Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 848

ตอนที่ 848

บทที่ 848 กินเผือกอิ่มแล้ว

ฉินซีไม่รู้ว่าภายในจิตใจของฉินซึ่งเทียนสับสนมาก เธอครุ่นคิด รอบข้างไม่มีคนนั่ง เธอจึงนั่งโดดเด่นตรงแถวแรกที่ว่างเปล่า

ตอนนี้ทุกความเคลื่อนไหวของเธอเป็นจุดเด่นภายใต้แสงสปอตไลท์มองเห็นเธอลุกขึ้นไปนั่งแถวหน้า ทุกคนมองหน้ากัน สายตามีความหมายสับสน

ทุกคนในที่นั้นต่างมีลับลมคมใน เลขากระแอม แล้วเปิดไมโครโฟน “ขอต้อนรับทุกท่าน ดิฉันขอเริ่มการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นครั้งนี้ เราเริ่มหัวข้อแรกกันก่อน…”

ฉินซีกวาดตามองแถวที่นั่งประธานปราดหนึ่งก็ยกมือขึ้น “ขอโทษค่ะขอขัดจังหวะหน่อย”

เธอนั่งแถวแรก มองเห็นความเคลื่อนไหวของเธอได้ชัด เลขาจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นก็ไม่ได้ จึงหันไปมองขอความเห็นจากฉินซึ่งเทียน

ฉินซึ่งเทียนทำมือ แสดงว่าให้ฉินซีพูดได้ เลขาจึงสอบถาม “คุณฉิน มีเรื่องอะไรคะ”

ฉินซีชี้ไปที่หลี่เหวยที่นั่งบนเวที “ถ้าฉันจำไม่ผิด ที่นี่เป็นการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นไม่ใช่หรือคะ คนที่ไม่มีสักหุ้นเข้าร่วมได้หรือคะ”

“เอ่อ…” เลขาเหงื่อผุดเต็มหน้าผากไม่รู้ว่าควรจะพูดต่ออย่างไรดี

หลี่เหวยที่นั่งอยู่บนเวทีประธานการประชุมทำหน้าไม่ถูก

ที่จริงฉินซีไม่ได้มีเจตนาสร้างความยุ่งยากในเวลานี้ เพียงแต่เมื่อครู่ที่ห้องรับรอง ตอนที่ฉินซึ่งเทียนเข้าห้องมานั้น เธอไม่ทันสังเกตเห็นหลี่เหวยที่มากับเขาแม้แต่น้อย แต่เมื่อเพิ่งเข้ามาในห้องประชุมนี้ ตอนแรกเธอนั่งด้านหลังไม่ได้สังเกตคนที่นั่งบนเวทีมีใครบ้าง ตอนนี้เพิ่งจะเห็นหลี่เหวยถึงได้พูดขึ้นก็เท่านั้น

เลขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะพูดอย่างไรต่อดี ถ้าจะพูดว่าที่ฉินซีทักท้วงนั้นไม่ถูกต้อง ระเบียบการประชุมก็กำหนดเช่นนี้จริงๆ หรือจะพูดว่าฉินซีพูดถูกแล้ว หรือว่าจะให้เธอไล่หลี่เหวยออกไปอย่างนั้นหรือ

ให้ความกล้าเธอมาอีกร้อยเท่าก็ไม่กล้า

พนักงานทุกระดับในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปรู้ดี นับแต่คุณนายหญิงฉินคนนี้เข้าบริษัทหนึ่งปีมานี้ แน่นอนว่าเป็นคนโปรดของฉินซึ่งเทียนการประชุมใหญ่เล็กของบริษัท ฉินซึ่งเทียนพาเธอเข้าร่วมด้วยทุกครั้ง

ก่อนหน้านี้เคยมีคนถามหาเหตุผล แต่ต่อมาก็เคยชินขึ้นเรื่อยๆ

คนที่ตั้งคำถาม คือคนเก่าแก่ของบริษัทที่ทำงานมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ของฉินซี

เขาทุ่มเททำงานกับคุณปู่มาตลอดชีวิต มีตำแหน่งระดับสูงในบริษัท จึงมีสิทธิ์ออกความเห็นไม่น้อย

การประชุมใหญ่บริษัทครั้งนั้นหลี่เหวยติดตามฉินซึ่งเทียนเข้าประชุมเช่นเคย ทั้งสองคนขึ้นเวทีแล้ว แต่ถูกคนเก่าแก่ขวางไว้

“ประธานฉิน” น้ำเสียงของเขาเหมาะสมไม่เย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวเกินไป “นี่เป็นการประชุมภายในบริษัทไม่ใช่งานเลี้ยงประจำปี คุณพาญาติมาร่วมประชุมด้วยไม่เหมาะกระมังครับ”

ฉินซึ่งเทียนกวาดตามองคนเก่าแก่ปราดหนึ่ง ปัดแขนเขาออก “คุณไปได้ยินมาตอนไหน หลี่เหวยเป็นแค่ญาติอย่างนั้นหรือ”

คืนวันนั้นนั่นเอง ตำแหน่งเดิมของคนเก่าแก่ถูกยกเลิก เขาถูกส่งไปทำงานในบริษัทที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง

ส่วนตำแหน่งเดิมของเขา แน่นอนว่ายกให้หลี่เหวย

“ต่อจากนี้ผมไม่อยากได้ยินว่ามีคนสงสัยในตัวเธออีก หลี่เหวยคือภรรยาของผม และเป็นพนักงานคนสำคัญของบริษัท ขอให้ทุกคนจำไว้ให้ดี”

ภายหลังที่ฉินซีได้ยินเรื่องนี้ รู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอาเจียน

ละครที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ขนาดนี้ ถ้าหากเป็นพระนาง เธอคงซาบซึ้ง

น่าเสียดาย ที่จำเพาะเจาะจงเป็นฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวย

……

เมื่อดูในขณะนั้น ทุกคนในบริษัทเคยชินแล้ว แต่ผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ใกล้ชิดเหตุการณ์ไม่รู้เรื่อง มีแต่เธอที่รู้ และยังกล้าชี้ตัวหลี่เหวย

หลังจากนั้นทุกคนมองไปที่ฉินซึ่งเทียนแล้วมองฉินซีจากนั้นก็มองหลี่เหวยบางคนก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสาม และยังมีบางคนที่กระซิบ “หลี่เหวยคนนี้ถือเป็นแม่เลี้ยงของฉินซีแต่บางคนก็บอกว่าฉินซีไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของฉินซึ่งเทียนเฮ้อ เรื่องวุ่นวายนี่…”

น้ำเสียงแทบจะรังเกียจ แต่สายตาของคนที่พูดซุบซิบกลับเป็นประกายมาก

ด้านล่างเวทีมีแต่เสียงซุบซิบนินทาฉินซึ่งเทียนที่นั่งบนเวทีประธานโกรธจนถลึงตาหน้าดำหน้าแดง เขาบีบมือ หลี่เหวยแน่นเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องกังวล ตัวเองเปิดไมโครโฟนพูด “หลี่เหวยเป็นพนักงานที่มีความสำคัญในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป คณะกรรมการบริหารอนุมัติให้เธอเข้าร่วมประชุมได้”

ฉินซึ่งเทียนพูดเช่นนี้ไม่เรียกว่าโกหกถึงอย่างไรคณะกรรมการบริหารอยู่ในกำมือของเขา เขาพูดอย่างไรคณะกรรมการก็ต้องทำตามอยู่แล้ว

หลี่เหวยเพียงแต่ก้มหน้า แสดงท่าทางอ่อนแอ

ฉินซีเห็นลักษณะท่าทางของเธอก็รู้สึกว่าขัดตา แต่ก็ขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อยกับเธอ “ในเมื่อท่านพูดเช่นนั้นก็ตามนั้นค่ะ”

ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ที่ เธอเรียก “ท่าน”ไม่ใช่ “คณะกรรมการ”เป็นการประกาศกลายๆ หรือไม่ว่าฉินซึ่งเทียน ควบคุมคณะกรรมการ

ผู้คนในที่นั้นต่างส่งสายตามองกันเพิ่มนัยว่าจะได้ดูละครเรื่องเด็ด

การประชุมยังไม่ทันเริ่มก็กินเผือกอิ่มแล้ว

เลขากระแอมพูดขึ้นอีกครั้ง “ค่ะ อย่างนั้นเราเริ่มวาระการประชุมเลยค่ะ ข้อแรก…”

การประชุมครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อเรื่องของฉินซีโดยเฉพาะ ดังนั้น ในตอนแรกยังเป็นรายละเอียดยาวเหยียด อภิปรายเรื่องต่างๆ

ก่อนหน้านี้ฉินซีไม่เคยทำงานที่บริษัทไม่ค่อยเข้าใจธุรกิจของบริษัทนัก จึงไม่ได้แสดงความเห็นอะไร เพียงก้มหน้าตั้งใจฟังคนอื่น

แต่การแสดงออกที่เรียบเฉยของเธอ ในสายตาของคนอื่นตีความไม่เหมือนกัน

บางคนรู้สึกว่ายั่วยุ บางคนก็รู้สึกว่าไม่แยแส สายตาคนในที่ประชุมมองไปมา ไฟของการซุบซิบนินทาลุกโชน อยากจะเร่งความเร็วเต็มแก่ รีบไปถึงหัวข้อที่พวกเขาสนใจมากที่สุด

ดูเหมือนจะไม่อยากให้พวกเขาสมหวัง เพราะวาระการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นถูกจัดอยู่ในลำดับสุดท้าย เรื่องที่ทุกคนรอคอยมาตลอดช่วงเช้า ในที่สุดก็ได้ฟังรายละเอียดที่พวกเขารอคอยมานานเสียที

“ขณะนี้เราจะเข้าสู่หัวข้อสุดท้าย เกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทค่ะ”

เมื่อเลขาพูดประโยคนี้ สายตาผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีก็เป็นประกาย

ฉินซีรู้สึกว่าสายตารายรอบที่ประเมินเธอเริ่มปิดไม่มิด

ฉินซึ่งเทียนเปิดไมโครโฟน “เรื่องการรับมรดกหุ้นของฉินซีหลังจากรวบรวมความเห็นแล้ว ทุกคนมีคำถามหลักๆ สามข้อ ข้อแรก ขั้นตอนการแต่งงานของฉินซีเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ข้อสอง ตรงตามข้อกำหนดการรับหุ้นแล้วหรือไม่ และข้อสามขั้นตอนการรับมรดกจะปฏิบัติอย่างไร เราจะตอบคำถามทั้งหมดกันทีละข้อครับ”

ฉินซึ่งเทียนหยุดพูด หันไปมองฉินซี“คำถามแรก ผมคิดว่าให้ฉินซีเป็นคนตอบเองจะดีกว่า”

ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้ม ทำไมฉินซีจะดูไม่ออกว่าเขาไม่ได้มีเจตนาดีที่ถามคำถามพวกนี้ แต่เธอไม่เกรงกลัว รับไมโครโฟนที่ส่งมาให้“ทุกท่านคะ ดิฉันรู้ว่าวันนี้ทุกคนประหลาดใจเรื่องที่ฉันรับโอนหุ้น เช่นนั้นให้ดิฉันเป็นคนอธิบายก็สมควรแล้วค่ะ ข้อแรก ดิฉันแต่งงานแล้วจริง รายละเอียดการแต่งงานเป็นเรื่องส่วนตัวไม่มีข้อกำหนดต้องประกาศ ถ้าหากทุกท่านมีข้อสงสัย ดิฉันสามารถแสดงเอกสารทางการที่มีผลทางกฎหมายค่ะ”

แต่แรกฉินซึ่งเทียนอยากจะให้เธอตอบแค่คำถามแรก ประการแรกอยากจะทำให้เธอลำบากใจ และอีกประการคือบีบให้เธอพูดว่าแต่งงานกับใคร แต่คิดไม่ถึงว่าเธอเตรียมตัวมาดี ทำให้เขาไม่สามารถเค้นความจริงได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท