Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 915

ตอนที่ 915

บทที่ 915 เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของเขา

ฉินซึ่งเทียนทนให้ฉินซีทำตัวหยิ่งผยองอำนาจต่อหน้าต่อตาไม่ได้

เสียงดีดลูกคิดวาดแผนการของเขาดังขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่าฉินซีจะพูดออกมาว่า “นี่เป็นการตัดสินใจของบริษัทลู่ซื่อ ทำไมประธานฉินถึงมาถามความเห็นของฉันล่ะคะ”

ทันใดนั้นฉินซึ่งเทียนฉันจึงชะงักไปพักหนึ่ง

เป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของเขาเอง

เขากับหลี่เหวยไม่ได้ตั้งใจวางแผนจะพูดเรื่องคนที่ฉินซีแต่งงานด้วยเป็นใครในการประชุมของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เพราะกลัวว่าการที่มีบริษัทลู่ซื่ออยู่เบื้องหลังจะทำให้ฉินซีได้รับการสนับสนุนมากยิ่งขึ้น

ทว่าตอนนี้หากเขาอยากจะพูดโน้มน้าวทุกคน ก็จำเป็นต้องชี้แจงถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉินซีกับลู่เซิ่นเสียก่อน

เขารู้ดีว่าหลังจากที่การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งก่อนสิ้นสุดลง ลู่เซิ่นก็เข้ามาตามตัวคนอย่างเปิดเผยจริงใจ ไม่รู้ว่ามีคนระดับสูงและระดับล่างของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปสักกี่คนที่มองเห็นลู่เซิ่นลากตัวฉินซีออกไป เรื่องคู่แต่งงานของฉินซีจึงไม่ใช่ความลับมาตั้งนานแล้ว

แต่หากว่าเขาเป็นคนพูดออกมาเองตอนนี้ จะต้องเทียบไม่ได้กับข่าวลือเล็ก ๆ ที่แพร่ระบาดไปทั่วพวกนั้นอย่างแน่นอน

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ฉินซึ่งเทียนก็กัดฟันพูดออกมาว่า “ในเมื่อเธอแต่งงานกับลู่เซิ่นแล้ว ดังนั้นเธอจะต้องมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของลู่เซิ่นอย่างแน่นอน”

ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา สีหน้าของคนในที่ประชุมก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ฉินซีก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยอมกัดฟันเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เซิ่น

หลังจากประหลาดใจเพียงชั่วครู่ ฉินซีก็ยิ้มเยาะแล้วลุกขึ้นยืน

“ในเมื่อประธานฉินยืนยันที่จะคิดแบบนั้นละก็ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ต้องหักล้างข้อกล่าวหาที่คุณโยนมาให้ฉันอย่างจริงจังซะแล้วสิ ”

ฉินซึ่งเทียนโมโหเป็นอย่างมาก “ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะพูด นั่งลงไปซะ!”

ฉินซียักไหล่ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็อธิบายมาหน่อยสิว่า มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องทำให้เขาไม่ต่อเซ็นสัญญาล่ะ ในเมื่อฉันเป็นภรรยาของลู่เซิ่น ทั้งยังเป็นถึงหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป”

ฉินซึ่งเทียนสะอึก ขยับสายตาชำเลืองมองไปยังลูกพี่ลูกน้องที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

สีหน้าของกลุ่มคนที่มีชนักติดหลังเต็มไปด้วยความหวาดผวา แม้แต่จะทำตัวให้เยือกเย็นก็ทำไม่ได้แล้ว

ถ้าหากคนอื่น ๆ มีสติปัญญาเฉียบแหลมกว่านี้สักหน่อย พวกเขาอาจจะค้นพบบางสิ่งบางอย่าง

ถ้าหากเรื่องที่พวกเขาลักพาตัวฉินซีถูกคนพบเข้าละก็ จะต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ ๆ !

ฉินซึ่งเทียนลอบด่าอยู่ข้างในใจ จากนั้นก็บังคับตัวเองให้พูดออกมาว่า “ไม่มีใครรู้ว่าเธอกลับมาที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเพราะอะไร! บางทีเธออาจจะเป็นสายลับของบริษัทลู่ซื่อก็ได้นี่”

ฉินซีแค่นหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยาม “บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจำเป็นต้องให้บริษัทลู่ซื่อส่งสายลับมาเชียวเหรอ คุณนี่ช่างให้ความสำคัญกับตัวเองมากจริง ๆ”

ฉินซึ่งเทียนหน้าแดงในทันที “พูดอะไรของเธอน่ะ!”

ฉินซีขี้เกียจจะสู้รบตบมือกับเขาต่อ จึงเดินไปทางเขาอย่างหมดความอดทน

“เธอคิดจะทำอะไร!” สีหน้าของฉินซึ่งเทียนปรากฏความระมัดระวังขึ้นมาหลายส่วน เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย

เห็นชัดว่าการที่ฉินซีตบตีกับหลี่เหวยครั้งก่อนทิ้งเงามืดเอาไว้ในหัวใจของเขา

ทว่าฉินซีแค่เดินมายืนอยู่ข้างเขา แล้วชี้ไปที่จอโปรเจคเตอร์ที่อยู่ด้านหลังเท่านั้น “ประธานฉินจำได้ไหมคะว่ารายการพวกนี้ถูกลากมาถึงตอนไหน”

ฉินซึ่งเทียนจำเรื่องพวกนี้ได้ที่ไหน เขาโบกมืออย่างร้อนรน “เธออย่าได้มาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่!”

ฉินซีไม่สนใจเขา หันตัวกลับไปยังพื้นที่ประชุมแล้วพูดว่า “ถ้าหากทุกคนอยู่ที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมานานแล้ว ก็คงพอจะรู้ว่าเมื่อปีนั้นที่บริษัทลู่ซื่อสั่งจองสินค้าพวกนี้กับบริษัทฉินซื่อก็เพราะว่าเห็นแก่หน้าของตระกูลเหยา ”

ทันทีที่เธอพูดประโยคนี้ออกมา คณะกรรมการหลายคนก็เผยสีหน้าประหลาดใจ

เธอไม่โทษพวกเขา เพราะยิ่งฉินซึ่งเทียนอายุมากขึ้นเขาก็ยิ่งหวาดระแวง เพื่อที่จะรักษาอำนาจและความน่าเชื่อถือในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปของตัวเองเอาไว้ จึงเปลี่ยนคนในตำแหน่งคณะกรรมการให้เป็นคนกลุ่มใหม่หรือไม่ก็เป็นคนที่ตัวเองสนิทชิดเชื้อด้วยทั้งหมด ดังนั้นจึงมีคนมากมายที่ไม่เคยรู้ว่าความจริงแล้วบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมาจากตระกูลไหน และไม่เคยรู้ว่าตระกูลฉินอาศัยบารมีของตระกูลเหยาฉกฉวยผลประโยชน์มามากมายเท่าไรแล้ว

เป็นธรรมดาที่ฉินซึ่งเทียนจะไม่พอใจกับคำพูดนี้ของเธอเป็นอย่างมาก เขาพูดขึ้นมาอย่างโมโหว่า “ที่บริษัทลู่ซื่อยอมเซ็นสัญญาร่วมมือกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็เพราะว่ายอมรับในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ตระกูลเหยาที่ตกต่ำไปตั้งนานแล้วมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย!”

เมื่อได้ยินฉินซึ่งเทียนพูดถึงตระกูลเหยาด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม สายตาของฉินซีก็เย็นชามากยิ่งขึ้น “คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเลยจริง ๆ สินะ”

ฉินซึ่งเทียนเกลียดการถูกคนเลื่อยขาเก้าอี้มากที่สุดในชีวิต ฉินซีกล้าหักหน้าเขาต่อหน้าพวกคณะกรรมการ เขากัดฟันด้วยความเกลียดชัง แล้วชี้ไปที่หน้าฉินซี “เธอเพิ่งจะอายุเท่าไหร่ถึงได้มาวิพากษ์วิจารณ์ต่อหน้าฉันว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นของใคร!”

ฉินซีหันกลับไปกวาดสายตามองทุกคนแล้วตอบอย่างใจเย็น “แน่นอนว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็ต้องเป็นของผู้ถือหุ้นทุกคนน่ะสิ หรือว่าจะให้คิดว่าเป็นของคุณฉินซึ่งเทียนคนเดียวเหรอคะ”

ฉินซึ่งเทียนที่แพ้ภัยคำพูดของตัวเองริมฝีปากสั่นระริกจนไม่สามารถพูดหักล้างออกมาได้ไปชั่วขณะ

ฉินซีจึงรีบคว้าโอกาสนี้ในการกล่าวชี้แนะให้กับทุกคน “บางทีทุกคนอาจจะมาอยู่ที่บริษัทนี้ช้าไปเสียหน่อย ความจริงแล้วความร่วมมือเกี่ยวกับคำสั่งซื้อพวกนี้นั้น บริษัทลู่ซื่อได้ร่วมมือกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ดังนั้นพวกคุณอาจไม่ค่อยทราบรายละเอียดของคำสั่งซื้อพวกนี้ ฉันสามารถอธิบายให้พวกคุณฟังได้ ประการแรกคือ ในตอนนั้นที่บริษัทลู่ซื่อต้องการนำเข้าวัตถุดิบพวกนี้เข้ามาในปริมาณมาก พวกเขาไม่ได้ใช้วิธีการประมูลในการคัดเลือกโดยตรง แต่ใช้วิธีการเจรจาพูดคุยกับแต่ละบริษัทเป็นการส่วนตัว เท่าที่ฉันรู้ ราคาที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเสนอไปนั้นไม่ได้เป็นราคาที่ดีที่สุด แต่เพราะว่ามีความสัมพันธ์กับตระกูลเหยา ดังนั้นจึงสามารถคว้าคำสั่งซื้อพวกนี้มาได้อย่างราบรื่น แล้วก็… ”

มีกลุ่มคนในที่ประชุมถามขึ้นมาอย่างสงสัย “ฉินซี คุณอายุน้อยกว่าพวกเรามาก แล้วคุณไปรู้ที่มาที่ไปของคำสั่งซื้อนี้ได้ยังไง”

ฉินซียกยิ้มเบา ๆ “ก็เพราะว่าแม่ของฉันแซ่เหยา”

กลุ่มคนในที่ประชุมพากันปิดปากเงียบในทันที

ฉินซีกวาดตามองอีกรอบหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างเปิดเผยว่า “ฉันมีหลักฐานเกี่ยวกับคำสั่งซื้อพวกนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงไม่สามารถพูดอะไรแบบนี้ในที่ประชุมนี้ได้ ถ้าหากพวกคุณต้องการที่จะตรวจสอบ ก็เชิญมาหาฉันได้ตลอดเวลา”

คณะกรรมการแต่ละคนมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน

แต่ใบหน้าของฉินซึ่งเทียนนั้นดูมืดมนจนน่ากลัว

เขามองฉินซีอย่างระแวงสงสัย ทว่าคนที่อยู่ข้างหลังกลับมีสีหน้าราบเรียบ ดูไม่ออกว่าเป็นการข่มขู่ให้หวาดกลัวอยู่หรือเปล่า

…หรือว่าฉินซีมีเจ้าสิ่งนั้นจริง ๆ

ฉินซึ่งเทียนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“ดังนั้น” ฉินซีไม่ได้สนใจสีหน้าของทุกคนอีก เธอหันไปมองฉินซึ่งเทียนแล้วพูดว่า “ที่ประธานฉินกล่าวหาฉันว่าฉันเล่นตลกลับหลังจนทำให้บริษัทลู่ซื่อไม่ต่อสัญญากับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เป็นการมีเจตนาไม่ดีเพราะต้องการทำลายบริษัทนั้น ฉันขอไม่ยอมรับ”

ฉินซึ่งเทียนแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ที่บริษัทลู่ซื่อยอมสั่งซื้อสินค้าพวกนี้กับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเพราะเห็นแก่หน้าของตระกูลเหยาแล้วยังไง ถึงอย่างไรพวกเราทั้งสองบริษัทก็ทำธุรกิจร่วมกันมาอย่างยาวนาน แน่นอนก็เป็นเพราะว่าพวกเราต่างไว้วางใจและพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน แต่พอมีเธอเข้ามาในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ความสัมพันธ์ที่มีกันมาอย่างยาวนานหลายปีก็สิ้นสุดลงทันที เธอกล้าพูดไหมว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อย”

ฉินซีไม่ได้เอามันมาเป็นอารมณ์ เพียงพูดขึ้นมาอยากเย็นชาว่า “ในเมื่อคุณยืนยันความคิดที่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉันมากขนาดนี้ แล้วมีหลักฐานหรือเปล่าคะ”

ตอนที่ฉินซึ่งเทียนมองเห็นแววตาเย็นเยียบของเธอ ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

เดิมทีแผนที่เขาวางเอาไว้นั้นสมบูรณ์แบบแล้ว

ความสัมพันธ์ระหว่างฉินซีกับลู่เซิ่นนั้นไม่ต่างอะไรกับหน้าต่างกระดาษที่หนาเพียงชั้นเดียว ขอแค่เขาจิ้มลงไปแบบลวก ๆ ฉินซีไม่มีทางที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน และหากเขาชิงพูดเรื่องที่ว่าช่วงนี้บริษัทลู่ซื่อลดคําสั่งสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอย่างรวดเร็วออกมาก่อน จากนั้นก็ค่อยพูดถึงเรื่องที่ฉินซีแต่งงานกับลู่เซิ่น ถึงตอนนั้นแล้วทุกคนก็คงเดาขึ้นมาเองทันทีว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับฉินซีอย่างแน่นอน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท