Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 905

ตอนที่ 905

บทที่ 905 อุบัติเหตุ

ฉินซีหน้าซีดอย่างกับกระดาษ

ความสงสัยที่เธอคิดมาตลอดเวลา ก็ได้รับคำตอบสักที

เหตุผลที่ฉินซึ่งเทียนต้องใช้วิธีรีบๆแบบนั้นบังคับให้เหยาหมิ่นหย่ากับเขา เพราะว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจะอยู่ไม่ไหว

มีแต่การหย่าร้าง และผลักหนี้ทั้งหมดให้กับเหยาหมิ่น เขาถึงสามารถเอาบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและตัวเองรอดได้

มือและเท้าของฉินซีเย็นมาก และโทรศัพท์หลุดจากมือ

คุณแม่ … เธอต้องไม่รู้ว่าเธอมีหนี้มหาศาลแบบนี้แน่

ไม่งั้นเธอต้องไม่เซ็นสัญญาหย่าร้างชุดนั้นง่ายๆแน่นอน

คุณแม่ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

นิ้วของฉินซีกำลังสั่นอยู่ เธอกดหมายเลขของแม่เธออย่างมือสั่น แต่ไม่มีใครรับสาย

ฉินซีแอบมีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ เธอกระโดดขึ้นจากเตียง รีบใส่เสื้อออกจากบ้านอย่างรอดเร็ว

ฉินซึ่งเทียนไม่อยู่บ้าน เธอก็ไม่มีอารมณ์ไปถามเขา

สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือสภาพของคุณแม่

ผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอ ถ้าเห็นข่าวนี้ จะทำยังไงดี

ทำไมไม่รับสายล่ะ

หน้าผากของฉินซีเหงื่อเต็มไปหมด

สมองของฉินซีวุ่นวัยไปหมด และเกือบเกิดอุบัติเหตุบนถนน

โทรศัพท์ของแม่ก็ไม่มีใครรับสายเลย

เธอรู้สึกเหมือนมีไฟเผาในใจ และสะดุดไปที่ที่พักชั่วคราวของแม่เธอสักที

“คุณแม่” เธอเคาะประตูอย่างแรง”คุณแม่เปิดประตู”

เธอเคาะประตูอย่างเสียงดังมาก และฉนวนกันเสียงของโรงแรมสะดวกก็ไม่ได้ด้วย เธอเคาะประตูอย่างแรงแม่เธอไม่ได้เปิดประตู แต่ห้องข้างๆเปิดประตูแทน

“คุณทำอะไร รบกวนคนชาวบ้านเหรอ” คนหมดความอดทนมาก

ฉินซีไม่สนใจเขาและเคาะประตูต่อ

คนนั้นพูดอย่างหมดความอดทนว่า “ไม่มีใครอยู่ก็ไปที่แผนกต้อนรับสิ ฉันเพิ่งเช็คอินเข้ามาเมื่อวานนี้ ห้องนี้ไม่มีเสียงอะไรเลย”

ฉินซีหันหน้าทันที “คุณพูดอะไรนะ ไม่มีเสียงตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหรอ”

อาจจะเพราะว่าดวงตาของเธอนั้นน่ากลัวเกินไป คนนั้นมีความอดทนมากขึ้น ยักไหล่และพูดว่า”ใช่ ผนังนี้บางขนาดนี้ ถ้ามีใครกดชักโครกต้องได้ยินเสียงสิ ห้องที่คุณเคาะประตูตอนนี้ไม่มีเสียงสักนิดเลย มีคนพักอยู่จริงๆเหรอ”

เลือดในร่างกายของฉินซีแช่แข็งหมด เธอไม่ได้สนใจคนข้างๆต่อ และรีบเดินไปที่แผนกต้อนรับ “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นลูกสาวของแขกที่พักอยู่ห้อง1306 เธอไม่รับโทรศัพท์ของฉันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ฉันกังวลมาก คุณช่วยเปิดประตูให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”

ความกังวลบนใบหน้าของฉินซีไม่เหมือนแกล้งทำออกมา เพราะฉะนั้นแผนกต้อนรับจึงเดินไป1306กับเธอ และช่วยเธอเปิดประตูให้เธอ

ฉินซีไม่ทันที่จะบอกขอบคุณ และรีบวิ่งไปอย่างกระตือรือร้น “คุณแม่”

ในห้องมืดสลัวมาก ดวงตาของเธอไม่ชินกับความมืด แค่มองเห็นมีร่างเบลอนอนอยู่บนเตียง

เธอรีบวิ่งไปที่ข้างเตียง ก้มหัวลงไปดู

แผนกต้อนรับช่วยเปิดไฟในห้องให้เธอ

แม่เธอหน้าซีดมาก น่ากลัวยิ่งกว่าผ้าปูที่ข้างๆเธออีก

ฉินซียื่นมือออกไปอย่างสั่นๆ และจับมือแม่เธอ

ยังร้อนอยู่

ฉินซีโล่งอกโล่งใจสักที และเลือดทั่วร่างกายก็ค่อยๆไหลไปทั่วตัว

“แขกท่านนี้เป็นอะไรเหรอคะ”พนักงานต้อนรับก็ตกใจเหมือนกัน และเดินเข้ามาถาม

ฉินซีเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของแม่เฮ มันร้อนมาก

เธอหันไปมองแผนกต้อนรับ”น่าจะเป็นจนหมดสติไป ช่วยเรียกรถพยาบาลให้หน่อยได้ไหมคะ”

แผนกต้อนรับก็กลัวแขกเกิดอะไรขึ้นในโรงแรม เลยพยักหน้า

ระหว่างที่รอรถพยาบาลมา ฉินซีรู้สึกว่าวินาทีนานเหมือนกับปี ทั้งๆที่รอแค่สิบนาที แต่เธอรู้สึกว่าได้เฝ้าแม่ที่หมดสติไปเป็นชั่วโมงแล้ว

รถพยาบาลมาถึงสักที คุณหมอวางเหยาหมิ่นไปที่รถพยาบาลอย่างเป็นระบบ และฉินซีก็เดินตามไปอย่างงง ๆ

คุณหมอตรวจร่างกายอย่างง่ายๆ แล้วพูดกับเธอว่า “คนไข้น่าจะเป็นไข้สูงต่อเนื่องเลยทำให้หมดสติไป เป็นไข้มากี่วันแล้ว”

ฉินซีตอบไม่ได้ เลยส่ายหัว

สายตาของคุณหมอไม่พอใจเบาๆ “คุณเป็นลูกสาวของเธอเหรอ ทำไมแม่ของตัวเองเป็นไข้หลายวันถึงไม่รู้ล่ะ”

ฉินซีพูดอะไรไม่ออก

ถ้าเธอไม่ขังตัวเองอยู่ในห้องและไม่สนใจอะไรมาหลายวัน ต้องรู้ว่าคุณแม่ผิดปกติตั้งนานแล้ว จะรอถึงตอนนี้ได้ยังไง

เธอไม่ใช่ลูกสาวที่ดีจริงๆ…

คุณหมอเห็นว่าเธอรู้สึกผิด ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากเลย แค่หันหน้าไปทางอื่น

“ถ้าเป็นไข้นานเกินไป อาจกลายเป็นปอดบวมได้ ยังไงก็ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง”

ฉินซีเงียบและพยักหน้า

ระยะเวลาที่รอผลการตรวจสอบก็นานมากเหมือนกัน

โชคดีที่อานหยันได้รับข่าวและรีบไปหาฉินซีทันที

เมื่อหมอออกมา อานหยันกำลังลูบหลังของฉินซี แต่ฉินซีดูมองไปด้านหน้าอย่างว่างเปล่าราวกับว่าสูญเสียจิตวิญญาณของเขา

“ที่คนไข้หมดสติไปเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป โชคดีที่พบทันเวลา แค่ให้กลูโคสก็จะดีขึ้น แต่ที่น่าเป็นห่วงมากว่าก็คือเพราะผู้ป่วยมีไข้มาหลายวัน กลายเป็นปอดบวมแล้ว ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อดูอาการต่อ ใครเป็นญาติของคนไข้ เชิญทางนี้ ไปทำเรื่องแอดมิทที่โรงพยาบาลค่ะ”

ฉินซีเพิ่งออกจากสภาพที่ยุ่งเหยิงและตามหมอไป

หลังจากที่เธอทำเรื่องเข้าโรงพยาบาลและดูแลเหยาหมิ่นเรียบร้อยแล้ว ฉินซีถึงนึกถึงอานหยันที่อยู่ข้างๆเธอ

“ขอบคุณนะ” ฉินซีก้มหัวลง “ถ้าเมื่อกี้ไม่มีใครอยู่กับฉัน ฉันต้อง… เสียใจมาก”

อานหยันโบกมือ “จะเกรงใจฉันทำไมละ คุณป้าเป็นยังไงบ้าง ตื่นหรือยัง”

ฉินซีพยักหน้า”เมื่อกี้ตื่นมาสักพัก ตอนนี้นอนหลับไปอีกแล้ว”

อานหยันลังเลสักพักถึงถามว่า”เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

ฉินซีมองเหยาหมิ่น ถอนหายใจเบาๆ และเล่าเรื่องในช่วงหลายวันที่ผ่านมาอย่างสั้น ๆ

สีหน้าของอานหยันดูตกใจมาก “คุณหมายความว่า พ่อของคุณใส่ร้ายแม่ของคุณมีชู้ และบังคับให้เธอหย่าเพื่อที่จะผลักหนี้งั้นเหรอ”

ฉินซีพยักหน้า

อานหยันดูค่อนข้างโกรธ “งั้นคุณก็ไปฟ้องเขาสิ”

ฉินซีส่ายหัวอย่างหนักใจ “แต่ทั้งหมดนี้คือคำพูดของคุณแม่ … ฉันไม่มีหลักฐาน”

อานหยันก้มหัวลงเงียบ ๆ

เธอเปิดโทรศัพท์และอ่านข้อความที่ส่งมาใหม่ และเงยหน้ามองฉินซีทันที แต่ดูเหมือนเธอจะลังเลว่าจะพูดหรือไม่พูด

ฉินซีหันหน้ามาอย่างสงสัย”มีอะไรเหรอ”

อานหยันส่ายหัว “ไม่มีอะไร”

ฉินซีขมวดคิ้ว”บอกมาตามตรงเลย”

อานหยันอ้าปากและลังเลสักพัก สุดท้ายก็เปิดปากว่า “ฉันได้รับข่าวว่า บ้านเก่าของตระกูลฉินถูกประมูลไปแล้ว”

ดวงตาของฉินซีเบิกกว้าง “คุณพูดว่าอะไรนะ”

อานหยันพูดเบาๆ “เมื่อกี้เพิ่ง … ถูกซื้อไป”

ฉินซีถอยหลังหลายก้าว จับราวไว้ แต่ก็พูดอะไรไม่ออกตั้งนาน

เธอเข้าใจความลังเลของอานหยันแล้ว เธอรู้ว่าตัวเองรักบ้านหลังเก่ามากแค่ไหน เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ได้บอกข่าวร้ายกับตัวเองในตอนนี้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท