Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 850

ตอนที่ 850

บทที่ 850 แกกล้าดียังไง

ฉินซึ่งเทียนมีอำนาจครอบงำพูดคำไหนคำนั้นภายในบริษัทมาตลอด แต่วันนี้จำนวนผู้ถือหุ้นรายเล็กรายกลางมากันจำนวนมาก พวกเขาไม่สนใจว่าฉินซึ่งเทียนมีอำนาจแค่ไหน เมื่อเจอเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่ ความเชื่อถือฉินซึ่งเทียนในใจพวกเขาหดหายไปมาก จึงไม่สนใจคำพูดของเขาอีก

คนหนึ่งในพวกเขาถาม ฉินซี“คุณฉิน คุณไม่มีประสบการณ์ทำงานจริง ถ้าเข้ามาเป็นคณะกรรมการยากที่จะตัดสินใจได้เหมาะสม”

คนที่ตั้งคำถามจริงจัง น้ำเสียงเป็นมิตร ดูแล้วไม่มีเจตนากวนน้ำให้ขุ่น ฉินซีก็ตอบคำถามอย่างอดทนน้ำเสียงนุ่มนวล “ดิฉันไม่มีประสบการณ์บริหารบริษัทก็จริงค่ะ แต่ก็คุ้นเคยไม่น้อย แถมมีประสบการณ์บ้าง ดิฉันเรียนจบที่คณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยSถือว่าได้ฝึกฝนทักษะความรู้มาบ้าง”

มหาวิทยาลัยS คือมหาวิทยาลัยระดับท็อปของประเทศ มีศิษย์เก่าที่เก่งก็มาก ชื่อเสียงขจรขจาย

“มหาวิทยาลัยS” ทุกคนประหลาดใจ พากันรุมซักถามเซ็งแซ่

“คณะบริหารธุรกิจเอกอะไร”

“จบปีไหน”

“เรียนกับอาจารย์ที่ปรึกษาคนไหนไม่แน่เราอาจเรียนสาขาเดียวกัน!”

ทางด้าน ฉินซีทุกคนเข้ามาสอบถามเธอคึกคัก เมื่อเทียบกันแล้ว ทางด้านฉินซึ่งเทียนไม่มีคนซักถามอะไร เห็นได้ว่าบรรยากาศกร่อยไปทีเดียว

ฉินซียิ้มเยือกเย็นในใจ

เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยSได้เอง เธอสมัครเรียนวิชาเอกสื่อสารมวชนที่ตัวเองอยากเรียนมานาน แต่ ฉินซึ่งเทียนไม่อยากให้เธอเรียนวิชาเอกนี้มาตลอด ทั้งสองคนจึงทะเลาะกันนับครั้งไม่ถ้วน

จะว่าไป ในตอนแรกก็ต้องขอบคุณ อยากให้เธอแต่งงานดองญาติกับเศรษฐีอย่างมาก บังคับให้เธอเรียนปริญญาสองใบของคณะบริหารธุรกิจ หวังว่าเธอจะได้รู้จักกับพวกทายาทเศรษฐกิจที่คณะ ไต่เต้าให้สูงขึ้น

ถ้าหากรู้ว่าจะมีวันนี้ เขาคงจะเสียใจแทบบ้า

หลังจากพูดคุยกันเรื่องมหาวิทยาลัยแล้ว ระยะห่างระหว่างฉินซีกับทุกคนก็หายไปมาก เรื่องที่เธอจะเข้าเป็นคณะกรรมการก็เห็นได้ว่าไม่เป็นเรื่องเกิดคาดขนาดนั้นแล้ว

เลขาสั่นด้วยความกลัวมองสีหน้าของฉินซึ่งเทียนแล้วพูดผ่านไมโครโฟน “ขอให้ทุกคนเงียบก่อนค่ะ วาระการประชุมวันนี้ไม่มีหัวข้อคณะกรรมการครบวาระ เรื่องคุณฉินซีเข้าเป็นคณะกรรมการ ยังต้องกำหนดวันอีกครั้ง…”

เธอยังพูดไม่ทันจบก็ถูกหุ้นส่วนที่เพิ่งทำความรู้จักกับฉินซีว่ามีอาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวกันพูดขัดขึ้น “เราไม่จำเป็นต้องเลือกคณะกรรมการใหม่อีกครั้งครับ เพียงแต่ฉินซึ่งเทียนถือหุ้นในส่วนของฉินซีมานาน ตอนนี้หุ้นกลับมาอยู่ในมือของฉินซีแล้วไม่ต้องใช้สิทธิ์ออกเสียงแทนอีกต่อไป ต้องเพิ่มตำแหน่งในคณะกรรมการให้ฉินซีกลับเข้าไปก็แค่นั้น”

เขาไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท หุ้นเล็กน้อยที่มีในมือวางอยู่ตรงไหนก็มองไม่เห็นคาดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามาประชุม ทุกคนในที่ประชุมจึงไม่คุ้นหน้าเขา

แต่ด้วยเหตุผลข้อนี้ ทำให้เขาไม่เกรงกลัวฉินซึ่งเทียนและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่สีหน้าหม่นหมองพูดจบยังหันไปมองพวกผู้ถือหุ้นข้างน้อยที่อยู่รอบตัว “พวกคุณคิดว่ายังไงครับ”

คนเท้าเปล่าไม่กลัวสวมรองเท้า วันนี้พวกผู้ถือหุ้นข้างน้อยขัดใจผู้บริหารระดับสูง ออกจากห้องไปขายหุ้นก็แค่นั้น จึงไม่กลัวคนในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเช่นกัน และยิ่งได้พูดคุยกับฉินซีเมื่อครู่ก็รู้สึกว่าเธอเป็นสาวน้อยที่มีความกล้าหาญ

บางคนก็รู้สึกถึงมิตรภาพของเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยด้วย

พวกเขาทุกคนจึงตอบรับพร้อมกัน พากันกล่าว “จริงด้วย แต่เดิมตำแหน่งนี้เป็นของฉินซีแค่คืนให้เธอเท่านั้น มีตรงไหนไม่ถูก”

เลขาทนแรงกดดันไม่ไหว หันไปมองฉินซึ่งเทียนขอให้ช่วยเหลือ สีหน้าฉินซึ่งเทียนโกรธจนหน้าแดง ขณะที่อยากจะพูดบางอย่างก็ถูกคนในคณะกรรมการกำกับดูแลขัดขึ้นก่อน “พวกคุณพูดก็ถูกต้องจริงๆ ฉินซีควรจะต้องได้ส่วนที่เป็นของเธอคืน”

ฉินซึ่งเทียนหันไปมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ปกติแล้วคนในคณะกรรมการกำกับดูแลคนนี้ไม่ค่อยออกความเห็นฉินซึ่งเทียนประชุมมานานขนาดนี้ แทบไม่ค่อยเห็นเขาพูดอะไร ต่างคนต่างอยู่ไม่มีปัญหาอะไรกันมานานปี คาดไม่ถึงจะเป็นคนทำให้เขาตกที่นั่งลำบากในเวลานี้

การพูดครั้งนี้ก็คือระเบิดลูกใหญ่

แต่โชคร้ายที่ ตำแหน่งของคนนี้สูงมากฉินซึ่งเทียนนึกไม่ออกว่าจะใช้วิธีอะไรปิดปากเขา ได้แต่จ้องมองเขาพูดจนจบ หลังจากนั้นผู้ถือหุ้นต่างพากันขานรับ

เลขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้แต่ส่งไมโครโฟนให้ฉินซึ่งเทียนมองคนด้านล่างเวทีที่กระตือรือร้น แม้ว่าปกติแล้วเขาไม่เคยเห็นพวกผู้ถือหุ้นรายเล็กอยู่ในสายตา แต่เขารู้ดีถึงหลักการคนล้มกระทืบซ้ำ ถ้าหากตอนนี้ตัวเองยังยืนกรานไม่ให้ฉินซีเข้าเป็นคณะกรรมการ หลังจากเรื่องวันนี้แพร่ออกไป เกรงว่าความน่าเชื่อถือของเขาคงแทบไม่เหลือสักเท่าไรแล้ว

เขากัดฟันกรอด แทบจะพูดลอดไรฟัน “ผม…ไม่มีความเห็นเรื่องฉินซีจะเข้าเป็นคณะกรรมการ”

ฉินซีหันไปมองหลี่เหวยและฉินซึ่งเทียนปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากของเธอ

“ขอบคุณค่ะพ่อ” เสียงของเธอเบามาก

เพียงแต่“พ่อ” คำนี้พูดเบามากและน้ำเสียงขัดหูฉินซึ่งเทียนได้ยินแล้วรู้สึกว่าเป็นคำพูดเยาะเย้ย สีหน้าของเขายิ่งบอกบุญไม่รับ

สีหน้าหลี่เหวยที่อยู่ข้างเขายิ่งแย่กว่า

เธอจ้องฉินซีตาเขม็ง แทบจะรักษาภาพลักษณ์นางพญาของตัวเองไม่อยู่

ฉินซีมาคนเดียวไม่มีใครในบริษัทเกรงกลัวเธอ แต่เธอเผยแพร่เรื่องการรับหุ้นต่อสาธารณะก่อนหนึ่งวัน ดึงดูดให้กลุ่มผู้ถือหุ้นข้างน้อยมากันคึกคัก และยังใช้วิธีการต่างๆ ทำให้ตัวเองได้ทุกอย่าง

ใจดำอำมหิตมาก!

หลี่เหวยไม่รู้สึกสักนิดว่าคำพูดนี้น่าขันเช่นไรเมื่อเธอใช้กับคนอื่น ในหัวมัวแต่คิดแผนการณ์ใหม่อยู่ตลอด

จะต้องมีวิธีสิ…ต้องมีวิธีทำให้ฉินซีเหมือนแม่ของเธอ หายไปตลอดกาลโดยไม่เหลืออะไรเลย!

เมื่อเลขาได้ยินฉินซึ่งเทียนพูดเช่นนั้นก็เหมือนได้รับอภัยโทษรีบร้อนจับไมโครโฟนพูด “เอาล่ะค่ะ วาระสุดท้ายของคณะกรรมการบริหารครั้งนี้เสร็จสิ้นแล้ว ขอต้อนรับคุณฉินซี เข้าสู่คณะกรรมการบริหาร! การประชุมครั้งนี้ก็เสร็จสิ้นแล้วเช่นกัน ขอเชิญผู้ถือหุ้นทุกท่านแยกย้ายกันได้ค่ะ…”

ฉินซีลุกขึ้นพร้อมกับคนอื่นเตรียมตัวกลับ แต่ผู้ช่วยของฉินซึ่งเทียนเข้ามาขวางเธอไว้

“ประธานฉินมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณค่ะ” ผู้ช่วยกระซิบ

ฉินซีรู้ว่าฉินซึ่งเทียนชอบวางแผนแยบคายไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่อันตรายต่อความปลอดภัยของเธอ จึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย เดินตามผู้ช่วยไป

ฉินซึ่งเทียนกับหลี่เหวยรอในห้องรับรองเล็กติดกับห้องประชุม พอฉินซีผลักประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงด่าทอโดยไม่ให้ทันตั้งตัว

“ฉินซีฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็กไม่เคยรู้ว่าตัวเองเลี้ยงงูพิษ!”

ฉินซึ่งเทียนโกรธจนหน้าแดงก่ำหลี่เหวยคอยลูบหลังปลอบใจเขาอยู่ข้างๆ

ฉากนี้พูดง่ายๆ ว่าไม่อยากเห็นยิ้มเย็น “ฉันก็แค่อยากได้ของที่แม่ให้คืนก็เท่านั้น ถ้าคุณไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่เห็นต้องตื่นเต้นขนาดนี้”

“แก!” ฉินซึ่งเทียนเดือดดาล “แกกล้าดียังไง!”

“ฉันเป็นลูกสาวของคุณไม่ได้กล้าดีอะไร” ฉินซีแสยะยิ้มเย็น “ก็แค่ตอนนี้ฉันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง และเป็นกรรมการบริษัท…ก็เท่านั้น”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท