Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 844

ตอนที่ 844

บทที่ 844 ยิ่งปิดยิ่งไม่มิด

วันรุ่งขึ้นตอนที่ฉินซีตื่นขึ้นมา ในห้องไร้เงาของลู่เซิ่นแล้ว

ฉินซีถอนหายใจ

เมื่อวานหลังจากสารภาพความจริงกับเขาแล้ว วันนี้เธอไม่รู้จริงๆจะมองหน้าลู่เซิ่นอย่างไร

ดีที่เธอเคยชินกับความเจ็บปวดของร่างกายแล้ว หลังจากลงไปกินข้าวเช้า แล้วรีบไปหาอานหยันเพื่อขอคำปลอบใจ

นึกไม่ถึงว่าอานหยันฟังเรื่องที่เธอเล่าจนจบแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นสงสัยแทน

“หมายความว่า ตอนที่เธอพูดว่าจะแต่งงานลู่เซิ่นแม้แต่ทำไมก็ไม่ถามสักคำ เขาก็ตอบตกลงเธอง่ายๆ งั้นหรือ”

ฉินซีเห็นสีหน้าของเธอยิ้มหยอกเย้าก็ทุบเธอทีหนึ่ง “แล้วยังไงล่ะ! ทีแรกฉันคิดว่าเขาต้องการแต่งงานเพื่อเป็นข้ออ้างอะไรสักอย่าง พวกเราต่างใช้อีกฝ่าย ทุกคนได้ประโยชน์ แต่ช่วงนี้ ฉันไม่เห็นว่าเขาจะมีทีท่าบอกคนในครอบครัว”

“ทำไมล่ะ เธอรีบอยากเจอพ่อผัวแม่ผัวหรือ” อานหยันล้อเธอ ก็เลยถูกฉินซีกลอกตาใส่

“ขอร้องล่ะ ถ้าเขาไม่ต้องการผลประโยชน์จากฉัน แล้วทำไมยอมแต่งงานกับฉัน ดีลที่ไม่ได้กำไรอะไร ทำแล้วยังรู้สึกผิดอีก” ฉินซีเบะปาก

อานหยันนิ่งกว่าเธอมาก ตบบ่าของเธอ “เธอรู้ได้ยังไงเขาไม่ใช้เธอ! ในตระกูลคนรวยขนาดนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เธออาจจะเป็นข้ออ้างให้เขาแล้วโดยไม่รู้ตัวก็ได้ แต่จะว่าไปแล้ว…พวกเธอสองคนแต่งงานกันนานเท่าไหร่แล้วนะ”

ฉินซีคิดนิดหนึ่ง ตอบอย่างไม่แน่ใจนัก “ครึ่งเดือนได้มั้ง”

อานหยันประหลาดใจ “เธอเพิ่งแต่งงานก็รีบไปแลกหุ้นแล้วหรือ เธอรู้มั้ยสถานะ คุณนายลู่ ทำเรื่องอะไรต่ออะไรได้ตั้งมากมายขนาดไหนไม่ใช้ประโยชน์ให้คุ้มก่อนค่อยไปสารภาพล่ะ”

ฉินซีสีหน้าอึ้งไป “ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ”

อานหยันถอนหายใจยาว “โอ๊ย… คุณลู่เป็นว่าที่สามีในฝันฮอตที่สุดในเมือง อยู่ในกำมือเธอทำไมเหมือนหมากที่ไม่สลักสำคัญอะไร”

ฉินซีหัวเราะกับคำเปรียบเปรยของเธอ “ที่ไหนกัน! เธอไม่รู้อะไรเขาอารมณ์ร้ายแค่ไหน หมากที่ไหนอารมณ์ร้ายขนาดนี้”

ทันใดนั้น อานหยันหรี่ตามองคอของฉินซี“นี่คือวิธีที่เธอง้อเขาใช่มั้ย”

ฉินซีมองตามสายตาของเธอ แม้ตัวเองจะมองไม่เห็นแต่ก็พอจะเดาได้…

คงจะเป็นเพราะก่อนออกจากบ้านเธอไม่ได้ปิดบังรอยจูบดีพอ

เธอดึงคอเสื้อมาปิดเก้อเขิน หูแดงเรื่อพูดแย้งเสียงแผ่วเบา “ไม่ใช่ซะหน่อย”

ท่าทางของเธอบ่งบอกชัดเจน “ยิ่งปิดยิ่งไม่มิด” อานหยันก็ไม่ได้ซักไซ้เธอให้เล่าต่อ ทั้งสองคนคุยเรื่องสัพเพเหระไม่เท่าไหร่ก็วกกลับมาคุยกันเรื่องเดิม

“เมื่อคืนเธอสารภาพแล้ว เขาไม่มีทีท่าจะโกรธจัด แค่…” สายตาของอานหยันหยุดอย่างมีความหมายลึกซึ้งที่คอของฉินซี

ฉินซีไม่ปิดบังอะไรอีก พยักหน้า แสดงความรู้สึกสงสัย “อึม ตอนแรกฉันคิดว่าเขาคงโกรธแน่ เตรียมจะพูดอะไรดีเพื่อเอาใจเขารออีกหลายวันหน่อยค่อยหย่า สุดท้ายเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย”

อานหยันมองฉินซีครุ่นคิด

คนนอกมองทุกอย่างชัดเจน

อานหยันในฐานะคนนอก ในใจพอจะคาดเดาได้รางๆ

อันที่จริงอีกฝ่ายคือลู่เซิ่นการคาดเดาอย่างนี้เธอไม่มีหลักฐานอะไร

แต่ความรู้สึกของเธอมันบอกอย่างนั้น

……

ทนายความจ้าวทำงานได้ดีมาก บ่ายวันนั้นก็ติดประกาศที่กระดานประกาศการเปลี่ยนแปลงหุ้นแล้ว

การประกาศทำโดยตรงในตลาดเปิด ทุกคนในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปย่อมต้องเห็นแน่นอน

หลี่เหวยเคาะประตูเข้ามาในห้องหนังสือ ฉินซึ่งเทียนกำลังคุยโทรศัพท์ สีหน้าย่ำแย่

“อะไรนะ ในเมื่อหุ้นนั่นผมเป็นผู้จัดการมรดก ทำไมขั้นตอนการรับมรดกไม่ผ่านผมอนุมัติ”

ระบบกันเสียงของโทรศัพท์เขาไม่ดีนัก ในห้องหนังสือที่เงียบสนิท หลี่เหวยได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายชัดเจน

“ตอนนั้นที่ต้องมีผู้จัดการมรดกก็เพราะฉินซีไม่มีคุณสมบัติรับมรดกหุ้นถึงต้องตกไปอยู่ในมือคุณอัตโนมัติ ตอนนี้เธอมีคุณสมบัติทายาทแล้ว จึงทำเรื่องรับมรดกได้ทันทีไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนของคุณครับ”

ฉินซึ่งเทียนโกรธจนหายใจหอบ ปิดโทรศัพท์ทิ้ง ยังรู้สึกว่าระบายอารมณ์โทโสไม่พอ เพียงสะบัดมือ โทรศัพท์ก็ถูกโยนลงพื้น

หลี่เหวยคิดดูแล้ว เดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา วางลงบนโต๊ะ เดินไปหยุดข้าง ฉินซึ่งเทียนปลอบเสียงอ่อนโยน “อย่าโมโหเลยค่ะ เดี๋ยวโกรธจนเสียสุขภาพจะไม่ดีนะคะ”

ฉินซึ่งเทียนโมโห “ถ้าผมรู้ว่าใครบอกเงื่อนไขการรับโอนหุ้นให้ฉินซีรู้ล่ะก็ ผมไม่เอามันไว้แน่!”

หลี่เหวยลูบไหล่ปลอบใจเขา “ในเมื่อยกให้เธอไม่ช้าเร็วเธอก็ต้องได้ไปอยู่ดี”

ฉินซึ่งเทียนมองเธอ ยื่นมือไปกุมมือเธอ “ผมผิดเอง ผมอยากจะเก็บหุ้นนี้ไว้ให้คุณสองคนแม่ลูก ผมเองที่ไม่ได้เรื่อง”

หลี่เหวยรีบพูด “คุณพูดอะไรอย่างนั้นคะ แค่ฉันได้อยู่กับคุณก็พอแล้ว ทรัพย์สมบัติหุ้นอะไรพวกนั้นก็แค่ของนอกกายจะสำคัญไปกว่าคุณได้ยังไง อย่าพูดอะไรโง่ๆ อย่างนี้อีกนะคะ”

ฉินซึ่งเทียนนิ่งไป โอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด “ยังดีที่ผมมีคุณ…”

ในมุมที่เขามองไม่เห็นสีหน้าของหลี่เหวยเปลี่ยนไป

ทุกสิ่งทุกอย่าง ต้องเป็นของฉันทั้งหมด!

ฉินซีแกคอยดู!

……

คนที่เห็นประกาศไม่ใช่มีแค่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ยังมีลู่เซิ่นอีกคน

ถ้าจะพูดให้ถูกก็ไม่เรียกว่าเขาเห็นเอง แต่เป็นผู้ช่วยของเขาต่างหากที่เป็นคนเห็นประกาศก่อน

เมื่อคืนเขามีความสุขมาก เช้าวันนี้อารมณ์ขณะที่มาถึงบริษัทลู่ซื่อนุ่มนวลกว่าปกติ ผู้จัดการแผนกน้อยครั้งจะได้เห็นเขาอารมณ์ดีขนาดนี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอมพลาดโอกาสน้อยนิด รีบฉวยโอกาสนี้เข้ามารายงาน

ห้องทำงานซีอีโอที่ปกติแล้วเย็นชากลายเป็นคึกคักขึ้นมาในพริบตา

ลู่เซิ่นไม่อารมณ์เสียหงุดหงิดแต่อย่างใด คำพูดเย็นชาเหมือนทุกทีก็แทบไม่มี แต่แน่นอนว่า ข้อบกพร่องที่ควรจะมองหาก็ขาดไม่ได้

หลินหยัง แทรกกลางผู้จัดการหลายคนที่มารายงานเพื่อเข้ามา เขาส่งแทปเล็ตในมือให้บุ้ยใบ้ให้ผู้จัดการพวกนั้นออกไปก่อน

ที่จริงถ้าจะพูดถึงตำแหน่งของหลินหยังก็ไม่ได้สูงกว่าผู้จัดการพวกนั้นตรงไหน แต่เขาเป็นคนที่ติดตามลู่เซิ่นมาหลายปี พวกผู้จัดการต่างมองหน้ากัน ทยอยเดินออกไปจากห้อง

ขณะที่ผู้จัดการกำลังรายงานอยู่ข้างในหลินหยัง อ่านประกาศตลาดหุ้นของวันนี้ตามปกติ เขาคาดไม่ถึงจะเห็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับลู่เซิ่น

ประกาศการโอนหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป…

ทีแรกเขาเพียงแต่คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับฉินซีตัวเองควรจะอ่านสักหน่อย คิดไม่ถึงเมื่อกวาดตาอ่านดูจะเห็นข้อความ “เมื่อเร็วๆ นี้ ฉินซีแต่งงานแล้ว ตามพินัยกรรม ฉินซีมีคุณสมบัติตรงตามการรับมรดก ระยะเวลาประกาศครบถ้วนขั้นตอนการโอนหุ้นจะแล้วเสร็จโดยอัตโนมัติ”

??

หลินหยังมีเครื่องหมายคำถามเต็มหัว

ถ้าเขาจำไม่ผิดล่ะก็ ฉินซีกับลู่เซิ่นเพิ่งแต่งงานกันไม่กี่วันนี้เองไม่ใช่หรือ

รีบร้อนที่จะรับมรดกมากขนาดนี้ ยากที่จะไม่ทำให้คิดมาก…

ที่จริงลู่เซิ่นสั่งหลินหยัง ตอนที่เขาเตรียมจะแต่งงานกับฉินซีทีแรกหลินหยัง ตั้งใจจะตรวจสอบฉินซีแต่กลับถูกลู่เซิ่นห้ามไว้

การตรวจสอบอย่างนี้ใช่ว่ามีเจตนาไม่ดีแต่อย่างใดเป็นสิ่งที่ทำกันเป็นปกติ

แต่นึกไม่ถึงว่าลู่เซิ่นจะปฏิเสธ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท