Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 838

ตอนที่ 838

บทที่ 838 ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง

เหมือนว่าหซู่หนานจะมองความไม่เป็นธรรมชาติของเธอออก เขาจึงก้าวไปข้างหน้า แล้วยืนขวางอยู่ตรงหน้าฉินซี “ในเมื่อได้พบกันแล้ว อย่างนั้นฉันก็ขอถามเธอตรง ๆ เลยแล้วกันว่า ฉินซี เรื่องของน้องชายฉัน…”

หซู่หนานยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกคนที่เดินมาจากทางด้านหลังของฉินซีตัดบทเข้า

“ทำไมถึงได้ไปนานขนาดนี้”

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก้าวเข้ามา จากนั้นก็คล้องแขนของฉินซีเอาไว้อย่างสนิทสนม

ฉินซีหันกลับไปมอง เธอเกือบจะร้องไห้ออกมาแบบไม่มีน้ำตาทันที

สวรรค์ ลู่เซิ่น ทำไมคุณถึงไม่นั่งอยู่ตรงที่นั่งของตัวเองให้มันดี ๆ จะออกมาตามหาฉันทำไมกัน

แล้วสีหน้าแบบนั้นของคุณนั่นมันอะไร! ฉันเพิ่งจะบังเอิญพบกับหซู่หนานโอเคไหม

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ฉินซีกำลังกรีดร้องอยู่ในใจ เธอไม่มีทางที่จะพูดอะไรออกมาต่อหน้าหซู่หนาน เพียงเดินเข้าไปหาลู่เซิ่น ยืนอยู่ข้างกายเขา แล้วพูดกับเขาอย่างเอาอกเอาใจว่า “เมื่อกี้นี้ฉันเดินหลง ก็เลยจะหาคนถามทาง บังเอิญพบคนเข้าพอดี แต่ว่ายังไม่ทันจะได้ถามคุณก็มาแล้ว”

คำอธิบายนี้ของเธอชัดเจนเป็นอย่างมาก! แถมยังย้ำอีกว่า “เพิ่งเจอ” และ “ไม่มีเวลาถาม” ก็แค่บังเอิญพบกันเท่านั้น!

แต่แรงที่ใช้จับแขนเธอของลู่เซิ่นบอกกับฉินซีว่า เขาไม่ได้เชื่อคำพูดของเธอทั้งหมด

ส่วนหซู่หนานที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉินซี หลังจากที่รู้ว่าคนที่มาเป็นใคร ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมสีหน้าของตัวเองได้ชั่วขณะ เขาเผยความประหลาดใจออกมาหลายส่วน

นี่…นี่ไม่ใช่ลู่เซิ่นเหรอ

เขามาอยู่กับฉินซีได้ยังไง

จับมือถือแขนกันแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะสนิทสนมกันมากอย่างไรอย่างนั้น

แล้วทำไมฉินซีถึงต้องรีบร้อนอธิบายเรื่องราวทั้งหมดกับเขา แล้วโยนความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราทิ้ง

ลู่เซิ่นกับฉินซีมีความสัมพันธ์แบบไหนกันอย่างนั้นเหรอ

แน่นอนว่าสำหรับคำถามสุดท้ายนั้น พอได้เห็นสีหน้าของฉินซีแล้ว หซู่หนานก็เหมือนจะมีคำตอบอยู่ในใจ

ทว่าเขายังคงไม่แน่ใจ รอให้ฉินซีพูดจบ เขาก็เรียกชื่อของเธอแล้วพูดว่า “ฉินซี นี่ใครเหรอ”

เดิมทีฉินซีคิดว่าหลังจากอธิบายจบแล้วจะรีบลากตัวลู่เซิ่นออกไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหซู่หนานจะเรียกชื่อของเธอออกมา ตอนนี้แจ้งทำเป็นไม่รู้จักกันก็คงจะไม่มีประโยชน์แล้ว ระยะห่างใกล้เพียงแค่นี้ ไม่มีทางที่จะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินได้

ได้โปรดเถอะหซู่หนาน คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันเป็นใคร ทำไมยังต้องหาเรื่องลำบากให้เธออีก คิดจะถามชื่อเขาอย่างนั้นเหรอ

แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะว่าหซู่หนานไม่รู้จักลู่เซิ่น เขาแค่อยากจะดูว่าฉินซีจะแนะนำตัวผู้ชายคนนั้นยังไง

ดูเหมือนว่าลู่เซิ่นเองก็สนใจคำถามนี้มาก ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับ เงยหน้ามองฉินซี ราวกับว่ากำลังรอคอยคำตอบของเธอ

เมื่อถูกโจมตีจากทั้งสองด้าน ฉินซีก็ทำได้เพียงแค่หันกลับไปอย่างคับแค้นใจ และกล่าวแนะนำอย่างแห้ง ๆ ว่า “คนนี้คือลู่เซิ่นจากบริษัทลู่ซื่อ ส่วนคนนี้คือหซู่หนาน”

เห็นได้ชัดว่าการแนะนำตัวแบบไม่มีคำนำหน้าและคำต่อท้ายของเธอนั้นทำให้ทั้งสองคนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ลู่เซิ่นถึงกับกอดอกเลิกคิ้ว

แต่ฉินซีก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีนัก เดิมทีเธอก็แค่ออกมาเข้าห้องน้ำ ต้องมาถูกทำให้เสียเวลาอยู่ตั้งนาน ทั้งยังถูกบี้ถามคำถามที่น่าเบื่อพวกนั้นอีก ให้ฝืนใจตอบสักครั้งก็ยังพอไปไหว แต่เธอไม่สนใจที่จะอยู่เป็นเพื่อนต่อไปหรอกนะ

เธอเงยหน้ามองไปที่ทางโค้งข้างหน้า ดูเหมือนว่าจะมีพนักงานคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เธอไม่สนใจแล้วว่าระหว่างผู้ชายสองคนนี้จะมีความคิดที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างไร เธอรีบวิ่งไปหาพนักงาน “ขอโทษนะคะ ห้องน้ำอยู่ตรงไหนเหรอคะ”

ลู่เซิ่นกับหซู่หนานล้วนอยู่ตรงตำแหน่งมุมอับสายตาของพนักงาน เขาจึงมองไม่เห็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ จึงตอบคำถามแล้วชี้ไปตามเส้นทางอย่างกระตือรือร้น “เดินตรงไปนะครับ จากนั้นเลี้ยวขวาตรงทางแยกที่สาม ก็จะพบกับห้องน้ำแล้ว”

ฉินซีขอบคุณเขาแล้วรีบวิ่งไปโดยไม่แม้แต่จะมองคนทั้งสองที่เธอทิ้งไว้ข้างหลัง

ลู่เซิ่นยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิม พอเห็นเงาแผ่นหลังของเธอหายลับไป ก็ไม่ได้สนใจที่จะอยู่ต่อ จึงหมุนตัวเดินกลับออกไป

“ประธานลู่ครับ”

ทันใดนั้นเองหซู่หนานที่อยู่ข้างหลังก็ตะโกนเรียกเขา

ลู่เซิ่นไม่ได้หันกลับไปมอง ทว่าก็ไม่ได้เดินต่อแล้ว

“ขอถามตรง ๆ เลยนะครับว่า…คุณกับฉินซีเป็นอะไรกัน”

หซู่หนานเสริมความกล้าให้กับตัวเองก่อนจะเอ่ยปากถามออกมา

เขาสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงที่ไม่อาจแยกออกจากกันระหว่างฉินซีกับลู่เซิ่น แต่คนเราก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ได้ยินคำตอบกับหู ให้ตายก็คงไม่เชื่อ

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบคำถามของเขาตรง ๆ ทั้งยังโยนคำถามกลับไป

“แล้วนายล่ะ”

พูดจบก็เดินออกไปโดยที่ไม่รอให้หซู่หนานพูดอะไรต่ออีก

ตอนที่หซู่หนานกลับไปที่ที่นั่งของตัวเอง เขายังคงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย

ฉินหว่านที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมคุณถึงเข้าห้องน้ำนานขนาดนี้ ทั้งยังกลับมาในสภาพคอตกแบบนี้อีก”

ความคิดของหซู่หนานยังคงอยู่กับฉินซี เขาตอบกลับไปอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่า “ไม่มีอะไร แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ”

ฉินหว่านไม่พอใจท่าทีแบบนี้ของเขา เธอโยนข้าวของบนโต๊ะอาหารทิ้ง “คุณก็เอาแต่พูดว่ายุ่งยุ่งยุ่ง ไม่ง่ายที่จะหาเวลามาอยู่กับฉัน แล้วยังจะมาทำหน้าแบบนี้อีก หซู่หนาน!คุณไม่รักฉันแล้วใช่ไหม”

เมื่อวานหซู่หนานเพิ่งจะจัดการเรื่องใหญ่จบ เขาแทบจะไม่ได้นอนมาตลอดทั้งสัปดาห์

วันนี้ตอนเช้าเพิ่งจะได้งีบหลับ ก็ถูกฉินหว่านบังคับให้ออกมา ความจริงเขาก็ปวดหัวมากอยู่แล้ว การพบกับฉินซีโดยบังเอิญก็ยิ่งทำให้เขาสับสนมากขึ้นไปอีก ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่แรงจะเอาใจใครด้วยซ้ำ จึงพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ฉินหว่าน หยุดทำตัวน่ารำคาญสักที”

ฉินหว่านได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งโมโห เธอลุกขึ้นยืนทันที “ฉันน่ารำคาญขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันน่ารำคาญยังไง อาทิตย์นี้คุณไม่เคยมาเจอฉันเลยสักครั้ง ออกมาพบกันเอาแต่ทำหน้าเหมือนปลาตาย หซู่หนาน ตอนแรกที่คบกันคุณรับปากฉันเอาไว้ว่ายังไง ทำไมตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นแบบนี้แล้ว! ”

ปกติถ้าเธอทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้ หซู่หนานก็จะรีบเข้ามาเอาใจเธอตั้งนานแล้ว แต่วันนี้เขากลับทำตัวผิดปกติ เอาแต่นั่งอยู่กับที่ไม่ยอมขยับ

ฉินหว่านรู้สึกโมโหมาก ๆ เธอหมุนตัวเดินออกไปจากร้านอาหารทันที

ทว่าหซู่หนานยังคงนั่งอยู่ตรงที่เดิม เขาไม่แม้แต่จะมองตามเธอไปด้วยซ้ำ

ฉินหว่านค่อนข้างที่จะโวยวายเสียงดังเป็นอย่างมาก มีพนักงานหลายคนเข้ามาเตือนเธอด้วยเสียงเบา ๆ แต่ฉินหว่านไม่คิดที่จะสนใจ เธอเชิดหน้าเดินออกไปจากร้าน

พนักงานมองหซู่หนานอย่างเห็นใจ เขาเพียงพูดออกมาด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า “ช่างเธอเถอะ”

เสียงรองเท้าส้นสูงของฉินหว่านหายลับไปตรงมุมอย่างรวดเร็ว หซู่หนานใช้มือกุมหน้าผากอย่างเหนื่อยล้า เขาเตรียมที่จะคิดเงิน ทว่าอยู่ ๆ เสียงข้อความในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“พี่หนาน เรื่องที่ให้ผมไปสืบมาก่อนหน้านี้ ผมสืบมาได้คร่าว ๆ แล้ว แต่ว่า…มันดูเหมือนว่าจะมีอะไรแปลก ๆ ”

หซู่หนานโดนเรื่องราวต่าง ๆ เคี่ยวกรำมาระยะหนึ่งแล้ว ชั่วขณะเขาจึงนึกไม่ออกว่าตัวเองได้ไปขอให้ใครสืบเรื่องอะไรไว้ แต่พอลืมตาขึ้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เรื่องของหซู่เป่ยยังไงล่ะ

ถึงแม้ว่าฉินซีจะบอกว่าไม่ให้เขาตรวจสอบอย่างละเอียด แต่หซู่หนานก็ไม่ได้เชื่อคำพูดไร้สาระของเธอที่ว่า “มีเพื่อนมาช่วย” อะไรนั้นของเธอ เขาต้องหาคนมาตรวจสอบเรื่องนี้

เพียงแต่ประสิทธิภาพของคนที่เขาส่งไปตรวจสอบนั้นไม่สามารถที่จะเทียบกับคนของลู่เซิ่นได้ ใช้เวลานานขนาดนี้แล้วยังสืบหาได้เพียงโครงร่างคร่าว ๆ เท่านั้น

ก่อนที่เหตุการณ์ของหซู่เป่ยจะถูกเปิดเผย ก็มีคนติดต่อมาที่บริษัท พีอาร์ที่ดีที่สุดของวงการ การดำเนินการหลังจากนั้นก็มีบริษัท พีอาร์คอยออกหน้าให้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบ

ผู้ที่ติดต่อกับบริษัท พีอาร์จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อลบภาพฉาว

หซู่หนานมองที่ค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์แล้วก็ลอบสูดหายใจ

นี่เกือบเท่ากับจำนวนแบล็คเมล์เขาด้วยซ้ำ…

เงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ไม่สามารถที่จะนำออกมาได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างแน่นอน

จะต้องเป็นคนใหญ่คนโต แล้วเหมือนว่าคนประเภทนี้ ถ้าไม่อยากให้ใครพบเห็น คนธรรมดาทั่วไป หรือแม้แต่คนที่ช่วยหซู่หนานตรวจสอบเรื่องนี้เองก็ยังยากที่จะหาพบ

แต่คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังคนนี้กลับทำราวกับว่าไม่ต้องการที่จะปิดบังตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท