Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 869

ตอนที่ 869

บทที่ 869 ตกที่นั่งลําบาก

ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะมองไม่เห็นว่าในห้องนี้มีคนอยู่สองคน เธอเดินตรงจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่เซิ่น เงยหน้าขึ้นพลางยิ้มให้เขา “พี่ลู่ จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ ฉันสูหวั่นไง”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วพลางคิดไปชั่วขณะ เหมือนว่าเขาจะจำไม่ได้จริงๆ

ฉินซีที่ถูกทิ้งอยู่ที่ด้านหนึ่ง มองเด็กผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้า

ใบหน้าของสูหวั่นเล็กมากและดูจิ้มลิ้ม ไม่เชิงว่าสายมาก แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความมีเสน่ห์ของเธอ

แต่ความรู้สึกที่ดูเหมือนเป็นมิตรของเธอก็ไม่อาจจะทำให้ฉินซีหายขมวดคิ้วได้

เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก

แต่ฉินซีเป็นคนนอก จึงไม่สามารถถามลู่เซิ่นได้โดยตรง เธอจึงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วส่งข้อความหาลู่เซิ่น

“พ่อแม่ของนายรู้ไหมว่านายจะพาฉันมาที่นี่”

ดูเหมือนลู่เซิ่นที่อยู่ตรงนั้นจะจำไม่ได้ทั้งยังไม่คิดจะทบทวนต่อ เขาพยักหน้าให้สูหวั่นอย่างขอไปที “สวัสดี”

สูหวั่นดีใจมากเมื่อเธอได้รับการตอบกลับจากลู่เซิ่น เธอเริ่มชวนคุยซอกแซก “พี่ลู่ พวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ ฉันกำลังจะเรียนจบจากประเทศ M หลังจากนั้นเราอาจจะได้…….”

สูหวั่นพูดยังไม่ทันจบ ลู่เซิ่นที่ดูเหมือนไม่อยากจะฟังเธอพูดตั้งแต่ประโยคแรกอยู่แล้ว ในที่สุดก็ทนไม่ไหวพลางยกมือขึ้น ”ฉันมีธุระต้องทำ”

สูหวั่นเห็นว่าเขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเหมือนกำลังว่าทำธุระอยู่ จึงรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้เพื่อไม่ให้รบกวนเขา เธอมองรอบๆก่อนจะไปสะดุดตาเข้ากับฉินซี

ดูเหมือนสูหวั่นเพิ่งสังเกตว่าในห้องอาหารมีฉินซีอยู่ด้วย เธอส่งยิ้มให้ฉินซี ”สวัสดีค่ะ คุณเป็นผู้ช่วยของพี่ลู่เหรอคะ?”

เธอไร้เดียงสาและไม่มีพิษภัย รอยยิ้มเธอเรียกก็ได้ว่าเป็นมิตร ดูเหมือนว่าสูหวั่นจะไม่รู้จริงๆว่าเธอเป็นใคร ฉินซีไม่รู้เจตนาของอีกฝ่าย ไม่มีสีหน้าเย็นชา เพียงแค่หันไปส่ายหน้าให้กับอีกฝ่าย ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากตอบ จู่ๆลู่เซิ่นก็พูดแทรกขึ้น

“เธอคือภรรยาของฉันเอง”

พอพูดจบ ลู่เซิ่นเก็บโทรศัพท์ลงไปพลางเดินมายืนข้างๆฉินซีและจับมือเธออีกครั้ง “ฉันไม่มีเวลามาแนะนำหรอกนะ ไปกันเถอะฉินซี”

สูหวั่น ไม่คิดว่าลู่เซิ่นจะเป็นคนตรงไปตรงมาอย่างนี้ ชั่วพริบตารอยยิ้มที่เป็นมิตรของสูหวั่นกลับกลายเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่เต็มใจนัก แต่เธอยังคงรักษารอยยิ้มนั้นไว้พลางก้มหัวของเธอไปทางฉินซี “ขอโทษคะ ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็น…”

ฉินซีส่งเสียงฮึดฮัดในใจ

ไม่เอาน่า!อุบายเด็กๆแบบนี้คิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอหมายความว่าอะไร

คำพูดประชดแบบนี้ หมายความว่าเธอไม่คู่ควรกับลู่เซิ่นสินะ

วิธียั่วยุของสูหวั่นดูเหมือนว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป ฉินซีเองก็ขี้เกียจเกินว่าที่จะโกรธเคืองเธอ

ดูเหมือนสูหวั่นจะไม่รู้ตัวเลยว่าประโยคที่เธอพูดออกไปนั้นจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของเธอเอง เมื่อเธอเห็นว่าลู่เซิ่นจัดการกับธุระเสร็จแล้ว เธอก็พยายามที่จะคุยกับลู่เซิ่นต่อ “พี่ลู่!ได้ยินมาว่าช่วงนี้พี่ยุ่งมาก…”

ฉินซีไม่ได้ตั้งใจฟังคำพูดของสูหวั่น เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าลู่เซิ่นหันมาชี้โทรศัพท์ของตัวเอง เธอจึงหมุนตัวไปปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์

มันคือข้อความตอบกลับของลู่เซิ่น

“มันเป็นคำสั่งของแม่ฉันที่อยากให้พาเธอมาที่นี่”

ฉินซีเข้าใจได้ทันที

ถ้าฉินซีไม่เข้าใจเจตนาของสูหวั่นแล้วละก็ นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่โง่มาก

แต่เธอวนเวียนอยู่กับมารยาร้อยเล่มเกวียนของหลี่เหวยมาเป็นเวลานาน ถ้ากลัวมารยาเด็กๆของสูหวั่นแล้วล่ะก็ บอกใครไปคงถูกหัวเราะเยาะแน่นอน

เมื่อเธอปรับอารมณ์ให้สีหน้ากลับมามีรอยยิ้ม ประตูห้องอาหารก็เปิดออกอีกครั้ง

คราวนี้คนที่เดินเข้า ในที่สุดก็คือพ่อแม่ของลู่เซิ่น ลู่เหวยกับสูหยิง

ชุดสูท รองเท้าหนังและทรงผมของลู่เหวยดูพิถีพิถัน ถึงแม้ว่าอายุจากมากแล้ว แต่ยังคงรูปร่างและดูแข็งแรงอยู่ เขาอยู่ในตำแหน่งระดับสูงมาหลายปีแต่สีหน้าของเขาไม่แสดงถึงการชอบดูถูกคนเหมือนอย่างที่ฉินซึ่งเทียนเป็นเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม เมื่อเขาเห็นฉินซี ลู่เหวยก็มีท่าทางที่อ่อนโยนกับเธอมาก

ก่อนหน้านี้ฉินซีเคยเห็นลู่เหวยแต่ในข่าวและนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นลู่เหวยตัวเป็นๆด้วยตาของตัวเอง

บางทีนี้อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาระหว่างกัน ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉินซีได้พบกับลู่เหวยแต่เธอก็รู้สึกได้ทันทีว่าลู่เหวยนั้นเป็นคนจิตใจดี

มันเหมือนกับความรู้สึกที่ทนายความจ้าวคอยปกป้องเธอมาตลอด

แต่ส่วนสูหยิงที่คล้องแขนลู่เหวยอยู่นั้นกลับแตกต่างออกไป

ก่อนหน้านี้ ฉินซีเคยอ่านข่าวที่เกี่ยวกับตระกูลลู่ในนิตยสารมาก่อน โดยในข่าวมักเขียนว่า ลู่เหวยและสูหยิงนั้น เป็นคู่สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานานแล้วหลายปี โดยทั้งคู่บอกว่าพวกเขาเคารพซึ่งกันและทะเลาะกันน้อยมาก

จากรายงานดังกล่าวมันอาจจะไม่เป็นความจริง แต่ทั้งคู่นั้นก็สามารถอยู่ด้วยกันมาเป็นระยะเวลานานหลายปี นั้นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของพวกเขาทั้งสองคน

มักจะมีข่าวซุบซิบว่าการแต่งงานของทั้งคู่เกิดจาก “การเสียสละ” ของลู่เหวย

ธุรกิจของตระกูลลู่เกิดจากน้ำมันปิโตรเลียม แต่เนื่องจากเป็นธุรกิจด้านพลังงานจึงย่อมต้องมีจุดสิ้นสุด เมื่อการผลิตปิโตรเลียมของบ่อน้ำมันของตระกูลลู่เริ่มลดลงเรื่อยๆ บริษัทของตระลู่จึงพลอยตกที่นั่งลําบากตามไปด้วย

ซึ่งก็เป็นช่วงที่สูหยิงแต่งงานเข้ามาในตระกูลลู่พอดี

ตระกูลสูประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่มีแรงสนับสนุนเป็นเงินทุนขนาดเล็ก ดังนั้นจึงไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย แต่การแต่งงานกับตระกูลลู่ที่ตกต่ำในเวลานั้นก็นับว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน

ใครต่อใครก็มองออกว่าการแต่งงานของสองตระกูลส่งผลให้ตระกูลลู่เข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลสูก็จะได้รับเงินทุนสนับสนุนจากบ่อน้ำมันของตระกูลลู่อีกด้วย จากเส้นสายที่คอยหนุนหลังตระกูลสูจะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลลู่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและกลายมาเป็นเสาหลักของอุตสาหกรรมในที่สุด

เรียกได้ว่า หากไม่มีการแต่งงานของสูหยิงและ ลู่เหวยครอบครัวลู่อาจไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

เป็นไปได้ว่า ถึงแม้ สูหยิงจะไม่ได้ถือหุ้นของตระกูลลู่ แต่เธอก็ยังคงดำรงตำแหน่งระดับสูงในบริษัท บางคนถึงกับพูดติดตลกว่า “เมียคุมเข้ม” “กลัวเมีย” ความแข็งแกร่งของสูหยิงได้เป็นที่ประจักษ์ต่อตระกูลลู่

ผู้หญิงที่แข็งแกร่งเฉกเช่นนี้ กำลังเดินตรงไปหาฉินซี

ในหลายปีมานี้สูหยิง ได้ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่มั่งคั่ง เนื่องจากเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของตระกูลลู่โดยตรง เลยทำให้เธอยังคงดูอ่อนเยาว์

สูหยิงสวมชุดสูทของชาแนล รวบผมไว้หลังศีรษะ แต่งหน้าสวยอย่างประณีต ที่คอของเธอสวมใส่สร้อยเพชรระยิบระยับ เล็บที่นิ้วมือทั้งสิบถูกทาด้วยสีแดง ประกอบกับท่าทางที่เธอเดินเฉิดหน้าขึ้นเล็กน้อย นี่ทำให้ผู้คนรู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่มีฐานะธรรมดาๆ

“คุณพ่อ คุณแม่ ” น้ำเสียงของลู่เซิ่นดูราบเรียบและสม่ำเสมอ

ฉินซีเรียกตาม “คุณพ่อ คุณแม่”

ลู่เหวยพยักหน้าตอบกลับทั้งสองคน แต่สูหยิงกลับหยุดนิ่งสายตาจ้องมองมือของลู่เซิ่นและฉินซีที่จับกันอยู่ จากนั้นสูหยิงก็เดินจากไปโดยไม่เหลียวมองราวกับว่าเธอไม่ได้ยินเสียงอะไร

สูหวั่นเงยหน้าขึ้นแล้วโบกมือให้ทั้งสองคน “คุณลุง คุณป้า!”

คราวนี้เป็นลู่เหวยที่สีหน้านิ่งเฉย แต่ส่วนสูหยิงยิ้มทักทาย ”ว่าไง เสี่ยวหวั่น”

ฉินซีลอบถอนหายใจ ตัวเองรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง

การคาดเดาของตัวเธอเอง กลับกลายเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว

……

คฤหาสน์ตระกูลฉิน

หลี่เหวยสั่งให้คนรับใช้ดูแลฉินหว่าน ส่วนตัวเธอนั้นจะขึ้นไปหาฉินซึ่งเทียนที่อยู่ด้านบน เธอเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าประตูห้องทำงานของฉินซึ่งเทียน แล้วจึงเคาะประตู

“เข้ามาได้” เสียงของฉินซึ่งเทียนดูแหบแห้งเล็กน้อย

หลี่เหวยผลักประตูเข้าไปพลางขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงสูบบุหรี่มากขนาดนี้ล่ะคะ”

ในห้องทำงานเต็มไปด้วยควัน ในมือของฉินซึ่งเทียนถือซิการ์ที่กำลังไหม้อยู่

ฉินซึ่งเทียนยังคงไม่สนใจหลี่เหวย พลางยกมือขึ้นสูบซิการ์อีกรอบ

หลี่เหวยถอนหายใจและเดินไปเปิดหน้าต่างขึ้น “ฉินซีน่าจะได้เห็นว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง”

ฉินซึ่งเทียนพ่นควันออกมา แต่กลับไม่พูดอะไร

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท