Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 842

ตอนที่ 842

บทที่ 842 ความคิดของเธอถูกมองทะลุปรุโปร่ง

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะพูดตรงๆ ขนาดนี้ ชะงักไปครู่หนึ่ง “ยังเดินไหวไหมครับ”

ฉินซีไม่สนว่าจะหน้าหนา ส่ายศีรษะ

ชายหนุ่มลังเลอยู่อึดใจ “อย่างนั้นผมประคองคุณเข้าไปพักก่อน ฝนซาแล้วค่อยไปส่งคุณ”

ฉินซีเงยหน้าแปลกใจ ชี้ไปที่รีสอร์ทชิงหยวน“คุณบอกว่าให้ฉันเข้าไปหรือคะ”

ชายหนุ่มหล่อเหลาไม่อยากจะพูดอะไรอีก หันไปกวักมือเรียก ฉินซีถึงเพิ่งจะเห็นว่ามีคนยืนห่างออกไปอีกสองคน

……อุ๊ปส์ ท่าทางน่าขายหน้าของเธอเมื่อครู่ก็มีคนเห็นตั้งสามคนสิ

แน่นอนว่าเธอไม่รู้ ยังมีกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในห้องควบคุมเห็นตอนที่เธอลื่นล้มด้วย

“พาเธอไปตึกใหญ่” คนนั้นกำชับชายสองคนที่ยืนด้านหลังน้ำเสียงเรียบเฉย

คนที่ยืนด้านหลังรับคำ

ฉินซีแทบจะแน่ใจแล้ว คนนี้คือคนที่ซื้อบ้านตระกูลฉินแน่นอน

โทษที่เธอเองวันนี้พอได้ยินข่าวว่าบ้านเก่าถูกขายก็ทะเลาะกับฉินซึ่งเทียนแม้แต่ใครซื้อบ้านก็ไม่รู้

ไม่เช่นนั้นตอนนี้ เธอคงไม่ตกใจขนาดนี้

แน่นอนถึงแม้ ฉินซีนึกขึ้นมาได้ไปถามก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนั้นที่ ลู่เซิ่นซื้อบ้าน หลินหยัง ออกหน้าตลอด แม้แต่ฉินซึ่งเทียนก็ไม่รู้ว่าผู้ซื้อตัวจริงคือใครกันแน่

เผชิญหน้ากับคนที่ไม่เคยรู้จักอย่างนี้ ฉินซีจะปฏิเสธก็ได้ แต่ความรู้สึกคิดถึงบ้านเก่าของตระกูลฉินมีมากกว่า อีกทั้งสัญชาตญาณของเธอยังบอกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด จึงเดินตามไปแต่โดยดี

เกินกว่าที่เธอคาดคิด ความเปลี่ยนแปลงภายในบ้านตระกูลฉินกลับไม่มากอย่างที่เธอคิดไว้

หลายมุมที่สำคัญที่สุดในความทรงจำของเธอ รวมทั้งถนนสายเล็กนั้นด้วยไม่เปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไร เพียงแต่สไตล์ของอาคารโดยรวมเปลี่ยนไป

เพียงแต่การปรับเปลี่ยนเท่านี้ก็ทำให้บ้านตระกูลฉินที่เคยเรียบๆไม่มีอะไรตื่นเต้น กลายเป็นบ้านหรูหรา “รีสอร์ทชิงหยวน” ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสุนทรีย์

ฉินซีมองไปรอบๆ พลางคิดชมในใจเงียบๆ แทบจะลืมเจตนาของตัวเองที่มาที่นี่ กระทั่งถึงหน้าตึกใหญ่ สองคนที่ช่วยประคองก็นำเธอเข้าไปในห้องรับแขก เธอมองเห็นหมอประจำบ้านที่รออยู่ด้านหนึ่งถึงจะรู้สึกตัว

ตัวเองมารำลึกความหลังต่างหาก ทำไมกลายเป็นมารักษาอาการบาดเจ็บเสียได้

ทั้งสองคนประคองพาเธอไปนั่งที่โซฟาเรียบร้อยแล้วก็ออกไป หมอประจำบ้านเป็นหญิงสาวใจดีวัยกลางคนไม่รีบตรวจดูเท้าของเธอ แต่ส่งเสื้อผ้าสะอาดให้เธอชุดหนึ่ง

“เสื้อผ้าชุดใหม่ค่ะ เปลี่ยนก่อนเถอะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด”

ฉินซีประหลาดใจที่ได้รับน้ำใจ ยกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวชุดก็แห้ง”

คุณหมอประจำบ้านยังคงยืนยัน “เปลี่ยนก่อนจะดีกว่าค่ะ”

ฉินซีมองรอบๆ เห็นโซฟาด้านหลังตัวเองเป็นหนังแท้ คิดดูแล้วเธอคงจะกลัวว่าเสื้อผ้าเปียกชื้นของตัวเองจะทำให้หนังแท้เสียหาย จึงได้แต่ตอบรับ

เรื่องราวต่อจากนั้นก็เป็นไปตามขั้นตอนปกติ

คุณหมอฉีดพ่นยาให้เธอ บีบนวดครู่หนึ่ง ตรงที่เคล็ดก็ดีขึ้นมาก อย่างน้อย ฉินซีก็รู้สึกว่าตัวเองเดินกะโผลกกะเผลกได้เองไม่ต้องให้คนอื่นประคอง เธอกล่าวขอบคุณคุณหมอ ด้านข้างก็มีคนรับใช้เข้ามา ส่งเสื้อผ้าที่เธอเพิ่งเปลี่ยนให้

เสื้อผ้าซักสะอาดอบแห้งแล้ว

ฉินซีไม่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดก็ตอนที่คนรับใช้เชิญให้เธออยู่กินอาหารมื้อค่ำนั่นเอง

“คือว่า ฉันเห็นว่าฝนซาลงมากแล้วจะรบกวนพวกคุณ ส่งฉันกลับบ้านได้ไหมคะ” ฉินซีจับมือคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง

คนรับใช้จึงได้แต่พยักหน้ารับคำ

ตั้งแต่เช้า ฉินซีไปหาฉินซึ่งเทียนที่บ้านตระกูลฉินจนถึงตอนนี้มืดค่ำขนาดนี้แล้ว เธอไม่อยู่กับแม่ทั้งวัน ตอนนี้จิตใจของแม่ฉินไม่ค่อยปกติ แม้ว่าที่โรงพยาบาลจะมีคนดูแลแม่ แต่ฉินซีก็ยังรู้สึกไม่วางใจนัก

คนรับใช้ท่าทางอ่อนโยน แต่การปฏิเสธไม่อ้อมค้อมสักนิด “คุณผู้ชายให้คุณไปรับอาหารก่อน แล้วค่อยไปส่งคุณค่ะ”

ฉินซีรู้สึกอึดอัด “งั้นนายของคุณอยู่ที่ไหน ฉันขอคุยกับเขาได้ไหมคะ”

คนรับใช้คนนั้นท่าทางลำบากใจเดินออกไป แล้วกลับมาพยักหน้า “คุณผู้ชายบอกว่า ให้คุณไปพบที่ห้องหนังสือได้ ฉันจะนำคุณไปค่ะ”

ฉินซีเดินกะโผลกกะเผลก ตามคนรับใช้ขึ้นไปชั้นบน

เธอเดินช้าๆ คนรับใช้ก็ไม่รีบร้อน เดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดรอเธอ

ทันใดนั้นฉินซีก็ตั้งคำถามหนึ่งขึ้น “นายของคุณชื่อ…อะไรคะ”

คนรับใช้ดูเหมือนจะแปลกใจที่ถูกสั่งให้ต้องนอบน้อมกับคนที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อเจ้าของบ้าน เธอคิดนิดหนึ่ง รู้สึกว่าในเมื่อคนก็เข้ามาในรีสอร์ทชิงหยวนแล้ว บอกไปก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

“คุณผู้ชายชื่อลู่เซิ่นค่ะ” เธอตอบเสียงเบา

ฉินซีตะลึง

ถึงแม้เธอจะไม่ได้ทำธุรกิจ แต่ก็ไม่ถึงกับไม่รู้ชื่อคนใหญ่คนโตในแวดวงธุรกิจ

คุณชายตระกูลลู่ ทายาทโดยชอบธรรมของบริษัทลู่ซื่อ

มิน่าถึงได้ซื้อบ้านหลังนี้ได้ง่ายดาย และยังตกแต่งสวยงามขนาดนี้

เมื่อคิดเช่นนี้ ขายบ้านเก่าให้เขาก็ไม่เสียหาย ดีกว่าปล่อยให้ทรุดโทรมในมือคนแบบฉินซึ่งเทียน

เธอเดินคิดเรื่อยเปื่อย ในที่สุดทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าห้องหนังสือ

ที่หน้าห้องหนังสือ คนรับใช้เคาะประตูอย่างระมัดระวัง ปล่อยให้ฉินซีเข้าไป แล้วปิดประตู

ฉินซีมองชายหนุ่มที่นั่งหลังโต๊ะหนังสือสบตากับเขาพอดี

ภายใต้แสงสว่างในห้องหนังสือ ตอนนี้มองเห็นใบหน้าที่เห็นไม่ชัดเมื่อครู่ได้ชัดเจนขึ้น

ฉินซีประหลาดใจไม่น้อย

เธอยอมรับว่าเคยเห็นผู้ชายหน้าตาดีมาก็มาก แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าหล่อจนถึงขั้นที่เธอต้องอุทานด้วยความชื่นชม

จมูกโด่งเป็นสัน โครงหน้าคมเข้ม ดวงตาล้ำลึกคู่นั้นเมื่อส่งสายตามา ทำให้คนอยากจะก้มหน้าหลบพลังจากเขาโดยไม่รู้ว่าเพราะอะไร

นี่คือเหตุผลที่ฉินซีก้มหน้างุดไม่สบตาเขา

แต่เธอยังไม่ทันอธิบายความตั้งใจของตัวเองที่อยากจะกลับบ้านลู่เซิ่นก็ชิงพูดขึ้นก่อน “คุณ…รู้ได้ยังไงครับว่ามีทางเล็กตรงนั้น”

ฉินซีเหมือนถูกราดน้ำเย็นทั้งหัว รู้สึกตัวขึ้นมาในทันใด

ตั้งแต่เห็นลู่เซิ่นจนถึงตอนนี้ แม้ว่าเขาจะมีบุคลิกติดตัวที่ทำให้รู้สึกกดดัน แต่กับฉินซีเรียกได้ว่าเป็นมิตร และไม่ได้ถูกถามชื่อแซ่ เธอจึงแทบจะลืม ตัวเองถูกพบที่ไหน

เวลานี้โกหกไปก็กลัวว่าจะทำให้เกิดปัญหาฉินซีจึงได้แต่พูดไปตามความจริง “ฉันชื่อฉินซีค่ะ ที่นี่เดิมเป็นบ้านเก่าของฉัน ฉัน…ผ่านมาก็เลยอยากจะมาดูทางเดินเล็กเมื่อก่อนนี้ยังอยู่หรือเปล่า”

เพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้พูดโกหก เธอเงยหน้ามองลู่เซิ่น“บ้านนี้คุณซื้อจากพ่อฉัน คุณไปถามเขาได้ ฉันไม่ได้โกหกค่ะ”

ลู่เซิ่นกลับไม่สงสัยสถานะของเธอแม้แต่น้อย เพียงแต่จ้องมองเธอ ถามคำถามที่ฉินซีคิดว่าไม่มีความหมายอะไร “เมื่อก่อนคุณใช้ทางนั้นบ่อยๆ หรือครับ”

ฉินซีสงสัยทำไมเขาสนใจกับคำถามนี้ แต่ก็พยักหน้ารับ

“ผมเข้าใจละ” ลู่เซิ่นดูเหมือนแค่สนใจก็เลยถามไม่ได้พูดอะไรต่อไป แต่สายตาหยุดที่ ฉินซีตลอด “คนรับใช้บอกว่าคุณอยากคุยกับผม มีเรื่องอะไรหรือครับ”

สายตาของเขาดูเหมือนจะสำรวจเธอ ฉินซีรู้สึกว่าความคิดของเธอถูกมองทะลุปรุโปร่งแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท