินจิ้งทานอาหารเสร็จ จึงพูดขึ้นอย่างสงบว่า “หนูทานเสร็จแล้ว คุณปู่และทุกคนค่อยๆทานต่อนะคะ”

จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วจากไป และไม่ได้เหลียวมองชายข้างกาย สีหน้าก็ไร้อารมณ์

มู่วี่สิงมองดูด้านหลังเธอค่อยๆหายลับไปจากบันได ถึงได้ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อไป

เวินจิ้งอาบน้ำเสร็จสวมชุดนอนกระโปรงเตรียมเข้านอน ผู้ชายก็ขึ้นมา

เธอนั่งเช็ดผมอยู่ตรงหัวเตียง กลิ่นครีมอาบน้ำหอมอบอวลไปทั่วห้องนอน

เขาได้ถอดเสื้อคลุมออกแล้วโยนลงโซฟาข้างๆ สาวฝีเท้าก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นั่งอยู่ แล้วกอดไว้อยู่ในอ้อมอก วางคางไว้ที่ลำคอ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “อารมณ์ไม่ดีหรอ หรือว่าเจ็บป่วยตรงไหน บอกผมสิ”

เธอแค่อารมณ์ไม่ดี ไม่มีตรงไหนที่ไม่สบาย

ตอนที่เธออยากจะบอกเขาแต่เขากลับไม่อยู่ หายไปตั้งหนึ่งคืน จากนั้นจู่ๆก็กลับมา อีกทั้งไม่บอกกล่าวด้วยว่าไปไหนมา เธอไม่อยากจะสนใจเขาอีก

เวินจิ้งน้ำเสียงเย็นชา “อย่ามากวน ฉันอยากจะนอน”

หลังจากพูดจบก็ยกผ้าห่มขึ้นแล้วเอนตัวลงนอน ขณะที่จะเอนตัวลง ฝ่ายชายได้ดึงเธอออกมาจากผ้าห่ม “ผมยังไม่แห้งเลย จะนอนแล้วหรอ”

แล้วอุ้มผู้หญิงมาวางไว้บนตักตัวเอง มือข้างหนึ่งของเขาได้จับคางเธอไว้แน่น “มีใครรังแกคุณ มู่ซีหรอ หรือว่าคุณปู่พูดอะไรกับคุณ”

เวินจิ้งฝืนยิ้มจ้องมองเขา “ทำไมคุณไม่ไตร่ตรองมองดูตัวเองว่ามีการหลอกลวงหรือรังแกฉันหรือไม่”

รู้จักแต่โทษคนอื่น

สีหน้ามู่วี่สิงยิ่งดูเคร่งขรึมขึ้น ยื่นคางเข้ามาแล้วหอมลงไปที่แก้มขาวๆของเธอ ในลำคอมีเสียงหัวเราะเบาๆ “ผมรังแกคุณหรอ เพราะเรื่องเมื่อคืนที่ผมไม่กลับมานอนเพื่อนคุณใช่ไหม คุณถึงไม่พอใจ”

เวินจิ้งเบือนหน้าหนีไปข้างๆอย่างโมโห

มู่วี่สิงจึงปล่อยเธอลงบนเตียง แล้วนำไดร์เป่าผมมา ข้อนิ้วมือที่เรียวยาวแทรกเข้าไปในผมของเธอ ค่อยๆบรรจงไดร์ผมให้เธออย่างตั้งใจ

ความอบอุ่นเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท