Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 760

ตอนที่ 760

บทที่760 ไม่เคยสงสัยอะไรในตัวเธอ

มู่วี่สิงกอดเวินจิ้งก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว

เธอจับไปที่มือของเขาที่กำลังโอบเอวของเธออยู่อย่างแน่นโดยไม่รู้ตัว มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ต้องสนพวกนั้นหรอก โอเคไหม?”

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นหญิงวัยกลางคนที่เสียหลานชายไป ผู้น่าสงสารคนนั้น เธอกล้าที่จะโกรธเวินจิ้งแบบนั้นต่อหน้า เขาจะทอดทิ้งเธอได้อย่างไร

มือของเวินจิ้งเย็นเฉียบ “ฉันเศร้าจริงๆ”

เธอเงยหน้าขึ้นไปมองคางที่เคร่งขรึมแต่ดูมั่นคงของเขา พึมพำเบาๆ “เมื่อก่อนฉันกับคุณหญิงหลิงสนิทกัน เธอปฏิบัติกับฉันอย่างดีมาตลอด ถึงแม้ฉันจะไม่ยอมรับหลิงอี้ แต่เธอก็ยังคงอวยพรให้ฉันมีความสุขเสมอ”

แต่ว่าตอนนี้ หล่อนเกลียดเธอเข้ากระดูกดำไปเสียแล้ว

คนที่ทำดีกับเธอ เธอจะจดจำได้ดีเสมอ เธอไม่จำเรื่องราวที่ไม่ดีพวกนั้น แต่เรื่องราวที่สวยงามเหล่านั้น ควรค่าแก่การที่เธอจะถนอมมันไว้

“ฉันรู้สึกว่าเธอน่าสงสารจริงๆ ตั้งแต่เด็กหลิงฉิงอยู่ข้างกายเธอจนโต จนนับได้ว่าจะเป็นลูกอีกคนหนึ่งของเธอไปแล้ว”

เวินจิ้งกัดริมฝีปาก เสียงเธอเบาลง “ถ้าหากไม่ใช่ฉัน เขาคงไม่มาตายแบบนี้”

“อย่าพูดเหลวไหล!” มู่วี่สิงพูดตัดบทเธอโดยไม่ต้องติด น้ำเสียงเขาหนักแน่นกว่าที่เคย “การตายของหลิงฉิงไม่เกี่ยวกับคุณ จิ้งจิ้ง โปรดจำไว้”

แต่ไหนแต่ไรมาเธอเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมาโดยตลอด แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น เธอก็มักจะโทษตัวเองเสมอ

เวินจิ้งหยุดชะงัก พยายามฝืนยิ้มบางๆ

ชั่วครู่หนึ่ง เธอใช้นิ้วปัดผ่านเบาๆไปที่แขนของเขา พลางพูดเสียงเบา “มู่วี่สิง ขอบคุณนะที่เชื่อฉันมาโดยตลอด”

ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร แค่คำเดียวเขาก็เชื่อ ถึงแม้ว่าหลักฐานทั้งหมดจะกล่าวหาว่าเธอเป็นคนทำ เขาก็ไม่เคยสงสัยอะไรในตัวเธอเลย

ถึงแม้ว่าคนภายนอก จะเห็นว่าเธอเป็นคนที่ฆ่าไปแล้ว

มู่วี่สิงก้มลงไปกดจูบบนใบหน้าเธออย่างแรง “ผมอยากได้ยินคุณพูดว่ารักผมมากกว่า”

เขาไม่เคยต้องการคำขอบคุณของเธอเลย ไม่เลย

เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำ

ศาลประชาชนเมืองหนาน

มู่วี่สิงนั่งฟังอยู่ข้างๆ เขานั่งอยู่แถวแรกสุด ใบหน้าหล่อเหลาหม่นหมอง ฉายชัดถึงความเครียดลึกๆ

ดวงตาลึกล้ำจ้องมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงฝั่งจำเลยอย่างไม่วางตา

คิ้วและดวงตาของเธอสะอาดสวยงาม บางครั้งเขาก็อดคิดถึงรอยยิ้มที่บางคราก็เงียบสงบ หรือบางคราก็ซุกซน คิ้วโก่งสวยของเธอ สวยจนทำให้ผู้คนหลงใหล

ผู้หญิงที่เขารักมากคนนี้ ควรที่จะยิ้ม หัวเราะ ไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลใจ

ส้งลี่นั่งอยู่ที่นั่งฝั่งโจทก์ ดวงตาของเธอแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เธอหันไปมองตาเวินจิ้ง เกลียดเธอมากจนอยากจะถลกหนังของเธอออกมา

“จำเลย เมื่อวันที่12 เดือน12 ปี2019 เวลาบ่ายสอง คุณรับสารภาพหรือไม่ว่าคุณจงใจที่จะขับรถชนนายหลิงฉิง จนเป็นเหตุให้เขาถึงแก่ความตาย”

เวินจิ้งนั่งอย่างสงบที่ฝั่งจำเลย ดวงตาของเธอยังเย็นชา

“ดิฉันไม่ได้จงใจชนนายหลิงฉิง ดิฉันไม่ได้ขับรถคันนั้น คนที่ขับไปชนก็ไม่ใช่ดิฉัน”

หลิงอี้และหลิงเหยานั่งอยู่อีกฝั่ง สีหน้าของหลิงเหยาสงบสุขุม สงบจนมองไม่เห็นความผิดปกติอะไรทั้งนั้น

ทนายความของโจทก์ยืนอยู่กลางศาล เขายิ้มและพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “จำเลย ทุกคนรู้ว่าในสถานที่เกิดเหตุมีเพียงคุณกับผู้ตาย รถคันที่ก่อเหตุก็เป็นรถของสามีคุณ วันนั้นคุณขับรถมาที่จุดเกิดเหตุ เพราะว่าหลังคุณลงมาจากรถ ผู้ตายขับรถได้ขับรถชนคุณ ดังนั้นคุณจึงบันดาลโทสะกลับขึ้นไปยังรถ ก่อนขับมาชนเขา”

“วันนั้นในจุดเกิดเหตุไม่ได้มีแค่ฉันกับหลิงฉิง”

เวินจิ้งพูดอย่างใจเย็น ตลอดจนกระทั่งสายตาของเธอก็สงบนิ่ง

“ยังมีลูกสาวคนรองของตระกูลหลิงอยู่ด้วย วันนั้นหลิงเหยามาดักรอฉันก่อนที่ลานจอดรถ”

น้ำเสียงของทนายความฝ่ายตรงข้ามเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “แต่ไม่มีร่องรอยของคุณหลิงในที่เกิดเหตุ”

เวินจิ้งยิ้ม “ร่องรอยสามารถถูกจัดการให้หายไปได้ ไม่ใช่หรือคะ?”

“เนื่องจากหลักฐานได้ถูกลบไปแล้วจึงไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ เลยยิ่งไม่สามารถบอกได้ว่ามีบุคคลที่สามอีกในจุดเกิดเหตุ”

เวินจิ้งยิ้ม เม้มปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก

“ข้าแต่ศาลที่เคารพ”ครู่หนึ่ง ทนายฝั่งจำเลยที่เงียบอยู่นานได้พูดขึ้นมา “ผมยื่นหมายศาลเรียกให้คุณหลิงมาร่วมในการตัดสินคดีในวันนี้ด้วย วันเกิดเหตุลูกความของผมเสียเลือดมากซ้ำยังหมดสติไป ภายในเวลานั้นบุคคลที่สามจึงมีโอกาสที่จะจัดการลบหลักฐานในจุดเกิดเหตุ ก่อนจะหลบหนีไป”

เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว ถ้าหากว่าลูกความผมเจตนาที่จะขับรถไปชน แล้วทำไมตัวเองถึงได้บาดเจ็บจนสลบไปเหมือนกันล่ะครับ?”

ผู้พิพากษาพยักหน้า “เห็นด้วยกับทนายของจำเลย”

หลิงเหยาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เดินตรงไปยังที่นั่งของพยานด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แค่หางตาก็ไม่เหลือบไปมองยังเวินจิ้ง

เธอหยิบยกเหตุผลที่เธอไม่ได้อยู่ในจุดเกิดเหตุขึ้นมาพูด ดูเหมือนว่าจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี

เวินจิ้งมองตรงไปข้างหน้าอย่างสงบ ทว่าดวงตาของเธอกลับยิ่งเย็นเยือกขึ้นเรื่อยๆ

ในตอนนั้นเองที่ทนายฝ่ายจำเลยของเวินจิ้งขยับเข้ามาใกล้ เธอกระซิบอะไรสักอย่างกับทนาย ทันใดเขาก็ยกยิ้มขึ้น “ข้าแต่ศาลที่เคารพ ฝั่งของผมได้พยานคนใหม่มาแล้ว ขออนุญาตนำตัวมา”

หลิงเหยากำมือแน่น มองไปยังชายหนุ่มที่นั่งฟังเงียบๆอยู่ที่ที่นั่ง เขายังคงมองไปที่เวินจิ้ง แววตายากที่จะหยั่งรู้ได้ว่ากำลังคิดอะไร

ข้างกายเขามีลี่หนานเฉิงนั่งอยู่ด้วย แถวข้างหลังคือคนตระกูลมู่ มู่เฉิง กระทั่งมู่ซีก็มาด้วย

พยานที่เดินเข้ามา คือชายชราอายุราวหกสิบปี

นอกจากนี้ได้มีเอกสารข้อมูลชุดหนึ่งถูกส่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ข้าแต่ศาลที่เคารพ พยานคนนี้เป็นผู้ดูแลลานจอดรถแห่งนั้น เขาสามารถยืนยันได้ว่าวันนั้นที่จุดเกิดเหตุยังมีอีกคนหนึ่งนอกจากจำเลยและผู้ตาย”

สีหน้าของหลิงเหยาเปลี่ยนไป เป็นไปไม่ได้ วันนั้นตอนที่เธอขับเข้าไปในลานจอดรถ ชายแก่คนนั้นยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับอีกคนนี่ ไม่ได้สนใจเธอแน่นอน

คือ มู่วี่สิง

เธอค่อยๆกำมือแน่น ไม่คิดมาก่อนว่ามู่วี่สิงจะพยายามทำทุกอย่างให้เวินจิ้งพ้นข้อกล่าวหา ชายชราคนนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเคยเจอเธอวันนั้นแน่นอน เขาแสดงได้เก่งจริงๆ

“วันนั้นฉันไม่ได้อยู่ที่จุดเกิดเหตุ ฉันกินข้าวอยู่ที่ร้านอาหาร” หลิงเหยาตอบกลับอย่างเย็นชา

เธอหันไปมองพี่ชายที่นั่งฟังอยู่ สายตาที่มองกันเป็นอะไรที่คนนอกมองไม่เข้าใจ

ไม่นานนัก ผู้ช่วยทนายความของโจทก์ก็เดินลงมา หลิงอี้หยิบซองเอกสารที่ตั้งอยู่ข้างกายเขาให้ไป เวินจิ้งเห็นได้ชัดเจน ภายในเสี้ยววินาทีนัยน์ตาของเขาเผยความลังเลออกมา

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ดวงตาเขามืดลงทันทีที่ได้ฟังว่าหลิงอี้ยังคงมีหลักฐานอีก รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเขา

นอกจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ ยังจะมีหลักฐานอะไรอีก?

และถ้าหากว่าภาพในกล้องวงจรนั้นถูกหามาได้ มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อเวินจิ้ง ไม่รู้ว่าผู้ช่วยพูดอะไรกับทนายของโจทก์ข้างหู มู่วี่สิงเห็นสีหน้าของทนายคนนั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นดีใจ คล้ายกำชัยชนะไว้ในมือ

ปลายนิ้วที่เคาะบนเข่าพลันหยุดลง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท