Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 906

ตอนที่ 906

บทที่ 906 ฝันร้าย

อานหยันไม่รู้ว่าจะปลอบเธออย่างไรดี ได้แต่ลูบไหล่เธอ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก

ฉินซีรู้สึกว่ามีความโกรธแผดเผาจากฝ่าเท้าของเธอ แล้วจะแทรกซึมไปทั่วร่างกายด้วย

ตั้งแต่เธอรู้จุดประสงค์ของฉินซึ่งเทียน เธอก็โกรธมาก แต่ความโกรธนี้ถูกความเป็นห่วงแม่เธอแทนไป

ชั่วคราว แต่ตอนนี้แม่เธอพ้นจากอันตรายแล้ว ข่าวที่ได้จากอานหยันทำให้เธอโกรธขึ้นมาใหม่

ฉินซึ่งเทียนทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง เขากล้าทำแบบนี้ได้ยังไง

ฉินซีหายใจเข้าลึกๆหลายครั้ง อารมณ์ถึงจะสงบลงไปได้บ้าง เธอมองอานหยันและพูดว่า” ฝากช่วยดูแม่ฉัน

หน่อยนะ ถ้ามีอะไรรีบติดต่อฉันทันที ฉันจะออกไปข้างนอกสักพักเดี๋ยวกลับมา”

อานหยันพยักหน้า แต่เมื่อเห็นสีหน้าเธอผิดปกติ ก็เป็นห่วงเธอเบาๆว่า “จะไปไหน”

สีหน้าของฉินซีเย็นชา “ไปหาคนที่ควรไปหา และฉันจะต้องถามให้รู้เรื่อง”

อานหยันเต็มไปด้วยความห่วงใย เธออยากไปด้วย แต่ก็ปล่อยให้เหยาหมิ่นอยู่คนเดียวในโรงพยาบาลไม่ได้ แม้ว่าเธอจะเป็นห่วงมาก แต่เธอก็ทำได้แค่พยักหน้าและพูดด้วยความกังวลว่า “ยังไงเขาก็เป็นพ่อของคุณ อย่าไปสู้กับเขาโดยตรงนะ”

ฉินซีไม่ได้พูดอะไรและหันหลังออกมา

……

ฉินซีลืมตาขึ้นและเห็นว่าตรงหน้าเป็นสีขาวหมด แยกแยะไม่ออกว่าเป็นความฝันหรือความจริง

เพราะเมื่อกี้ในฝัน เธอก็อยู่ในโรงพยาบาลเหมือนกัน

จนกระทั่งเธอหันหน้าไป มองเห็นลู่เซิ่นที่ยืนอยู่ข้างเตียงอย่างเงียบๆ เธอถึงสังเกตว่า ทุกอย่างที่อยู่ในความฝันของตัวเอง เกิดขึ้นในเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว

“ฝันร้ายเหรอ” ลู่เซิ่นและฉินซีมองหน้ากัน แน่ใจว่าเธอตื่นแล้ว ถึงถามเธอเบาๆ

เมื่ออานหยันกลับไปปิดผ้าม่านไว้ เพราะฉะนั้นในห้องคนไข้มีแต่แสงอ่อนที่เข้ามาจากทางเดิน ฉินซีมองไม่เห็นการแสดงออกบนใบหน้าของลู่เซิ่น แค่ส่ายหัวเบาๆ “ไม่ค่ะ”

“คุณร้องไห้” ลู่เซิ่นไม่เชื่อเธอและเดินเข้าใกล้

ฉินซีรู้สึกว่าปลายนิ้วอุ่นของเขาสัมผัสมุมตาของตัวเอง

ไม่รู้ว่าทำไมหูของเธอถึงร้อนขึ้นมา เธอรีบหลบอย่างกะทันหัน เกือบเสียการทรงตัวจากบนเตียงโรงพยาบาลที่แคบๆ

ลู่เซิ่นยื่นมือจับเธอไว้ “คุณหลบอะไรอยู่เหรอ”

ฉินซีพูดไม่ออก

เสียงของลู่เซิ่นนั้นทุ้มต่ำ ฟังเหมือนเสียงเชลโลในห้องมืดๆ ซึ่งทำให้อารมณ์ที่เสียใจเพราะฝันร้ายของฉินซีสงบลงไปบ้าง

เธอไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับไปนานแค่ไหน แต่ความฝันที่ยาวนานทำให้เธอไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้จะนอนหลับอยู่ และตอนนี้เธอก็ยังเวียนหัวอยู่

ทำไมลู่เซิ่นเข้ามาไม่เปิดไฟละ

ฉินซีแอบรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยในใจ และพยายามจะลุกขึ้นนั่ง

แต่เธอลืมไปว่า เพื่อไม่ให้เธอตกลงจากเตียง ลู่เซิ่นยังกั้นอยู่ข้างเตียงอยู่เลย เธอขยับตัวแรงแบบนี้ จู่ๆก็ทำให้ระยะห่างระหว่างสองใกล้มาก

ปากของลู่เซิ่นติดกับหูของฉินซี และหูของเธอสัมผัสถึงการหายใจของเขาด้วย

ร่างกายของฉินซีแข็งขึ้น

และดวงตาของลู่เซิ่นมีความหมายขึ้น

การกระทำของฉินซี ดูเหมือนจะอยากกอดเขาจริงๆ

เขาหันหน้าไปและกำลังจะพูดอะไร

ป๊อก ไฟในห้องคนไข้ก็เปิดขึ้นอย่างกะทันหัน

ฉินซีและลู่เซิ่นหันกลับไปมองพร้อมกัน

ลู่โยวโยวยืนอยู่หน้าประตู สีหน้าเขินอาย” คือ … ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณกำลัง … ไม่งั้นฉันออกไปก่อนดีไหม”

ฉินซีก็รู้ว่าท่าทางของเธอและลู่เซิ่นอยู่ใกล้กันแค่ไหน แต่เธอไม่อยากให้ลู่โยวโยวเข้าใจผิด เลยรีบพูดว่า “ไม่ต้อง คุณเข้ามาเถอะ”

ลู่เซิ่นเหลือบมองลู่โยวโยวอย่างไม่พอใจ และลุกขึ้นเดินไปข้างๆ

ลู่โยวโยวทนความไม่พอใจของพี่ชาย และค่อยๆเดินไปที่เตียงของฉินซี ยิ้มอย่างเชื่องช้าอยากแก้บรรยากาศซะหน่อย “พี่สะใภ้ พี่ดีขึ้นยังคะ”

ฉินซีพยักหน้าเบาๆ “ตรวจแล้ว ไม่มีอะไรมาก พรุ่งนี้ก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว”

ลู่โยวโยวตบหน้าอกอย่างเวอร์ ถอนหายใจอย่างโล่งอก” งั้นก็ดีค่ะ”

ฉินซียิ้มเบาๆ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า “น้อง… น้องรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”

ลู่โยวโยวเงยหน้าขึ้นมามองลู่เซิ่น ยังไม่ทันพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอีกแล้ว

คนที่มาคือลู่เจิ้น

เห็นได้ชัดว่าลู่เจิ้นระมัดระวังตัวมากกว่าลู่โยวโยว ไม่ได้เหมือนเธอที่เปิดประตูเข้ามาโดยตรงเลย

แต่สีหน้าของลู่เซิ่นก็ไม่ดีขึ้นเพราะความสุภาพของเขา

ลู่โยวโยวเห็นคนที่เข้ามา ยื่นมือออกชี้เขาว่า “เขาบอกฉันค่ะ”

ลู่เจิ้นไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ถูกลู่โยวโยวเรียกโดยไม่รู้ตัว ได้แต่มองลู่เซิ่นอย่างสงสัย

แต่ลู่เซิ่นไม่ได้มองเขาเลย

ลู่เจิ้นเม้มปาก ไม่ได้สนใจเขา เดินไปที่เตียงของฉินซี วางดอกไม้ในมือลง “ฉันได้ยินมาว่าคุณไม่สบาย ก็เลยมาเยี่ยมคุณครับ”

ฉินซีพยักหน้าและยอมรับในความหวังดีของเขา แล้วถามย้อนกลับว่า “คุณ … รู้ว่าฉันไม่สบายได้ยังไง”

ลู่เจิ้นเลิกคิ้วและแอบมองลู่เซิ่น

วันนี้สำนักงานของประธานได้ประกาศว่าเพราะคนในครอบครัวไม่สบาย ประธานลู่จะทำงานจากระยะไกลบ่อยๆ ให้ทุกแผนกเตรียมความพร้อมไว้

คนในครอบครัวของท่านประธานลู่มีแค่ไม่กี่คนเอง ที่ต้องการให้เขาดูแลอยู่บ้าน นอกจากฉินซียังมีใครอีกล่ะ

ทุกแผนกอ้าปากกำลังจะพูด แต่รู้สึกถึงลมกระโชกแรงที่มาจากการมองของลู่เซิ่น

ดูเหมือนกำลังเตือนเขาอยู่

คำพูดที่ลู่เจิ้นกำลังจะพูดก็เปลี่ยนไปทันที “ผมได้ยินมาจากพ่อบ้านครับ”

ฉินซีพยักหน้าอย่างเข้าใจ ตั้งแต่เธอเข้าโรงพยาบาล เธอก็เจอคนรับใช้ของตระกูลลู่หลายคนจริงๆ พ่อบ้านรู้ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

ลู่โยวโยวเข้าใกล้จะพูดอะไร ลู่เซิ่นที่นั่งอยู่ด้านข้างตลอดก็พูดว่า “ตอนนี้เธอต้องการพักผ่อน พวกคุณสองคนกลับไปเถอะ”

ฉินซีเหลือบมองเขาและโบกมือ”ไม่ใช่ค่ะ ฉันนอนนานแล้ว”

ได้โปรด นี่คือลูกพี่ลูกน้องและน้องสาวแท้ของเขาเอง มาถึงแค่ไม่กี่นาที จะรีบไล่กลับไปได้ยังไง

แต่เห็นได้ชัดว่าลู่โยวโยวและไม่ได้ลู่เจิ้นเชื่อฟังเธอ เมื่อลู่เซิ่นพูดอย่างนี้ ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที “ถ้าอย่างนั้นพี่สะใภ้ก็พักผ่อนเยอะๆนะ เดี๋ยวเราจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ”

ฉินซียังไม่ทันพูดอะไร สองคนก็หยิบกระเป๋าเดินออกไปแล้ว

ฉินซีมองหลังของทั้งสองคนที่ออกไปสักพัก แล้วหันไปมองลู่เซิ่นและพูดว่า “ทำไมคุณต้องไล่พวกเขาไปล่ะ”

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่เดินกลับไปที่เตียงของเธอและถามอีกครั้งว่า “คุณฝันร้ายหรือเปล่า”

ฉินซีไม่รู้จะพูดอะไร

ดวงตาของลู่เซิ่นมีความสงสัย แต่ก็แอบมี… ความห่วงใยเบาๆ

ก็เป็นเพราะความห่วงใยเล็กน้อยแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้ฉินซีไม่ต่อต้านมากเหมือนเดิมแล้ว

แต่เธอก็ไม่อยากฟื้นความทรงจำอย่างละเอียด แค่พูดสั้นๆว่า “ฝันถึงเรื่องในอดีตบ้าง”

ฉินซีไม่ใช่คนที่ชอบจดจำอดีตมาก และตัดสินใจว่าถ้าลู่เซิ่นถามอีก เธอจะไม่ตอบเลย

แต่คาดไม่ถึงว่า ลู่เซิ่นไม่ได้ถามต่อเลย

ห้องคนไข้ก็เงียบลงทันที

ฉินซีหัวเราะกับตัวเอง จริงๆแล้วถ้าถือว่าเป็นฝันร้าย มันก็ไม่ต่างอะไรหรอก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท