Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 768

ตอนที่ 768

บทที่ 768 คุณจะแต่งงานกับหญิงอื่นเหรอ

เวินจิ้งตกใจ พูดพึมพำขึ้น “คุณจะแต่งงานกับหญิงอื่นเหรอ”

นิ้วนางข้างซ้ายของเธอยังคงสวมแหวนที่ประณีตและเรียบง่าย

นิ้วมือข้างขวาของเธอปกปิดแหวนเพชรที่ระยิบระยับอยู่บนนิ้วมือข้างซ้ายของเธอ ดวงใจช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

จินตนาการภาพที่มู่วี่สิงแต่งงานอีกครั้ง เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิด

ผู้ชายได้เดินไปถึงประตูแล้ว เพียงแค่หมุนตัวเขาก็จะหายลับไปทันที

“เวินจิ้ง คุณวางใจได้ ผมไม่ล้มลงแบบนี้อย่างแน่นอน และไม่ทำตัวให้เวทนาเพียงเพราะต้องสูญเสียคุณไป และยิ่งไม่มีทางเป็นเพราะคุณแล้วไม่แต่งงานใหม่”

แบบนี้ถึงจะทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่รบกวนซึ่งกันและกัน

นี่เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายสำหรับการหย่าที่เขามอบให้กับเธอ

หยดน้ำตาอุ่นๆได้ไหลลงกระทบลงเพชรที่โปร่งใส

ลู่เซิ่นได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ขณะที่เดินไปได้เหลือบมองเวินจิ้งแวบหนึ่ง “หยุดร้องได้แล้ว เขาไม่ต้องการคุณแล้ว”

ผู้หญิงคนนี้ชอบร้องไห้มากกว่าลู่โยวโยว อีกทั้งเวลาร้องไห้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่า

เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น จ้องเขม็งเขาอย่างดุเดือด

ลู่เซิ่นรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างไร้เดียงสาจริงๆ พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “ถ้าหากว่าเขายังรักคุณ ต้องการจะรั้งคุณไว้ เขาคงต้องแสดงออกมาอย่างน่าเวทนา ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาอยากจบความสัมพันธ์กับคุณ และเขาก็ไม่ได้ใส่ใจความสุขของคุณอีก คุณจะร้องไห้อีกทำไม”

เวินจิ้งรู้สึกว่าวิธีคิดของชายคนนี้น่าแปลกจริงๆ “สมองของคุณจะปกติหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร”

คำพูดของชายคนนี้เป็นระบบระเบียบ ทำให้เธอยิ่งรู้สึกอึดอัดรำคาญ

จิตใจเธอตอนนี้ย่ำแย่มาก คำพูดที่พูดออกจึงอาจจะโหดร้ายไปนิด “ฉันขอเตือนคุณไว้เลยนะ คุณอย่ามาคำก็ว่าที่ภรรยาสองคำก็ว่าที่ภรรยา ผู้ชายทึ่มๆอย่างคุณหล่ออย่างเดียวจะมีประโยชน์อะไร ฉันไม่ชอบคุณ และยิ่งไม่มีทางจะแต่งงานกับคุณ คุณเปลี่ยนใจซะเถอะ”

ลู่เซิ่นมองหญิงสาวตรงหน้าที่ไม่รู้จักว่าอะไรดีไม่ดี “เพราะฉะนั้นความหมายของคุณก็คือผมนั้นสู้ไม่ได้กับอดีตสามีคุณงั้นสิ”

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้กุมอำนาจตระกูลลู่ คนใหญ่คนโตของห้างสรรพสินค้าที่มีอยู่ทั่วสารทิศ

เวินจิ้งไม่อยากจะสนทนาเรื่องไร้สาระกับเขาอีก จึงนิ่งไปชั่วขณะ และเธอก็ถามขึ้นอย่างกระวนกระวายใจว่า “มู่วี่สิงไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหม”

ลู่เซิ่นที่ยังคงอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดจากการถูกเปรียบเทียบได้ตอบอย่างห้วนๆว่า “ผีคงรู้มั้ง”

สิ้นประโยค เขาได้เดินนำไปข้างหน้าแล้ว “ยังไม่ไปเหรอ พี่ชายเธอกำลังรอเธอช่วยเหลืออยู่นะ”

พี่ชาย…..เวินจิ้งกัดริมฝีปาก แล้วก็เดินตามออกไป

…..

ณ การ์เด้นมูเจียวาน

ทันทีที่เวินจิ้งเดินเข้ามา ก็เห็นหญิงสาวที่สวมเสื้อคลุมสีขาวนั่งยองๆอยู่ข้างๆโต๊ะกาแฟ กำลังจัดเก็บกล่องยา ตัวดำๆที่นอนอยู่ข้างๆคือมู่เสี่ยวเฮย

บางทีอาจเพราะได้กลิ่นตัวเธอ จากที่นอนอย่างขี้เกียจก็ลุกขึ้นสะบัดขนดุ๊กดิ๊กส่งเสียงร้องเห่า แล้ววิ่งมาถูไถอยู่ที่เท้าของเธอ

เวินจิ้งดีใจย่อตัวยองๆแล้วอุ้มมันขึ้น ใช้มือลูบหลังที่ขนนุ่มนิ่มไปมา พูดด้วยความเอ็นดูว่า “ก็เห็นอยู่ว่าตัวโตขึ้น แต่ทำไมถึงยังผอมเช่นนี้”

แพทย์สาวยิ้มให้พร้อมกับลุกขึ้น ที่ไหล่สะพายกล่องยา “คุณนายมู่คะ ช่วงนี้คุณไม่ได้อยู่บ้าน คุณมู่ก็ไม่ค่อยอยู่บ้านเสี่ยวเฮยจึงคิดถึงจนไม่เป็นอันจะกิน ถึงได้ผอมลงค่ะ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากนะคะ คุณวางใจได้เลยค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ” เวินจิ้งยิ้มขอบคุณ “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ”

“ดิฉันชื่อมู้ชิง ในครึ่งเดือนที่ผ่านมาดิฉันได้ช่วยดูแลตั้งหลายครั้งเลยนะคะ”

เห็นรอยยิ้มของมู้ชิงทำให้รู้สึกสบายใจ “ตอนนี้คุณได้กลับมาแล้ว มันก็คงจะไม่เป็นอะไรแล้ว ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกใช้ดิฉันได้เลยนะคะ”

“ค่ะ” เวินจิ้งเงยพูดกับป้าหลี่ “ไปส่งหมอมู้หน่อย”

เธออุ้มมู่เสี่ยวเฮยไว้ หน้ารูปไข่ลูบไล้ไปมากับขนที่ปุยนุ่นของมัน กลับมองเห็นใบหน้าที่รังเกียจของลู่เซิ่นยืนอยู่ข้างๆ “นี่เป็นสุนัขพันธุ์อะไร”

เวินจิ้งไม่ได้สนใจเขา และมุ่งเดินตรงไปที่ห้องนอน

ผ้าม่านถูกดึงออก ผ้าปูที่นอนที่อยู่บนเตียงดูเรียบเป็นระเบียบ เหมือนกับตอนที่เธอจากไปเมื่อเดือนก่อน ราวกับว่าเขานั้นไม่ได้มานอนค้างคืนที่นี่

อันที่จริงก็ไม่มีสิ่งของที่ต้องเก็บ เวินจิ้งหยุดชะงักจ้องดูเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ เสื้อผ้าสักชิ้นก็ไม่ได้หยิบไป

สักพัก เธอก็ไปที่ห้องหนังสือ โคมไฟได้ทับแผ่นใบหย่าไว้ ยังมีหนังสือของเธอที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะหนังสือ

เธอค่อยๆหยิบกระดาษบางๆแผ่นนั้นขึ้น

ตั้งแต่เธอกลับมา เจ้ามู่เสี่ยวเฮยก็ตามติดเธอตลอด เธอเดินมันก็เดินตาม เมื่อเธอหยุดมันก็จะหยุดอยู่ข้างๆขาของเธออย่างเงียบๆ

เวินจิ้งนั่งยองๆ ลูบคลอเคลียขนดำๆของมัน แล้วพูดเสียงต่ำ “อยากจะไปกับฉันหรอ”

เธอดูเหมือนกำลังรำพึงรำพัน “หรือว่าเธออยากอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเขา”

มู่เสี่ยวเฮยเหมือนกับเข้าใจในคำพูดของเธอ จึงส่งเสียงร้องเห่าขึ้น

โฮ่งๆโฮ่งๆ

เธออุ้มมู่เสี่ยวเฮยขึ้นมาจากพื้นแล้ววางลงบนโต๊ะ มือยังคงลูบไล้สุนัขของเธอไปมา มืออีกข้างหนึ่งยังคงจับแผ่นใบหย่าใบนั้น มองดูอยู่นาน เธอจึงพูดขึ้นเบาๆ “เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเขาแล้วกัน แล้วฉันค่อยมารับเจ้าทีหลัง แบบนี้ดีไหม”

มือของหญิงสาวลูบอยู่ที่หัวของมัน “ดีไหม หือ?”

ดวงตาดำเข้มของลูกสุนัขมองเธออย่างเงียบๆ บางทีมีแลบลิ้นออกมาเลียเธอ

เธอจับปากกาที่อยู่ข้างๆขึ้น หัวปากกากดอยู่ที่กระดาษ

“แผ่นใบหย่านี้ฉันเซ็นไปตั้งหลายครั้งแล้ว” เธอพึมพำ

มู่เสี่ยวเฮยยังคงเห่าใส่เธอสองสามที ดวงตาดำเข้มแฝงด้วยความน่าสงสาร ราวกับว่ามันสังเกตเห็นถึงบางอย่าง มันจึงยิ่งเข้ามาใกล้แขนของเธอ

แสงไฟสีส้มได้แผ่กระจายอยู่บนใบหน้าเธอ ทำให้รูปร่างของเธอนั้นดูอ่อนโยนยิ่งขึ้น

มือที่ขาวสะอาดจับอยู่ที่ปากกา หัวปากกาติดอยู่ที่กระดาษ เธอค่อยๆหรี่ตาลง และสุดท้ายเธอก็วางปากกาลง

เธอเม้มริมฝีปากแล้วหันไปพูดกับมู่เสี่ยวเฮย “แม้ว่าเขานั้นดูเหมือนกำลังเล่นละครอยู่ แต่ถ้าตอนนี้ฉันหย่ากับเขา….ก็จะดูเป็นคนขาดมโนธรรมไปไหม ต่อไปจะมีผู้ชายคนไหนต้องการฉันอีก…..”

เธอเม้มริมฝีปาก แล้วตบหัวมู่เสี่ยวเฮยเบาๆ ยิ้มตาหยีขึ้น

เธอพูดขึ้นเบาๆ “เอาแบบนี้แล้วกันนะ รอพี่ชายฉันหายดีแล้ว ฉันจะพาเขากลับไปหาแม่ที่ลอนดอน จากนั้นฉันก็จะกลับมารับเจ้า…..แล้วค่อยดำเนินการเซ็นใบหย่าตามขั้นตอน”

เสียงพูดเพิ่งจบ เสียงเคาะประตูห้องหนังสือก็ดังขึ้น “คุณนายคะ คุณปู่มู่มาแล้วค่ะ”

มู่เฉิงมาแล้วเหรอ

เวินจิ้งรีบหุบรอยยิ้มลง อุ้มมู่เสี่ยวเฮยลงจากโต๊ะ แล้วตัวเองก็เดินออกไปก่อน

ลมพัดเบาๆได้พัดกระดาษบางๆใบนั้นตกไปที่พื้น

มู่เสี่ยวเฮยเงยหน้าแล้ววิ่งตามกระดาษใบนั้นที่ปลิวสะบัด

มันก้มลงดมด้วยความสงสัย แล้วจึงคาบไว้ในปาก จากนั้นก็วิ่งตามออกไปทันที

ขณะที่เวินจิ้งลงไป มู่เฉิงได้นั่งอยู่บนโซฟา เมื่อเห็นเธอเดินลงมา ก็มองเห็นดวงตาหม่นหมองและซับซ้อนของเธอ

สำหรับมู่เฉิงแล้ว เธอไม่มีความโกรธเกลียดเคียดแค้นอะไรอีก เพียงแต่แค่ไม่สามารถที่จะไปสนิทสนมเหมือนอย่างช่วงแรกๆ เพราะสิ่งที่เขาเคยทำนั้น เธอไม่สามารถจะลืมได้

“คุณปู่มู่”

มู่เฉิงมองดูหญิงสาวบอบบางที่ยืนอยู่หน้าตัวเอง ไม่มีการพูดอะไรใดๆ ปล่อยบรรยากาศให้เงียบอย่างสงบ c

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท