Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 686

ตอนที่ 686

บทที่ 686 ทำอย่างไรก็รั้งเธอเอาไว้ไม่ได้ใช่ไหม

ตอนที่มู่ซีเพิ่งหันผักเสร็จแล้วเตรียมจะไปล้างหม้อ ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาพูดกับมู่ซีด้วยเสียงนิ่งเรียบว่า “เธอออกไปเถอะ พวกเราทำต่อเอง”

มู่ซีชะงัก “พี่ชายวี่สิงทำอาหารเป็นด้วยเหรอคะ”

เท่าที่เธอรู้คือมู่วี่สิงเป็นหมอผ่าตัด ส่วนเรื่องทำอาหารได้ไหมนั้นเธอไม่เคยรู้มาก่อน

มู่ซียกยิ้มหยอกเย้า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอไม่รบกวนพวกพี่แล้วค่ะ”

พูดจบเธอก็เปิดก๊อกน้ำล้างมือ แล้วย่องออกไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนเวินจิ้งก็วางของในมือลง ถึงอย่างไรมู่วี่สิงก็ทำได้อร่อยกว่า

ชายหนุ่มเห็นท่าทางแบบนั้นของเธอ ในดวงตาก็ยิ้มจนเป็นประกาย“คอยส่งของให้ฉันก็พอ”

มีมู่วี่สิงอยู่ การทำอาหารเลยดูคล่องแคล่วขึ้นมาทันที เวินจิ้งแสดงฝีมือบ้างเป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่ก็เอาแต่จ้องมองมู่วี่สิง

เธอค่อนข้างที่จะเบื่อ เลยอดถามขึ้นมาอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “คุณปู่ของคุณรับเลี้ยงหลานสาว แล้วทำไมถึงไม่เลือกคนที่คล้ายกับซือซือ แต่กลับเลือกคนที่ดูเหมือนฉันแทนล่ะ”

พอมองหน้ามู่ซีแล้ว บางครั้งเธอก็ยังเผลอคิดว่าเป็นตัวเอง

มู่วี่สิงทำเพียงมองเธออย่างเฉยเมย “ผู้หญิงคนนั้นเหมือนเธอตรงไหน”

เวินจิ้ง “…”

เห็นได้ชัดว่าหมอนี่เคยใช้เงินเพื่อเอาชนะใจผู้หญิงคนนั้น

เธอตอบกลับไปอย่างเรียบนิ่ง “ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้คุณเองก็ชอบหล่อนมากหรือไง”

ชายหนุ่มหลุดหัวเราเสียงเบา “จิ้งจิ้ง เหมือนเธอแล้วฉันต้องชอบด้วยหรือไง เธอนี่หน้าหนาจริง ๆ ”

ใบหน้าของเธอแดงเรื่อ ปากพูดพึมพำ “ไม่หนาสักหน่อย คุณต่างหากที่หน้าไม่อาย”

พูดจบแล้วถึงได้รู้สึกว่าคำพูดแบบนี้มันน่ารักจนน่าโมโหเกินไป เหมือนกับสาวน้อยที่กำลังกระเง้ากระงอดอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งคู่ก็ช่วยกันยกอาหารทั้งหมดออกมา มู่ซีที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารพูดอย่างผ่อนคลาย “ฝีมือการทำอาหารของพี่ชายวี่สิงนี่สุดยอดมากจริง ๆ เลยค่ะ”

สีหน้าเวินจิ้งไม่เปลี่ยน เธอเพียงนั่งลงข้างมู่วี่สิงเงียบ ๆ

ตอนที่กำลังกินข้าวกันอยู่กับนับได้ว่ามีความสนิทสนมกลมเกลียวกัน เดิมทีมู่ซีก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างบรรยากาศ เธอจึงโยนเรื่องตลกออกมาเป็นครั้งคราว ทำให้บรรยากาศอบอุ่นมาก

กินข้าวเสร็จคนรับใช้ก็มาเก็บกวาดจานชาม

จู่ ๆ มู่เฉิงก็ถามขึ้นมาว่า “พวกแกวางแผนจะย้ายกลับมาไหม บ้านนี้เงียบเหงาเกินไป บางครั้งคุณปู่ก็อยากจะบ่นพึมพำก็ไม่มีคนให้พูดด้วย”

มู่วี่สิงตอบเสียงเรียบ “ยังไม่มีแผนครับ”

เขารู้ว่าเวินจิ้งไม่อยากอยู่ที่นี่

เขาไม่อยากฝืนบังคับเธอ

ตอนที่พวกเขากำลังจะไป มู่เฉิงก็ไม่ได้ฝืนรั้งให้อยู่ต่อ เพียงแต่ยิ้มแล้วพูดว่าให้กลับมาบ่อย ๆ

มู่วี่สิงเองก็ไม่อยากรั้งอยู่ข้างนอกนาน เขาพาเวินจิ้งตรงออกไปจากบ้านตระกูลมู่ด้วยกัน

เวินจิ้งนั่งพิงพนักเก้าอี้เงียบ ๆ จากนั้นก็หลับไปอย่างรวดเร็ว

ตอนที่รถขับเข้าที่จอดรถชั้นใต้ดิน ใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบทันที สายตาที่เฉียบคมของเขากวาดไปทั่วลานจอดรถชั้นใต้ดินซึ่งสว่างจ้า แต่กลับเงียบจนเกินไป

เสียงยางเสียดสีกับที่จอดรถดังเสียดหู

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”น้ำเสียงไม่ชัดเจนของเวินจิ้งแฝงด้วยความเกียจคร้าน เธอลืมตามองมู่วี่สิงอย่างุนงง

ทว่าในวินาทีถัดมา มู่วี่สิงก็ดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น

แต่เวินจิ้งยังคงมองเห็นเงาร่างที่ค่อย ๆ ก้าวลงจากรถด้านนอก

ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเซียน

เธอคิดมาตลอดว่ามู่วี่สิงเป็นผู้ชายที่หล่อที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา แต่หลินยี่ก็สามารถพูดได้ว่าเป็นคนมีหล่อเหลามีเสน่ห์ไม่แพ้มู่วี่สิงเลยแม้แต่น้อย

เวินจิ้งเคยเห็นเขาผ่านภาพถ่ายมาก่อน แต่แค่นั้นก็ทำให้ตกตะลึงมากพอแล้ว

ทว่าตอนนี้กลับถูกทำให้ตรึงใจในชั่วพริบตา

เป็นพี่ชาย เป็นเขา

เธอกับเขาเป็นฝาแฝดกัน รูปร่างหน้าตาของเราจึงคล้ายกันอยู่หลายส่วน เพียงแต่หลินยี่เกิดก่อนเวินจิ้งห้านาที อาจเป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ฝังอยู่ในกระดูก ทำให้ตอนนี้เวินจิ้งอดที่จะสะอึกสะอื้นไม่ได้

“หลินยี่…”

เธอพึมพำ จากนั้นเธอก็รีบเปิดประตูทันที แต่เพราะมู่วี่สิงกอดเธอเอาไว้ เธอสลัดเขาออกไปไม่ได้

มู่วี่สิงมองหญิงสาวที่ไม่สามารถซ่อนความดีใจและประหลาดใจบนใบหน้าเล็ก ๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนได้ ตั้งแต่ที่พวกเราสองคนได้พบกันอีกครั้งมาจนถึงตอนนี้ เขาก็ไม่เคยได้เห็นแววตาแบบนี้ของเธออีก

ต่อให้พลิกดูความทรงจำของเขาอีกกี่ครั้งก็ไม่มี นัยน์ตาเต็มไปด้วยรสชาติแห่งการเย้ยหยันตัวเอง อย่างไรก็ตามในส่วนลึกของดวงตานั้นมีความเย็นชาและเหี้ยมโหดซ่อนอยู่ลึกกว่า ตอนนี้หากหลินยี่บอกให้เธอไปกับเขา เธอก็คงตามไปโดยไม่พูดอะไรสักคำใช่ไหม

เขา…ทำอย่างไรก็รั้งเธอเอาไว้ไม่ได้ใช่ไหม

เพราะตื่นเต้นมากเกินไป เสียงของเวินจิ้งจึงถูกกดเอาไว้อยู่ในลำคอ “มู่วี่สิง คุณปล่อยฉัน ปล่อยฉันไป”

เธอรีบร้อนมากจนรู้เพียงแค่ว่าต้องหักมือของเขาออก ใช้แรงทั้งหมดพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขาอย่างสุดกำลัง หากแต่ทำอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุด

เธอเงยหน้ามองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียที่ร้อนรนเป็นอย่างมาก “มู่วี่สิง นั่นพี่ชายฉัน…พี่ชายฉัน!”

ทำไมเขาถึงยังกอดเธออยู่อีก ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเธอตามหาหลินยี่มาโดยตลอด

มู่วี่สิงกลับเพียงยิ้มตื้น ๆ ริมฝีปากยกเส้นโค้งที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันอยู่หลายส่วน “ถ้าฉันปล่อยมือแล้วเธอจะยังอยู่ข้างกายฉันต่อไปไหม”

เวินจิ้งชะงัก สมองยังคงไม่มีการตอบสนอง แต่มือกลับยังไม่หยุดขยับ เพราะมือของมู่วี่สิงที่เธอยังแกะไม่ออกกลับรัดแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอจำได้ว่าน้ำตากำลังจะร่วงหล่นอย่างอธิบายไม่ถูก จึงตะโกนออกไปตามจิตใต้สำนึก

“พี่คะ…ช่วยด้วย…”

ช่วยด้วยเหรอ

มู่วี่สิงยังคงยิ้มอยู่เช่นเคย ริมฝีปากเย็นเหมือนน้ำแข็งประทับจูบลงบนใบหน้าของเธอ “จิ้งจิ้ง เธอนี่ไร้หัวใจจริง ๆ ตอนที่ตาหาเขาไม่เจอก็เอาแต่พึ่งพาฉัน ตอนนี้พอหาเขาเจอแล้วเธอกลับมองฉันเป็นกระดาษชำระ”

ลมหายใจที่ลึกของชายหนุ่มห่อหุ้มเธอไว้แฝงไปด้วยพละกำลังจาง ๆ ราวกับพร้อมที่จะกระโจนเข้าโจมตี

หลินยี่มองอย่างเย็นชา สายตาดำลึกจ้องมองชายฝั่งตรงข้ามที่โอบรอบเอวน้องสาวของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย กล่าวออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “อย่าทำเหมือนฉันเป็นศัตรูความรักของนายสิ น้องสาวของฉันอยากจะหนีไปจากนาย นั่นก็ต้องเป็นเพราะนายสารเลวเกินไปอย่างแน่นอน สายสัมพันธ์สักนิดก็ไม่มี”

เขาหรี่ตาลงแล้วยิ้มพลางพูดต่อว่า “เวินจิ้ง พี่รู้ว่าเธอรอพี่นานแล้ว ขอโทษด้วยนะ พี่มีเรื่องอยู่ตลอดเลยจำเป็นต้องจากไป หวังว่าเธอจะให้อภัยพี่”

เขาเดินเข้าไปหาเวินจิ้งทีละก้าว น้องสาวที่ไม่ได้พบเจอกันเนิ่นนานคนนี้ทำให้เขารู้สึกสนิทสนมและเป็นกันเองไม่ใช่น้อย

ตั้งแต่ที่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเวินจิ้ง เธอก็กลายเป็นคนสำคัญที่สุดของเขา

หลินยี่เป็นคนที่บ้าคลั่งจนเข้ากระดูก แม้ว่าเขาจะไม่พูดและไม่ได้ทำอะไร แต่การก้าวเดินแบบนี้กลับเผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่งที่ชั่วร้าย

“หลินยี่ นายกล้ามาแบบนี้รู้ไหมว่าข้างนอกนั้นมีตำรวจอยู่เท่าไหร่” ทันทีที่มู่วี่สิงพูดประโยคนี้ เท้าของหลินยี่ก็หยุดไปชั่วขณะอย่างที่คิดไว้จริง ๆ

เพียงแค่เขายังคงมีรอยยิ้มไม่เคร่งขรึมจริงจังอยู่บนใบหน้า

“ในที่สุดก็มีคนกล้าแจ้งความแล้วสินะ” หลินยี่ลูบคาง แต่เขากลับไม่กลัวเลยสักนิด

เวินจิ้งไม่รู้ว่าสองคนนี้กำลังพูดอะไรกันอยู่ เพียงแต่…เธอได้ยินว่าถ้าตำรวจมาแล้วจะไม่เป็นผลดีต่อหลินยี่

เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเธอกันแน่

โดยที่ไม่ทันรู้ตัว ร่างกายของเธอก็รู้สึกราวกับถูกรัดจนแน่น เธอจับแขนของชายหนุ่มไว้ “มู่วี่สิง อย่าเล่นบ้า ๆ ”

แต่เวินจิ้งไม่คิดว่า วินาทีถัดมาหลินยี่จากชักปืนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่ระหว่างคิ้วของมู่วี่สิง

สีหน้าของเธอกลายเป็นซีดเผือดในชั่วพริบตา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท