Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 732

ตอนที่ 732

บทที่ 732 ขอเพียงเธอยอมเข้าใกล้

มู่วี่สิงเหมือนถูกตีเข้าที่หัว แม้แต่หายใจยังยากลำบาก ใบหน้าคมคายไม่พอใจ ถามขึ้นอย่างโมโห “คุณแต่งงานกับผมแล้วยังทำกับเขา…”

เธอมองใบหน้าโมโหของเขา พูดช้าๆ ไม่รีบร้อน “พวกเราสองคนบริสุทธิ์ใจที่จะรักกัน ทำเรื่องที่คู่รักทำกันมันแปลกมากหรือคะ”

ชายหนุ่มโกรธจนระงับไม่อยู่ ขณะที่เวินจิ้งคิดว่าเขาจะโกรธจนผลักเธอออกไป คางกลับถูกเขาบีบแน่น ริมฝีปากก็ถูกจูบอย่างดุเดือด

จูบที่ดุเดือดและเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อน เวินจิ้งลืมตาโต คิดอยากจะผลักอกเขาออกไป แต่ยังไม่ทันยื่นมือออกไป คิดถึงที่เขายังบาดเจ็บ จึงไม่กล้าทำรุนแรง

จูบของมู่วี่สิงเร่าร้อนเนิ่นนาน ชายหนุ่มคนที่เพิ่งพูดเมื่อครู่ว่าบาดเจ็บจนใส่เสื้อผ้าไม่ไหวในเวลานี้แขนโอบกอดเธอแน่น ออกแรงจูบดุดันโดยไม่สนใจไยดีอะไร

หลังจูบนั้น เวินจิ้งยังไม่ทันหายใจหอบ เสียงเยือกเย็นของชายหนุ่มก็ดังขึ้นข้างหู “เวินจิ้ง ถึงผมจะจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้และไม่คิดจะอยากรู้ แต่ผมขอบอกคุณ ถ้าต่อจากนี้คุณเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่น ผมจะไม่อดทนอีก!”

“เพี้ยะ!” เธอไม่คิดอะไรทั้งนั้นสะบัดมือตบหน้าของเขาฉาดหนึ่ง หน้าอกกระเพื่อม ใบหน้าขาวนวลไร้สีเลือดโกรธจัด

เธอไม่รู้ว่าโกรธที่เขาจูบ หรือคำพูดข่มขู่ของเขา หรือว่า…ความสับสนและใจเต้นไม่เป็นส่ำจนควบคุมตัวเองไม่ได้ทำให้เธอคิดแต่อยากจะหนีไปให้พ้น

มู่วี่สิงตะลึง เห็นชัดว่าเขาคาดไม่ถึงว่าเธอจะตบหน้าเขา

เขาเม้มริมฝีปากบางยิ้มเยาะตัวเอง พูดโดยไม่แยแส “ตบแลกจูบงั้นหรือ”

ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็พอใจ

ถูกผู้หญิงของตัวเองตบตีด่าทอไม่เป็นไร ขอเพียงเธอยอมเข้าใกล้เขา

เวินจิ้งยังคิดจะระบายความโกรธ เธอรู้ดีเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงสนิทสนมกันมากเกินไป ขอเพียงเธอไม่รังเกียจถึงขีดสุดหรือขยะแขยงจนคลื่นเหียน เธอก็ชอบได้ง่ายมาก

เพียงแต่ยังไม่ทันหลุดปากคำด่าอะไรออกไป สายตาของเธอก็เห็นผ้าพันแผลใต้เสื้อที่ปลดกระดุมครึ่งหนึ่ง

มีรอยเลือดแดงซึม เธอชะงัก หรือว่าแผลฉีกขาด

มู่วี่สิงมองตามสายตาของเธอ เห็นรอยเลือดซึมเช่นกัน เขาย่นคิ้ว มิน่าทำไมเจ็บขนาดนี้

เวินจิ้งร้าวรานใจ รีบเดินไปหากล่องยาใต้โต๊ะหัวเตียง เปิดกล่องยาอย่างชำนาญ หยิบยากับผ้าพันแผลออกมา

ใช้แรงดึงเสื้อนอนของเขาออก จากนั้นคลายผ้าพันแผลทั้งหมด จนเห็นบาดแผลที่ปริออกจริงๆ

เธอหยิบสำลีขึ้นมา โมโหขีดสุด เช็ดแผลที่กำลังเลือดไหลอย่างแรง มู่วี่สิงครางเสียงเย็น เสียงทุ้มต่ำแต่เปี่ยมด้วยความหลงใหล “เวินจิ้ง ทำไมเมื่อก่อนผมดูไม่ออกว่าคุณเลือดเย็นขนาดนี้ เห็นผมเจ็บจนตายถึงจะพอใจหรือไง”

เวินจิ้งตอบเสียงเรียบ “ครั้งหน้าคุณอย่าทำรุ่มร่ามอย่างนี้อีก ไม่งั้นจะปล่อยให้แผลนี่เน่าตลอดไป”

ไม่เห็นความสำคัญชีวิตของตัวเอง แผลถูกแทงหนักขนาดนี้ยังจะไปตามเธอไปสนามบิน เจ็บจนถึงขนาดนี้แล้วยังคิดเรื่องที่ไม่สำคัญอีก

ใบหน้าของมู่วี่สิงเคลื่อนมาใกล้ใบหน้าเธอ ริมฝีปากถูไถหน้าผากของเธอคล้ายจะตั้งใจแต่ก็เหมือนไม่ตั้งใจ ลมหายใจร้อนผ่าวสัมผัสปีกจมูกของเธอ “จิ้งจิ้ง ผมจูบภรรยาตัวเอง ไม่ได้ทำรุ่มร่าม”

ปกติแล้วเขาแทบไม่เคยยิ้ม คำพูดที่ออกมาจากปากเขาจริงจังมาก “คุณอยู่ต่อหน้าผม ผมอยากจูบคุณ”

สายตาของเวินจิ้งสั่นไหว มือเช็ดแผลเต็มแรง

ชายหนุ่มเจ็บจนหลับตา แต่ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มบางๆ

เธอไม่รู้ว่าเวลาที่เธอทำแก้มป่องเช็ดแผลให้เขาน่ารักและดึงดูดมากแค่ไหน

เวินจิ้งช่วยเขาพันแผลใหม่เรียบร้อย และช่วยเขาใส่เสื้อผ้า กว่าจะเรียบร้อยก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว

มู่เฉิงกับมู่ซีนั่งรอพวกเขาที่โต๊ะรับประทานอาหาร เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า มู่ซีรีบเงยหน้ามองดีใจ “พี่วี่สิง…”

คำพูดนั้นยังไม่ทันเอ่ยออกมาก็หยุดชะงัก ผู้ชายที่ค่อยๆ เดินลงบันไดมาลำตัวช่วงบนแนบชิดกับหญิงสาวรูปร่างผอมบางที่เดินเคียงข้างกัน มือโอบเอวอีกฝ่าย แม้แต่คางก็ถูไถหน้าผากของเธอ

ชายหนุ่มที่เคยเย็นชามาตลอดริมฝีปากเผยให้เห็นรอยยิ้มบางๆ สายตาที่ก้มมองหญิงสาวอ่อนโยนอบอุ่น

จนกระทั่งมานั่งที่โต๊ะ มู่เฉิงยิ้มบางๆ “วี่สิง แกตัวหนักขนาดนี้ ทำไมให้เวินจิ้งประคอง ครั้งหน้าให้คนเตรียมรถเข็นให้ดีกว่า”

มู่วี่สิงพยักหน้า เพราะเห็นเหงื่อผุดที่หน้าผากของเวินจิ้ง เขาย่นคิ้ว ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ”ให้คนจัดห้องนอนข้างล่างให้ผมสองห้อง”

มู่ซีไม่เข้าใจ “ทำไมสองห้องคะ”

เวินจิ้งดื่มน้ำอึกใหญ่ พูดเรียบๆ “คุณนอนข้างล่าง ฉันนอนห้องใหญ่ก็ได้ ถ้าคุณต้องการอะไรก็เรียกฉัน ไม่ต้องให้ฉันอยู่ข้างๆ ตลอดก็ได้”

เธอไม่อยากนอนห้องเดียวกับเขา เขาก็บังคับให้เธอนอนห้องที่ใกล้ที่สุด

“จัดสองห้อง”

“ฉันตื่นง่าย ห้องนอนของคุณเงียบที่สุด ฉันชอบนอนห้องนั้น”

มู่ซีได้จังหวะพูดขึ้น “พี่วี่สิง ฉันนอนห้องข้างๆ พี่ได้ไหมคะ ถ้าพี่สะใภ้ไม่สะดวกเมื่อไร ฉันช่วยพี่ได้”

มู่เฉิงก็พยักหน้า “จริงด้วย ให้เวินจิ้งกับมู่ซีผลัดกันดูแลแก”

เวินจิ้งยิ้มบางๆ “ในเมื่อน้องสาวคุณดูแลได้ ก็ไม่ต้องใช้ฉันเป็นทาสแล้ว”

มู่วี่สิงมองมู่ซีด้วยสายตาเย็นชา “ความจำเธอมีปัญหาหรือไง เวินจิ้งบอกว่าอย่าเรียกฉันอย่างนี้อีก”

เขารำคาญผู้หญิงคนนี้เต็มทนที่ทำให้เวินจิ้งชักสีหน้าหึงหวงใส่เขา

สีหน้าของมู่ซีซีดเผือด ไหล่ชักเกร็ง เหมือนกับกำลังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลริน

ชายหนุ่มหันไปพูดกับเวินจิ้ง “ตอนนี้ผมไม่มีคนดูแลแล้ว”

เวินจิ้งกะพริบตา ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ก้มหน้ากินข้าวต้มเงียบๆ

มู่เฉิงมองเวินจิ้ง “วี่สิง ทำไมเวินจิ้งไม่ให้มู่ซีเรียกแกว่าพี่ เธอเป็นน้องสาว ไม่ต้องใจร้ายขนาดนี้ก็ได้”

ก่อนความจำเสื่อมท่าทีของเขาเย็นชา แต่ตอนนี้เรียกได้ว่าน่ารำคาญ

มู่วี่สิงไม่มองหน้า มู่ซีแม้แต่นิดเดียว ตอบเสียงเรียบ “ปู่เห็นเธอเป็นหลานสาว ไม่ได้หมายความว่าผมจะเห็นเธอเป็นน้องสาว ปู่อยากให้เธออยู่บ้านตระกูลมู่ก็ได้ แต่อย่าปล่อยให้เธอทำตัวน่ารำคาญ”

เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะมองมู่วี่สิง เขาจำอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือ เขารังเกียจ มู่ซีขนาดนี้เลยหรือ

เมื่อก่อนยังยอมให้เธออยู่ข้างตัวตามใจ

น้ำเสียงมู่เฉิงผ่อนคลายลองพูดจาด้วยเหตุผล “วี่สิง มู่ซีไปทำให้แกโกรธตอนไหน แกจะไม่ชอบคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลขนาดนี้ได้ไง”

ชายหนุ่มหงุดหงิดเต็มแก่ สายตาเย็นชากวาดตามองพวกเขา “แค่เห็นก็รำคาญ”

ต้องการเหตุผลอะไรมากมาย สีหน้าเวินจิ้งไม่มีความสุขก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่าเธอรำคาญมาก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท