บทที่ 749 อย่าทำเป็นเด็กเหมือนเมื่อก่อน
วันนั้นเวินจิ้งนั่งอยู่ที่นั่งที่ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ ดวงตาของเธอสับสนและผิดหวัง เหมือนเด็กที่หลงทางไม่รู้จะไปทางไหน เงียบๆและดูไม่มีความสุข
“ตอนนี้เหรอ” เธอถาม
หัวใจของเขาเต้นแรงทันที “ใช่ครับ”
เธอไม่ได้ตอบทันที เธอขยับสายตาจากตัวเขาไปที่หน้าต่าง ผ่านไปสักพัก เธอถึงพูดอย่างเย็นชาเบาๆว่า”ฉันไม่รู้”
ไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้เป็นรู้สึกยังไง
ใจตาย หรือว่าความรู้สึกอย่างอื่น
เธอไม่อยากรู้ไม่อยากรู้เลยสักนิด
หยีเป่ยโจวมองดูเธออย่างลึกซึ้ง “ฉันชอบคุณ”
เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นและยิ้มเบาๆ “ตอนแรกฉันไม่อยากให้ความรู้สึกของฉันเพียงคนเดียว มารบกวนชีวิตและความสุขของคุณ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหลิงเหยาไปหาคุณ ฉันคิดว่าฉันจะไม่มีวันพูดมันออกมา นอกจากวันหนึ่งฉันรู้ว่าคุณอยู่กับมู่วี่สิงไม่มีความสุข”
เวินจิ้งมองดวงตาของเขาโดยตรงและยิ้มเบาๆ “ขอบคุณค่ะ”
ถูกใครบางคนชอบ มันเป็นเรื่องที่โชคดีมั้ง โดยเฉพาะเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนอย่างหยีเป่ยโจว
เขายิ้ม ทั้งเสียดายทั้งพูดเล่นว่า “ถ้าฉันรู้จักคุณเร็วกว่านี้คงดีกว่า”
รู้จักเธอก่อนที่มู่วี่สิงจะรู้จัก
เวินจิ้งยิ้ม ไม่รู้ทำไมจู่ๆก็นึกถึงคำพูดของมู่วี่สิง เขาชอบเธอตั้งแต่เด็กๆ
ตั้งแต่เด็กๆ… เด็กแค่ไหนล่ะ
เธอจำครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันได้อย่างชัดเจน เมื่อเธอไปดูผู้ชายเมื่อสี่ปีก่อน
เขามีความรู้สึกผิดๆแบบนี้มาจากไหน
ทันใดนั้น เสียงโกรธทำลายความเงียบสงบของร้านกาแฟ” เวินจิ้ง —-”
“ไหนคุณบอกว่าคุณไม่สนิทกับคู่หมั้นของฉันไง ”
เมื่อได้ยินเสียง หยีเป่ยโจวก็ขมวดคิ้วไปก่อน แต่เวินจิ้งไม่ได้มีการแสดงออกใดๆเลย
เธอยังก้มหน้าจิบกาแฟอย่างช้าๆ
หลิงเหยาเข้ามาแล้ว เมื่อเห็นความใจเย็นของเวินจิ้ง เธอก็โกรธมากขึ้น
“เวินจิ้ง อธิบายกับฉันเดี๋ยวนี้ คุณจงใจไม่ให้ฉันมีความสุขใช่ไหม” เสียงของเธอแหลมมาก
หยีเป่ยโจวลุกขึ้นยืนทันทีและพูดอย่างไม่พอดีเบาๆว่า “หลิงเหยา ฉันให้เวินจิ้งออกมาเอง ”
เวินจิ้งไม่อยากทะเลาะกับหลิงเหยา ครั้งก่อนเธอเคยเสียหน้าที่นี่ไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็เลยยืนขึ้นและยิ้มเบาๆ “คุณหยี งั้นฉันไปก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับกาแฟค่ะ”
พูดจบก็จะเดินผ่านหลิงเหยา แต่หลิงเหยาไม่ปล่อยเธอไปและยืนอยู่ตรงหน้าเธอทันที “เวินจิ้ง ถ้าวันนี้คุณไม่คุยให้รู้เรื่อง ก็อย่าหวังว่าออกไปจากที่นี่ได้”
หยีเป่ยโจวยื่นมือออกไปจะดึงเธอ แต่ถูกหลิงเหยาเหวี่ยงออกไป เธอจ้องมองเวินจิ้งอย่างโกรธมาก อยากจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆเหลือเกิน
เธอยกมู่วี่สิงให้เธอแล้ว แล้วทำไมเธอยังคิดจะแยกหยีเป่ยโจวกับจากเธออีก
เสียงของผู้ชายแผ่วเบา “หลิงเหยา อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้องกับเรื่องระหว่างเรา ถึงจะไม่มีเวินจิ้ง ฉันก็จะยกเลิกงานแต่งอยู่ดี มันเป็นเพราะพ่อแม่ของฉันตกลงไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน คุณอย่าเอาอารมณ์เสียมาใส่คนอื่น”
“เห็นได้ชัดว่าเพราะคุณชอบเธอถึงจะยกเลิกงานแต่ง”
หยีเป่ยโจวมองเธออย่างสงบ”เวินจิ้งแต่งงานแล้ว เธอกับแฟนรักกันดี หรือว่าฉันต้องยกเลิกงานแต่งเพื่อจะเป็นมือที่สามงั้นเหรอ”
เขาไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว สำหรับเรื่องที่ได้รู้จักเวินจิ้ง มันเป็นความบังเอิญมากว่า
“หยีเป่ยโจว”
ฐานะของตระกูลปัจจุบันในหนานเฉิงก็อยู่ในระดับต้นๆ เธอเป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักและความตามใจตั้งแต่เด็ก นอกเหนือจากเคยถูกมู่วี่สิงปฏิเสธแล้ว ยังไม่มีใครกล้าปฏิเสธเธอเลย
“ที่ฉันยอมแต่งงานกับคุณ ก็ถือว่าตระกูลหลิงให้เกียรติตระกูลหยีมากว่า คุณยังเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เหรอ แม้ว่าเวินจิ้งจะเป็นคุณหญิงมู่ก็ตาม แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่รู้มีความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงกับผู้ชายตั้งเท่าไหร่ ใครจะไปรู้เธอต้องการอะไรจากคุณล่ะ”
เวินจิ้งรู้สึกว่า อารมณ์ของเธอในตอนนี้ไม่ได้ทนเก่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมตอนนี้เธอรักคนของเธอมาก
ทนเห็นไม่ได้ว่าคนอื่นพูดไม่ดีกับเพื่อนของตัวเอง
เธอหยุดเดินทันที เธอยิ้มเบาๆและค่อยๆพูดว่า”ดูเหมือนว่าตระกูลหลิงให้เกียรติตระกูลหยีก็จริง แต่หลิงเหยา ถ้าคุณยืนอยู่กับหยีเป่ยโจว ดูยังไงก็รู้สึกว่าฐานะหยีเป่ยโจวสูงกว่าคุณสิ”
มันเหมือนกับตอนที่เธออยู่กับมู่วี่สิง
ทั้งออร่าและทิศทางของผู้ชายมีความสง่างาม เนื้อแท้สูงมากจนทำให้คนอื่นชื่นชมไปหมด
หลิงเหยาหน้าตาสวยงามพอ แต่ออร่าและทิศทางจะขาดนิดหนึ่ง
“เวินจิ้ง”หลิงเหยารู้สึกโกรธมากในตอนนี้ และสติก็แตกไปแล้ว เธอหยิบกาแฟที่หยีเป่ยโจวไม่ได้ดื่มแล้วรินใส่ในตัวของเวินจิ้ง แต่มือเพิ่งยกขึ้น ข้อมือก็ถูกจับไว้อย่างแน่นแล้ว
ใบหน้าที่สง่างามของเวินจิ้งเย้ยหยันขึ้นมาทันที แค่ใช้แรงหน่อยก็ทำให้หลิงเหยาเจ็บจนหมดแรงแล้ว ถ้วยก็ตกลงที่พื้นและแตกเป็นชิ้นๆเรียบร้อย กาแฟเข้มข้นก็เต็มพื้นเลย
ความเจ็บปวดที่ข้อมือทำให้มือของหลิงเหยาแทบบิด
เวินจิ้งมองเธอเย็นเยือก ปล่อยมือ”หยีเป่ยโจวจะยอมแต่งงานกับคุณหรือเปล่า มันเป็นเรื่องระหว่างพวกคุณสองคน อย่าดึงฉันเข้าไปยุ่งด้วย หลิงเหยา อย่าทำเป็นเด็กเหมือนเมื่อก่อนอีก”
นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะมาที่นี่
เมื่อเธอออกมาเห็นว่ารถของมู่วี่สิงยังไม่ได้ขับออกไป เธอก็เลยหากุญแจขับออกไปโดยตรง ตอนนี้ยังเหลือเวลาเยอะอยู่ เธอคิดไปคิดมาตัดสินใจไปซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อวัตถุดิบสดใหม่กลับบ้าน
หลังจากเจอหยีเป่ยโจวและหลิงเหยาเสร็จ อารมณ์ของเธอก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ตั้งแต่ตื่นเช้าจนถึงตอนนี้ อารมณ์ของเธอสงบและเงียบเป็นพิเศษ
ในซูเปอร์มาร์เก็ต เธอซื้ออาหารให้คนสองคนโดยไม่รู้ตัว และเธอก็พึมพำในใจว่า ตอนนี้เธออาศัยอยู่ในบ้านของเขา ก็ถือว่าจ่ายค่าเช่าแล้วกัน
เมื่อคิดแบบนี้ เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เดินซื่อของเกือบสองชั่วโมง เมื่อเธอขับรถถึงบ้านก็จะ6 โมงเย็นแล้ว ถอดเสื้อและใส่ผ้ากันเปื้อน พับแขนเสื้อขึ้นเริ่มเตรียมอาหารเย็น เธอก็เหนื่อยมากเหมือนกัน
ฝีมือการทำอาหารของเธอเก่งขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ถ้าอยากเก่งเหมือนมู่วี่สิง ก็ยังต้องพยายามอีกนาน
เมื่อผู้ชายกลับมา กดล็อครหัสและผลักประตู เพียงก้าวเข้ามาเท้าข้างเดียวก็ได้กลิ่นหอมของอาหาแล้ว
เขาอึ้งไปสักพัก รู้สึกเหมือนว่าเข้าบ้านผิดหลัง
ลังเลสองสามวินาที เขาก็รีบเข้าไปในบ้านและวิ่งไปห้องครัวโดยตรง เพิ่งเดินเข้าห้องอาหารก็เห็นผู้หญิงที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างหม้อแล้ว
มือข้างหนึ่งเขย่าซุปข้นในหม้อเรื่อยๆ อีกข้างหนึ่งประคองแก้มของเธอและมองไปนอกหน้าต่าง แขนเสื้อที่พับขึ้นเผยให้เห็นข้อมือสีขาวของเธอ พระอาทิตย์ตกสีส้มก็โปรยลงมาบนตัวเธอ กลายเป็นแสงสีทองอ่อน ๆ
มู่วี่สิงสึกว่าหัวใจของเขาอ่อนลงและนุ่มนวลขึ้นในอก
จู่ๆเอวก็ถูกกอดไว้ เวินจิ้งตกใจหมดเลย หน้าอกที่ร้อนผ่าวติดกับหลังของเธออย่างแน่นๆทันที ผู้ชายก็กอดเธอจากด้านหลังแล้ว