Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 835

ตอนที่ 835

บทที่ 835 จัดการคนที่ควรจัดการให้เรียบร้อย

อย่างไรทนายความจ้าวก็คือผู้อาวุโส ดังนั้นเขาจึงพูดปลอบโยนเธอสองสามประโยค “ถึงอย่างไรมันก็เป็นหุ้นของแม่คุณ หากคุณไม่ต้องการ มันก็จะถูกส่งต่อไปในมือของคนนอก”

ผลลัพธ์ของคำพูดของเขาเกิดขึ้นทันที ถึงแม้ว่าฉินซีจะไม่อยากได้หุ้นของฉินซื่อกรุ๊ป แต่พอคิดว่าท้ายที่สุดแล้วทรัพย์สมบัติทุกชิ้นของแม่จะถูกฉินหว่านกับหลี่เหวยเอาไปจนหมด เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นกว่าเดิม

เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นก็ขอรบกวนคุณตรวจสอบให้ฉันด้วยแล้วกันค่ะ”

“คุณหนู ดื่มอะไรหน่อยไหม” ทนายความจ้าวดึงสติของฉินซีออกมาจากภาพความหลัง

ทนายความจ้าวเงยหน้ามองลู่เซิ่น เห็นเขาพยักหน้า จึงวางชุดน้ำชาที่อยู่ในมือลง “เชิญครับ พวกเรามาดูจดหมายนั่นกันเถอะ”

พูดพลางก็เดินไปที่โต๊ะทำงาน แล้วหยิบจดหมายสองฉบับที่วางอยู่บนนั้นส่งไปให้ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา “พอเปิดจดหมายฉบับแรกแล้วรู้ว่ามันเป็นจดหมายขู่ ผมก็เลยไม่ได้เปิดจดหมายฉบับที่สอง เพราะกลัวว่าจะไปทำให้ลายนิ้วมืออะไรพวกนั้นเสียหาย”

ฉินซีที่กำลังจะยื่นไปรับจดหมายฉบับนั้นรีบลดมือลงทันทีหลังจากได้ยินเรื่องนี้

ทว่าลู่เซิ่นกลับไม่รีบเร่ง หลังจากที่รับจดหมายมาก็มองมันอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ส่งกลับไปแล้วส่ายหน้า “ไม่น่าจะมีรอยนิ้วมืออะไร ในเมื่อมันส่งมาถึงหน้าประตูบ้านคุณ แปลว่าจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากเลยทีเดียว”

แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ยื่นมือไปแตะกระดาษจดหมาย

ทนายความจ้าวหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ผมเคยถ่ายรูปจดหมายเอาไว้ เนื้อหาข้างในจดหมายขู่ก็ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ พิมพ์เอาไว้แค่หนึ่งบรรทัด จึงไม่สามารถประเมินอะไรได้เลย ”

ฉินซีเข้าไปดูใกล้ ๆ เนื้อหาข้างในจดหมายเรียบง่ายมาก เขียนเอาไว้แค่ประโยคเดียว

“ถ้าหากยังช่วยฉินซีทำเรื่องที่ไม่สมควรทำอีก ก็ระวังตัวไว้”

ฉินซีโมโหขึ้นมาแล้ว “อะไรคือเรื่องที่ไม่สมควรทำ ฉัน…”

“ฉินซี” ทันใดนั้นลู่เซิ่นก็ตบลงบนไหล่ของเธอคล้ายกับกำลังปลอบโยน

เขากับฉินซีนั่งอยู่ใกล้กันมาก ที่สามารถยื่นมือออกไปตบไหล่แบบนี้ได้ก็เป็นเพราะระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเริ่มขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นแล้ว

ฉินซีที่กำลังจมอยู่ในห้วงความโกรธไม่ได้รู้สึกถึงระยะห่างที่ขยับเข้ามาใกล้กันนี้ แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าพอถูกเขาตบ ๆ เข้าหน่อย เธอก็ไม่รู้สึกโกรธอีกต่อไปแล้ว

ทนายความจ้าวที่ยืนอยู่อีกด้านรอให้อารมณ์ของฉินซีกลับมาสงบนิ่ง แล้วจึงเปิดปากพูดต่อ “อีเมลที่ส่งมาหาผมก็มีเนื้อหาเหมือนกัน ผมเลยอยากจะถามคุณว่า คุณจะตรวจสอบด้วยตัวเอง หรือจะให้ผมแจ้งความแล้วให้พวกตำรวจช่วยตรวจสอบ”

ฉินซียังไม่ทันได้ตอบ ลู่เซิ่นก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ต้องแจ้งความ ฉันน่าตามจะหาตัวคนทำพบในเร็ว ๆ นี้”

ความจริงแล้วทนายความจ้าวเองก็ไม่เชื่อว่าตำรวจจะเอาจริงเอาจังกับคดีของเขา จะอย่างไรเขาก็แค่ถูกคุกคาม ไม่ได้ได้รับความเสียหายใด ๆ จึงเป็นเรื่องยากที่ตำรวจจะให้ความสนใจกับคดีแบบนี้ พอได้ยินลู่เซิ่นพูดแบบนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ทว่าฉินซีกับตามทั้งสองคนไม่ทัน ใช้เวลาอยู่ค่อนวันกว่าเธอจะหันกลับไปถามลู่เซิ่น “ทำไมคุณถึงมั่นใจว่าคุณจะตามหาคนคนนั้นเจอ”

ลู่เซิ่นแกว่งโทรศัพท์ตรงหน้าเธอ “คำตอบจะมาภายในเช้าวันนี้”

ฉินซียังคงรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อ ทว่าทนายความจ้าวใจเย็นกว่าเธอมาก

แน่นอนว่าเขารู้ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นใคร ดังนั้นเขาจึงไม่เคยนึกสงสัยเลยว่าลู่เซิ่นจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้หรือไม่

ทนายความจ้าวเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงในการแต่งงานของฉินซี

ตอนที่ฉินซีโทรศัพท์มาบอกเขาว่าเธอแต่งงานแล้ว สามารถที่จะเริ่มพิจารณาขั้นตอนการถ่ายโอนหุ้นได้แล้วนั้น ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“คุณแต่งงานกับใคร ทำไมถึงได้กะทันหันขนาดนี้ ไม่ได้ถูกหลอกใช่ไหม” เขาเห็นฉินซีมาตั้งแต่เด็กจนโต กลัวว่าเธอจะไปเดินอยู่บนเส้นทางที่ไม่ดีเข้า

ทว่าฉินซีกลับตอบกลับมาอย่างคลุมเครือว่า “ก็แค่…คนที่ฉันเคยรู้จักเมื่อสมัยก่อน…”

ทนายความจ้าวได้ยินคำตอบที่ไม่ชัดเจนจากเธอก็เริ่มสงสัยมากยิ่งขึ้น “ฉินซี เรื่องการโอนหุ้นไม่ได้เร่งด่วนขนาดนั้น ส่วนเรื่องการแต่งงานก็ระวังให้มากกว่านี้หน่อยน่าจะดีกว่า”

เขาเน้นย้ำซ้ำ ๆ อยู่นาน ราวกับว่าถูกบังคับให้อดทนต่อไปไม่ไหว ฉินซีจึงพูดขึ้นมาอย่างอึก ๆ อัก ๆ “ฉันไม่ได้ถูกใครหลอกค่ะ…ฉันแต่งงานกับลู่เซิ่น”

แรงกระแทกที่ ทนายความจ้าว ได้รับมากมายมหาศาลจนเกินไป

ทว่าฉินซีกลับไม่ยอมพูดอะไรมากกว่านี้ เพียงบอกเขาว่าสามารถเตรียมตัวดำเนินขั้นตอนต่าง ๆ ได้แล้ว ก่อนจะวางสายไป

ทนายความจ้าวก็รู้สึกไม่ดีที่จะถามเธอต่ออีก แต่ในเมื่อเธอแต่งงานกับลู่เซิ่น ก็คงไม่ได้ถูกหลอกจริง ๆ

เขาทำได้แค่กลืนความกังวลที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งกลับเข้าไปในท้อง

วันนี้ดูแล้วเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างที่จะสนิทสนม ความกังวลที่เหลืออยู่อีกครึ่งจึงมลายหายไป

ขณะที่กำลังพูดกันอยู่ โทรศัพท์มือถือของลู่เซิ่นก็ดังขึ้น

คนที่โทรมาก็คือผู้ช่วยของลู่เซิ่น น้ำเสียงของเขาสุภาพและมีมารยาทเป็นอย่างมาก

“ประธานลู่ครับ กล้องวงจรปิดที่คุณต้องการตรวจสอบได้รับการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ผมส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้คุณแล้ว”

ลู่เซิ่นส่งเสียงรับคำก่อนจะวางโทรศัพท์ เขาเปิดดูรายงานที่ผู้ช่วยส่งมาให้ จากนั้นก็ยื่นมันไปให้ฉินซี

“เธอตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องนี้ยังไง”

ผู้ช่วยของลู่เซิ่นมีประสิทธิภาพสูงมาก รายงานที่เขาส่งมานั้นเขียนรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้อย่างชัดเจน

จดหมายขู่ที่ส่งมาที่บริษัทของทนายความจ้าวนั้นถูกคนเอามาวางด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่ากล้องวงจรปิดของบริษัทจะพังไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถใช้กล้องวงจรปิดข้างนอกหาคนส่งจดหมายได้ เป็นผู้ชาย สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร แม้ว่าเขาจะสวมหมวก แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่ช่วงถนน เขาก็เข้าไปซื้อบุหรี่ในร้านสะดวกซื้อจึงถูกกล้องวงจรปิดตรงหน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์จับภาพหน้าตรงเอาไว้ได้ ข้อมูลส่วนตัวของคนคนนั้นได้รับการยืนยันจากการจดจำใบหน้า จึงสามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวของเงินในธนาคารของเขาได้

ก่อนที่เขาจะมาส่งจดหมายก็มีเงินก้อนหนึ่งถูกโอนเข้ามาในบัญชีของเขา

ความจริงแล้วจำนวนเงินก็ไม่ได้มากมายอะไรนะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเป็นเลขบัญชีที่ไม่คุ้นเคย ก็คงจะถูกพบได้ยาก

คนที่ส่งจดหมายข่มขู่ไม่ใช่พวกมืออาชีพ ดูจากค่าตอบแทนที่เขาได้รับแล้ว เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจดหมายที่ตัวเองส่งเป็นจดหมายอะไร

หลังจากตรวจสอบบัญชีที่โอนเงินมาให้เขา ก็พบว่าเจ้าของบัญชีคือบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายหลี่เหวย

“หลี่เหวยอย่างนั้นเหรอ”

อันที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือไปจากความคาดหมายของฉินซีเท่าไหร่ เพียงแต่ตอนนั้นเธอจดจ่ออยู่กับการสืบหาที่อยู่และบริษัทของทนายความจ้าว ทั้งยังต้องตามหาคนมาจัดการเรื่องนี้ ประเมินว่าหลี่เหวยกับฉินหว่านคงไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเธอจึงมั่นใจว่าฉินซึ่งเทียน จะต้องเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

แน่นอนว่าตอนนี้เธอก็ยังไม่เลิกสงสัยในตัวของฉินซึ่งเทียน เพียงแต่ดูจากสภาพการณ์ภายนอกแล้วเขาคงไม่ได้มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้จริง ๆ

ดูเหมือนว่า…เธอจะประเมินสองแม่ลูกคู่นั้นต่ำไป

ขณะที่ฉินซีกำลังใช้ความคิด ทนายความจ้าวที่อ่านหลักฐานทั้งหมดอยู่อีกด้านกลับส่ายหน้าเบา ๆ

“อาศัยของแค่นี้คงไม่สามารถที่จะถอนรากถอนโคนได้ เรื่องทั้งหมดสามารถจัดการได้ แต่ว่าคงต้องยุ่งยากสักหน่อย…”

รายงานของคุณผู้ช่วยกล่าวเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า บอดี้การ์ดของหลี่เหวยนั้นทำอะไรรอบคอบกว่าที่คิดเอาไว้มาก คนที่เขาหามาก็คือคนบ้านเดียวกันที่เขาเคยรู้จักเมื่อหลายปีก่อน

ไม่ต้องพูดถึงว่าคนคนนั้นจะซัดทอดไปถึงบอดี้การ์ดหรือเปล่า ถึงแม้ว่าจะยอมรับสารภาพ แต่เงินที่บอดี้การ์ดโอนมาให้เขาก็ไม่ได้มากมายอะไร ถามไปแล้วจะเอาอะไรมาอ้างลวก ๆ ก็ได้ทั้งนั้น นับประสาอะไรกับการดึงหลี่เหวยสองแม่ลูกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

จะไม่มีแม้แต่วิธีเดียวจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ

ลู่เซิ่นมองเห็นสีหน้าระมัดระวังของทนายความจ้าวก็ยกมุมปากขึ้น “แค่ใช้กฎหมายเอาผิดไม่ได้ ก็ไม่มีวิธีจัดการแล้วอย่างนั้นเหรอ”

ฉินซีเงยหน้ามองเขา “ถ้าอย่างนั้นคุณคิดจะจัดการยังไง”

ลู่เซิ่นยกมือขึ้น ส่งบัญชีจากฉินซีให้ฉินซึ่งเทียนผ่านทางอีเมล

“จัดการคนที่ควรจัดการให้เรียบร้อย”

ตามสไตล์ของเขา ลงมือทำโดยไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท