บทที่ 901 ต้องได้รับผลกรรม
คุณหญิงฉินยังไม่ได้พูดอะไร แต่ฉินซีก็เหมือนจะได้ยินเสียงฟ้าร้องในรูหู ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ
“จับชู้เหรอ”
เธอพึมพำซ้ำแล้วซ้ำอีก ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองแม่ของตัวเอง
เหยาหมิ่นเงียบ ยืนอยู่กลางสายฝน เฝ้า มองฉินซึ่งเทียนอย่างสงบนิ่ง
จริงๆแล้วฉินซีอยู่ห่างไกลจากเธอมาก แต่เธอรู้สึกว่า เธอเห็นความอัปยศอดสูและความอับอายจากใบหน้าของแม่เธอ
“คุณพ่อ” เธออดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนและเดินไปหาฉินซึ่งเทียน “คุณพ่อเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าคะ”
“ความเข้าใจผิดเหรอ” สีหน้าของฉินซึ่งเทียนแย่มาก เขาหันไปขัดจังหวะคำพูดของฉินซี “ถ้าคุณได้รับข่าวแล้วไปที่โรงแรมเคาะประตู และพบว่าภรรยาของตัวเองกำลังสนุกอยู่กับผู้ชายคนอื่นบนเตียง คุณยังจะพูดได้ว่ามันเป็นความเข้าใจผิดอยู่ไหม”
ฉินซีหน้าซีดเมื่อได้ยินเขาพูดตรงๆ แล้วหันไปมองแม่เธอ
แต่แม่ของเธอไม่ได้มองเธอ เธอยังจ้องมองฉินซึ่งเทียนด้วยสายตาที่สงบ
“คุณแม่ … ” เสียงของเธอสั่นเบาๆ” จริงเหรอคะ แม่บอกมาสิคะ คุณแม่”
ฉินซึ่งเทียนเย้ยหยัน “คุณยังหวังว่าเธอจะแก้ตัวเหรอ ฉันได้เห็นกับตาแล้ว ยังจะต้องถามว่ามันเป็นความจริงหรือเปล่าเหรอ”
ฉินซีไม่ได้ฟังเขาพูดต่อ เธอเดินฝ่าสายฝนเข้าไปหาแม่ของเธอ เอื้อมมือไปที่เสื้อของเธอ น้ำเสียงเธอแทบจะขอร้องว่า “คุณแม่ …แม่พูดอะไรหน่อยสิ… ”
ในที่สุดเหยาหมิ่นดูเหมือนจะฟื้นคืนสติมา ค่อยๆหันหัวมองดูเธอ “เสี่ยวซี ลูกกลับไปเถอะนะ ข้างนอกฝนตกหนัก”
ฉินซีอึ้ง
ฉินซึ่งเทียนเย้ยหยัน “ป่านนี้แล้วยังจะสร้างภาพอีก ฉินซี มานี่”
ฉินซีไม่ขยับตัวเลย
เธอรู้สึกว่าเรื่องไม่เหมือนที่ฉินซึ่งเทียนพูดแน่ แต่แม่ของเธอไม่ได้เปิดปากอธิบาย เธอก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าความจริงคืออะไร
เธอมีแต่จับแขนเสื้อของเหยาหมิ่นต่ออย่างหมดหวังและขอร้องว่า “คุณแม่ ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ … ”
เหยาหมิ่นไม่พูด แต่ฉินซึ่งเทียนกล่าวว่า “ลูกอยากรู้ความจริงมากเหรอ ได้เลย ฉินซี พ่อจะบอกให้”
เขาก้าวออกไปข้างนอกอีกก้าว เข้าใกล้ฉินซีและเหยาหมิ่นที่อยู่กลางฝนมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ก้าวเข้าไปในสายฝน
“พ่อมีเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในวงการโรงแรม เราพอมีมิตรภาพกันอยู่บ้าง เขาเคยเจอแม่ของลูกหลายครั้งที่
งานเลี้ยง
ก่อนหน้าพ่อเคยช่วยเหลือเขา เพราะฉะนั้นถือว่าเขาติดบุญคุณพ่ออยู่ วันก่อนเขาโทรมาบอกพ่อว่า เขาเห็น
แม่ของลูกในโรงแรม”
ฉินซึ่งเทียนมองเหยาหมิ่น และมองฉินซีกล่าวต่อว่า “ฉันไม่เชื่อว่า ผู้หญิงอย่างเธอ ถ้าไม่มีอะไรจะไปโรงแรมทำไมล่ะ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยไม่ได้สนใจ แต่วันนี้เขาโทรมาหาฉันอีกและพูดว่า เห็นเธอขึ้นลิฟต์แล้ว
พอดีฉันอยู่แถวๆนี้ พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็สงสัยเบาๆขึ้นมา ก็เลยไปดูสักหน่อย เพื่อไม่ให้มีความสงสัย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉินซึ่งเทียนจึงเย้ยหยัน “แต่ความจริงละ แม่ของแกให้เซอร์ไพรส์กับฉันใหญ่มาก ต่อหน้า
เพื่อนๆ ฉันเชื่อใจเธอมาก และให้เพื่อนใช้คีย์การ์ดเปิดประตูโดยตรง เพราะฉันเชื่อว่าเธอจะไม่ทำอะไรเจ็บใจฉันแน่นอน แต่เมื่อเปิดประตู แม่ของแก กำลังสนุกกับคนอื่นอยู่”
เมื่อเขาพูดจบ เหยาหมิ่นที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้นมาทันที “ฉันไม่ได้ทำ”
เสียงของเธอเบามาก ฉินซีได้ยินไม่ชัด เลยขมวดคิ้วและหันไปมองเธอ “คุณแม่”
ฉินซึ่งเทียนดูเหมือนจะรู้ว่าเธอจะพูดอะไร จับมือและหัวเราะ “เธอทำให้ฉันต้องเสียหน้าต่อหน้าเพื่อน ฉัน
กระแทกประตูและเดินออกไป เธอใส่เสื้อและรีบตามออกมา ตอนนี้ยังเถียงว่าเธอไม่ได้ทำอะไร ฉันเข้า
ใจผิดเอง ฉันเข้าใจผิดอะไรเหรอ ฉันเข้าใจผิดตาของฉันเหรอ”
สายตาของฉินซีตกอยู่บนใบหน้าของเหยาหมิ่นตลอด
เมื่อฉินซึ่งเทียนเริ่มเยาะเย้ยเธอ ใบหน้าของเหยาหมิ่นมีความเจ็บปวดเบาๆ
เธอเชื่อแม่ของตัวเอง ว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด แต่คำพูดของฉินซึ่งเทียนก็ดูมีเหตุมีผล
ฉินซีไม่รู้ว่าจะเชื่อใครได้ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉินซึ่งเทียนพูดเป็นความจริงหรือเปล่า แค่รู้สึกว่าสมองของเธอจะ
ระเบิดแล้ว
พ่อบ้านสงสารเธอ เอื้อมมือไปดึงเธอเข้าบ้าน แต่ฉินซีผลักมือของเขาออกเบาๆ
น้ำฝนที่เย็นๆ คงสามารถทำให้เธอมีสติขึ้นมั้ง
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ตอนนี้เธอก็รู้สึกสงบลงบ้างแล้ว มองฉินซึ่งเทียน “คุณพ่อ ไม่ว่าคุณแม่จะเคยทำ
อะไรไว้ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริงก็ตาม พ่อก็ไม่ควรปล่อยให้แม่ยืนตากฝนอยู่แบบนี้ และก็ไม่ควรจะโยน
สิ่งของทั้งหมดของคุณแม่ออกมาด้วยค่ะ”
ฉินซึ่งเทียนมองเธอ กำลังจะพูดอะไร แต่ได้ยินเหยาหมิ่นพูดว่า
“ฉินซึ่งเทียน ทำสิ่งเลวร้ายมากเกินไป ต้องได้รับผลกรรมแน่”
สมองของฉินซีเต็มไปด้วยความสงสัย หันหัวไปมองฉินซึ่งเทียน
เห็นว่าใบหน้าของฉินซึ่งเทียนมีความโกรธเบาๆ
ความสงสัยของฉินซียิ่งมากขึ้น
“เรื่องที่ฉันเสียใจที่สุด ก็คือพลาดแต่งงานกับคุณ”
เหยาหมิ่นพูดอย่างเสียงดัง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจคำพูดของฉินซึ่งเทียนในเมื่อกี้ และหันตัวออกไปจากตระกูลฉินเลย
ฉินซีมองหลังของเหยาหมิ่นที่จากไป และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณพ่อ ที่คุณแม่พูดหมายความว่าอะไรเหรอ”
ฉินซึ่งเทียนพูดอย่างเย็นชาว่า “ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงบ้าบอคนนี้พูดอะไรล่ะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่ได้มองฉินซีอีก หันหลังเดินเข้าบ้านเลย
คนรับใช้เห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็เลยแยกย้ายกันไป พ่อบ้านได้โอกาสสักที เขาดึงฉินซีเข้ามาในบ้าน หยิบผ้าเช็ดตัวเช็ดผมให้เธออย่างระมัดระวัง และพึมพำว่า “คุณหนูคุยเรื่องก็คุยไป ทำไมต้องตากฝนด้วยล่ะ คุณเป็นหวัดเพิ่งหาย เดี๋ยวไม่สบายอีกจะทำยังไงล่ะ เด็กๆ ไปเตรียมน้ำให้เรียบร้อย และให้คุณหนูไปอาบน้ำร้อน”
ฉินซีไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขาเลย ยังไงเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
เธอก็เลยดึงผ้าเช็ดตัวเบาๆ หันหัวไปถามพ่อบ้านว่า “ตกลงเกิดอะไรขึ้นคะ”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ด้วย พ่อบ้านจึงกระซิบข้างหูเธอว่า “ตอนที่ข้าวกลางวัน ฉันกำลังเตรียมอาหารอยู่ ก็ได้ยินเสียงจากข้างนอก พอฉันออกไปดู ก็เห็นว่าท่านประธานฉินลากคุณผู้หญิงเข้ามา ท่านเดินไปพูดไป บอกว่าคุณผู้หญิงนอกใจท่าน ตอนแรกคุณผู้หญิงยังแก้ตัวบ้าง แต่พอท่านหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปภาพ และบอกว่าจะปล่อยรูปออกไป คุณผู้หญิงก็หยุดพูดเลยทันที ท่านสั่งให้คนรับใช้เก็บสิ่งของทั้งหมดของคุณผู้หญิง คุณผู้หญิงก็ยืนอยู่ข้างนอกโดยไม่พูดสักคำเลย ตอนหลังๆก็ฝนตกขึ้นมา ฉันอยากจะดึงเธอเข้ามา แต่คุณผู้หญิงไม่ขยับตัวเลย นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย… ”
ฉินซีฟังแล้วค่อยๆขมวดคิ้ว
เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรผิดปกติมาตลอด ตอนนี้เข้าใจสักที
คนที่รักศักดิ์ศรีอย่างฉินซึ่งเทียน เรื่องที่ภรรยาของตัวเองมีชู้ เขาควรจะปิดเรื่องไม่ให้ใครๆได้รู้สิ
ทำไมตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาต้องการให้ทุกคนรู้ ประกาศให้ใครๆก็รู้กันหมด
อีกอย่าง ปฏิกิริยาของคุณแม่ก็ดูผิดปกติมากเหมือนกัน
ถ้าเธอทำอะไรที่ทำร้ายฉินซึ่งเทียนจริงๆ จะแสดงปฏิกิริยาที่นิ่งสงบแบบนั้นได้ยังไง