Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 890

ตอนที่ 890

บทที่ 890 ไว้เคลียร์กันทีหลัง

ฉินซีกับอานหยันหันหน้าไปพร้อมกัน สิ่งที่เห็นก็คือหซู่เป่ยที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม

แววตาของอานหยันลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย มองระหว่างฉินซีกับหซู่เป่ย ฉินซีดูนิ่งกว่าเธอเยอะ โบกมือเป็นสัญญาณว่าสบายใจได้ เงยหน้าขึ้นมองหซู่เป่ย พยักหน้าตอบ “แน่นอนค่ะ”

หซู่เป่ยผายมืออย่างสุภาพ ฉินซีลุกขึ้น จะเดินตามเขาไป

อานหยันก็รีบจับมุมเสื้อของเธอ พูดเสียงต่ำว่า “ไม่ใช่ว่าหซู่เป่ยจะเคลียร์กับเธอหรอกนะ?”

ฉินซีตบมือเธอเพื่อเป็นการปลอบโยนเบาๆ “หซู่เป่ยเป็นถึงบุคคลสาธารณะเลยนะ”

แน่นอนว่า ฉินซีก็ไม่ได้นิ่งเหมือนที่เธอแสดงออก ไม่งั้นก็คงไม่จับกล้องที่อยู่ในมือ แล้วเดินตามออกไป

……

รอบข้างของสตูดิโอกว้างมาก เงยหน้าก็สามารถเห็นท้องฟ้า ในระยะไกลเป็นสถานที่ก่อสร้างหลายแห่ง บริเวณใกล้เคียงมีกำแพงคอนกรีต

ใบหน้าของหซู่เป่ยยังคงเผยรอยยิ้มชิลล์ๆไว้ “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ห้องข้างในไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ คงต้องรบกวนคุณออกมาข้างนอกกับผม คุณโอเคไหมที่ผมสูบ?”

ฉินซีโบกมือ “ตามสบายเลยค่ะ”

หซู่เป่ยเอียงคอจุดบุหรี่

“นายรู้ว่าเป็นฉัน”ฉินซีเริ่มสนทนาก่อน “ทำไมถึงยังตกลงให้ฉันถ่าย?”

หซู่เป่ยพ้นบุหรี่ออกมาคำหนึ่ง หันมามองเธอ “แต่สุดท้ายเรื่องนั้น ได้จัดการเรียบร้อย ก็เป็นคุณ ไม่ใช่เหรอ?”

ฉินซีก้ำกึ่งทันที

หซู่เป่ยยิ้มและพูดว่า “อย่าเข้าใจผิด นี่คือผู้จัดการบอกผม ไม่เกี่ยวกับพี่ชายของผม ผมได้รับโทรศัพท์แบล็กเมล์ เลยโทรหาเขาอย่างรีบร้อน เขาก็บอกผมว่าเขาจะแก้ปัญหานี้ จากนั้นก็ไม่มีข่าวอะไรเลย ผมกลัวว่าเขาจะแก้ไม่กับผู้จัดการ เขาไปตรวจสอบกล้องวงจร ผมก็ดูออกว่าเป็นคุณ”

“นายรู้จักฉัน?”ฉินซีสงสัย

ใบหน้าหซู่เป่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณคิดว่าตอนนี้พี่ชายผมคบกับคุณ จะอดไว้ไม่พูด? เขาตั้งรูปคุณเป็นภาพหน้าจอล็อค จะให้ผมไม่เห็นยังยาก”

ฉินซีเหมือนจะพูด แต่ก็ไม่รู้จะตอบอะไร

หซู่เป่ยไม่สนใจเธอ พูดต่อว่า “จากนั้นสิ่งต่างๆก็สงบลงจริงๆ ผู้จัดการของผมถือว่ามีวิธีการบางอย่าง ตรวจสอบได้ว่าคนที่แก้ปัญหาเป็นคนของบริษัทลู่ซื่อ แต่บริษัทลู่ซื่อไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับผม ยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับพี่ชายของผมที่ทำงานในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป สามารถให้บริษัทลู่ซื่อแก้ปัญหาได้ ก็คงมีแค่คุณแน่นอน”

ฉินซีมองหซู่เป่ย “นายฉลาดมาก”

หซู่เป่ยยักไหล่ “แต่ผมไม่ชอบใช้สมอง ไม่งั้นก็คงไม่มาถ่ายละครเช้าแบบนี้ ไม่ยอมไปเรียน”

ฉินซีมองดูหซู่เป่ย เขาไม่แคร์สายตาของฉินซีอยู่แล้ว ดูดบุหรี่ไปอีกคำหนึ่ง

แค่สนทนากันไม่กี่ประโยค ฉินซีก็รู้สึกได้ว่า แตกต่างจากหซู่หนานที่คอยระมัดระวังตัว คำพูดของหซู่เป่ยตรงไปตรงมา แม้ว่าบางครั้งทำให้คนรู้สึกว่าไม่สามารถตอบกลับสนทนาได้ แต่ก็รู้สึกผ่อนคลายเสมอเมื่อสนทนา

รอบข้างของฉินซีไม่เพียงไม่กี่คนที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย ดังนั้นจึงยิ่งรู้สึกแปลก

หซู่เป่ยสูบบุหรี่ทั้งม้วนให้หมด หันมามองฉินซี น้ำเสียงจริงจังขึ้นเยอะ “ไม่ว่ายังไง ผมต้องขอบคุณคุณ”

ฉินซีส่ายหัว “เรื่องพวกนั้นเกิดขึ้นเพราะฉัน ให้ฉันได้จัดการ ก็ถูกต้องตามหลักอยู่แล้ว”

หซู่เป่ยยิ้ม “แต่คุณจัดการแบบนี้ ยังทำให้ผมได้รับความรู้สึกดีๆมากมาย รวมๆแล้ว เป็นฉันได้มีแฟนคลับเพิ่มมากมาย”

การแสดงออกของเขาสงบมาก ทำให้ฉินซีหัวเราะออกมา

“นี่คือทั้งหมดที่ผมจะพูด เสียเวลาของคุณมากละ ไปกันเถอะ เดี๋ยวผู้จัดการของผมหาผมไม่เจอ จะหาเรื่องผมอีกละ” หซู่เป่ยi ขยี้ก้นบุหรี่ ลุกขึ้นจะเดินเข้าไปข้างใน

ฉินซีอาจจะยังคงอยู่ในสถานะของการเป็นช่างภาพ การกระทำแบบนี้ของหซู่เป่ยทำให้เกิดองค์ประกอบหลายอย่างในสายตาของเธอขึ้นมา

หซู่เป่ยมีหน้าตาดึงดูดคน ท่าทางที่ขยี้ก้นบุหรี่ให้ความรู้สึกดูหมิ่น แต่ฉากหลังดันว่างเปล่า ให้ความรู้สึกเงียบเหงา

จิตวิญญาณการถ่ายภาพของฉินซีเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหว เลยโพล่งออกมาว่า “ฉันขอถ่ายรูปนายสักสองสามรูปได้ไหม?”

คำขอของฉินซีค่อนข้างทำให้คนอื่นรู้สึกไม่คาดคิด หซู่เป่ยก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจบนใบหน้า “ตอนนี้?”

ฉินซีไม่สนใจอะไรในตอนนี้ พยักหน้าตอบ “ตอนนี้เลย ท่าที่นายขยี้ก้นบุหรี่นั้นก็พอ”

หซู่เป่ยไม่ได้พูดอะไรมาก ทำท่าทางตามที่บอก หลังจากรอให้ฉินซีเต็มที่ ค่อยพูดขึ้นมาว่า “คุณรู้ไหมว่าการถ่ายภาพหมู่ของผม ต้องจ่ายเท่าไหร่?”

ฉินซีตะลึง

เธอลืมไปว่า หซู่เป่ยเป็นดารา!

เธอรู้สึกผิดและจะลบมัน แต่พอดูผลลัพธ์ในกล้อง ก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา

ก็จริงที่ฉินซีไม่ค่อยถ่ายภาพบุคคล แต่ไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอไม่สนใจ ในทางกลับกัน เมื่อก่อนอานหยันเคยให้เธอลอง แต่ว่านางแบบที่ถ่ายออกมาแล้วตรงตามที่ความต้องการของเธอนั้นน้อยมาก จากนั้นเธอถึงค่อยๆยอมแพ้

แต่ภาพถ่ายในมือของเธอเองชุดนี้ ก็สอดคล้องกับสุนทรียภาพของเธออย่างสมบูรณ์ เธอรู้สึกเสียดาย……

เมื่อหซู่เป่ยเห็นใบหน้าที่ลังเลของเธอ อดที่จะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ “โอเค! ถือว่าคุณช่วยผม ค่าตอบแทนมิตรภาพครั้งนี้ ฟรีละกัน”

ฉินซีไม่ชอบติดหนี้บุญคุณของคนอื่น ขมวดคิ้วเล็กน้อย “จริงเหรอ? หรือฉันเข้าไปถามราคากับผู้จัดการนายดี……”

หซู่เป่ยโบกมือ “คุณกลับไปเถอะ อย่าลืมนะ เขารู้ว่าคนที่ถ่ายภาพผมละทำให้ผมถูกแบล็กเมล์เป็นใคร เมื่อกี้เขาอยู่ไกลเห็นคุณไม่ชัด ถ้าสัมผัสกับเขาอีกรอบ ผมว่าเขาคงจะจำได้ ว่าคุณเป็นนักข่าวที่ลักๆลอบๆในกล้องวงจรนั้นแน่”

ฉินซีทำอะไรไม่ถูก “งั้น……นายลองไปถามดูว่าต้องจ่ายเท่าไหร่?”

“ภาพพวกนี้สำคัญขนาดนั้น?” หซู่เป่ยแกล้งเธอ

แต่พอพูดถึงเรื่องถ่ายภาพ ฉินซีทำหน้าจริงจัง “ฉันไม่ค่อยเจอนางแบบที่ตรงตามกับความรู้สึกของฉัน”

หซู่เป่ยถูกเธอมองจนหัวเราะออกมา ก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์ ยื่นไปหาเธอ “ถูกชะตากับคุณแบบนี้ มาเพิ่มวีแชทกันหน่อยเถอะ”

“ฮะ?”ฉินซีลังเลไปสักพัก

หซู่เป่ย “จึ” ไปเสียงหนึ่ง “ถ้าไม่ใช่เห็นว่าคุณสวย ผมก็ไม่เพิ่มวีแชทง่ายๆหรอก”

ท่าทีของฉินซีดูระแวงขึ้น “ฉันแต่งงานแล้ว!”

หซู่เป่ยมองสีหน้าระแวงของเธอ ยิ้มออกมาทันที “รู้แล้ว! แม้ว่าจะมาข่าวอื้อฉาวของผมมากมาย แต่รสนิยมของผมกับพี่ชายผมแตกต่างกัน ไม่ได้สนใจคุณในด้านแบบนั้น”

เขายิ้มอย่างเปิดเผย ฉินซีก็ไม่ใช้ใจอันแคบไปตัดสินคนอื่น อีกอย่างหซู่เป่ยถือว่าเป็นนายแบบที่เหมาะสมที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา ดังนั้นฉินซีจึงเอาโทรศัพท์ออกมาเพิ่มวีแชทของเขา

หซู่เป่ยผ่านการยืนยันของเธอ ฉินซีได้ตั้งชื่อให้เขา พูดอย่างสบายๆขึ้นมา “ถ้าคราวหลังให้นายมาถ่ายภาพ ก็คิดตามราคาปกติของนายเลยนะ ไม่งั้นฉันไม่สบายใจแน่ๆ”

หซู่เป่ยตบที่ไหล่เธอ “ได้เลย! โอกาสที่ได้ถ่ายรูปให้ผมฟรีก็มีแค่ครั้งนี้แหละ คุณรักษาดีๆละกัน”

ฉินซีว่าจะพูดอะไรสักหน่อย สักพักก็ได้ยินเสียงของผู้จัดการเฉินลอยมา “หซู่เป่ย?นายอยู่ที่นี่ไหม?”

หซู่เป่ยตอบเสียงดัง “ทางนี้ครับ”

ผู้จัดการรีบมาอย่างหอบ บ่นต่อหน้าเขา “นายสูบบุหรี่ทำไมสูบนานแบบนี้ นาย—

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท