Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 913

ตอนที่ 913

บทที่ 913 ความทรงจำขาดหาย

ลู่เซิ่นขึ้นตามไป หันไปมองใบหน้าซีดขาวของเธอ ครุ่นคิดสักพักจึงถามว่า “กลัวเหรอ”

ถึงแม้จะถูกแทงใจดำ ทว่าฉินซีให้ตายก็ขอไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด “ไม่มีอะไรค่ะ”

ลู่เซิ่นเองก็ไม่ได้บังคับเธอต่อ เขาหันออกไปมองนอกหน้าต่างแล้วออกคำสั่งเบา ๆ ว่า “ขับช้า ๆ ”

ฉินซีตกตะลึง เธอเหลือบมองใบหน้าของเขาแล้วพูดขึ้นมาเบาๆ “ขอบคุณค่ะ”

ลู่เซิ่นค่อย ๆ โบกมือ “ครั้งหน้าถ้ากลัวก็พูดออกมาตรง ๆ ไม่มีใครหัวเราะเยาะเธอหรอกนะ”

ฉินซีตะลึงอยู่หลายวินาที ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ

รถค่อนข้างติด ระหว่างที่ฉินซีกำลังรอสัญญาณไฟจราจรก็หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความสองสามข้อความ ทันใดนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปถามลู่เซิ่น “คุณบล็อกฉินซึ่งเทียนไปแล้วใช่ไหม”

ลู่เซิ่นมองเธออย่างไม่เข้าใจ “บล็อกเหรอ”

ฉินซีเขย่าโทรศัพท์ในมือ “บล็อกไปแล้ว จะได้ไม่รบกวนคุณอีก”

ลู่เซิ่นหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็ก้มหน้าบล็อกฉินซึ่งเทียนตามที่เธอบอก

ความจริงแล้วลู่เซิ่นไม่มีเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขา เวลาติดต่อกันเขาก็ติดต่อผ่านผู้ช่วย

หลังจากที่บล็อกไปแล้วลู่เซิ่นจึงค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาเอ่ยถามฉินซีว่า “ทำไมฉินซึ่งเทียนถึงต้องการพบฉัน”

ฉินซีตอบอย่างมั่นใจ “ก็คุณไปทำให้เขาเดือดร้อน ดังนั้นเขาจะต้องอยากพบคุณอย่างแน่นอน”

ลู่เซิ่นมองท่าทางที่บ่งบอกว่ามีเหตุผลเสียเต็มประดาของเธอแล้ว รอยยิ้มที่ริมฝีปากของเขาก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ในเมื่อฉินซีเชื่ออย่างสนิทใจว่าเขาเป็นที่สร้างความลำบากให้กับฉินซึ่งเทียน ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่สามารถทรยศต่อความคาดหวังของเธอได้

ชีวิตแต่ละวันหลังจากกลับมาอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนแทบไม่ต่างอะไรจากตอนที่อยู่โรงพยาบาลมากนัก

เธอยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนเตียง

พวกคนรับใช้ในรีสอร์ทชิงหยวนทำเหมือนว่าเธอเป็นสิ่งของที่สามารถแตกหักได้โดยง่าย แค่เธอเดินลงบันไดก็มีคนจับตามองอย่างเป็นกังวลเพียงเพราะกลัวว่าเธอจะเกิดอุบัติเหตุ

ฉินซีรู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะตลก ถึงแม้ว่าพวกคนรับใช้จะทำไปเพราะความหวังดี แต่เธอก็อดที่จะพูดกับพวกเขาไม่ได้ หลังจากที่พูดดี ๆ อยู่หลายครั้งแล้วไม่มีใครรับฟังความเห็น เธอก็เลยคิดว่าช่างมันเถอะ

อย่างไรก็ตามต้องใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์ในการพักฟื้น เพราะอย่างนั้นตามใจพวกเขาก็แล้วกัน

ช่วงแรก ๆ ที่ต้องนอนอยู่บนเตียงแต่ก็รู้สึกว่าสบายดี แต่หลังจากนั้นฉินซีก็รู้สึกไม่สบายใจที่จะต้องอยู่เฉย ๆ

แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนบ้างาน แต่จะให้นอนบนเตียงนาน ๆ โดยไม่ทำอะไรเลยก็แทบจะไม่มีความเป็นไปได้

ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังคงมีสัญญากับลู่เซิ่น เธอต้องคืนเงินที่ยืมเขามาตอนนั้นให้หมดมาภายในสิบปี

ถึงตอนนี้เธอจะเอาหุ้นกลับมาได้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่แน่ใจเรื่องเงินปันผลว่าเป็นอย่างไร แล้วจะได้มาเมื่อไหร่ก็ล้วนเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หากเธอไม่ออกไปทำงานก็ต้องสูญเสียรายได้ก้อนใหญ่ในทุก ๆ เดือน แบบนั้นแล้วก็คงไม่สามารถคืนเงินที่ยืมมาได้

เป็นเพราะได้พักผ่อนอยู่นาน ฉินซีจึงมีโอกาสคิดฟุ้งซ่านขึ้นมามากมาย

ความจริงแล้วเธอไม่ใช่คนที่ชอบรำลึกความหลังอะไรขนาดนั้น นอกจากนี้ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาเหมือนเป็นการทรมานรูปแบบหนึ่ง

แต่เธอไม่ชอบที่จะหนี

ช่วงเวลาสองสามวันที่เธออยู่โรงพยาบาล ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอฝันและคิดถึงภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ไม่น้อย เธอจึงพยายามที่จะจัดการมันให้เป็นระเบียบ

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ฉินซีก็พบปัญหา

เธอมีความทรงจำส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งที่คล้ายจะขาดหายไป

นั่นก็คือเธอจำเรื่องตั้งแต่ตอนที่แม่ของเธอเข้าโรงพยาบาลจนถึงตอนที่แม่ของเธอจากไปไม่ได้เลย

ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร หลังจากคิดทบทวนดูแล้วพบว่าจำอะไรไม่ได้เลยหลาย ๆ ครั้งเข้า เธอก็เริ่มรู้สึกว่ามันค่อนข้างที่จะแปลกประหลาด

บังเอิญว่าวันนั้นอานหยันมาหาเธอพอดี ฉินซีจึงถือโอกาสถามเสียเลย “ตอนที่แม่ฉันเข้าโรงพยาบาลจนเสร็จสิ้นพิธีศพฉันทำอะไรอยู่”

อานหยันทำสีหน้าแปลกใจกับคำถามนี้ของเธอ “เธอก็ทำงาน แล้วก็ดูแลแม่ของเธอ ยังจะทำอะไรได้อีกอ่ะ”

ฉินซีส่ายหน้า “ช่วงนี้ฉันพบว่าความทรงจำในเวลานั้นของตัวเองเลือนรางมาก ฉันมักกังวลว่า…ฉันได้ลืมเรื่องอะไรไปหรือเปล่านะ”

อานหยันคร่ำครวญอยู่พักหนึ่งแล้วยื่นมือมาตบไหล่เธอ “อาจเป็นเพราะช่วงเวลานั้นเธอยากลำบากเอามาก ๆ ดังนั้นสมองก็เลยปิดกั้นความทรงจำในส่วนนั้นชั่วคราวเพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง”

ฉินซียักไหล่ ความจริงแล้วคำอธิบายนี้ของอานหยันค่อนข้างที่จะสมเหตุสมผล แต่เธอกลับรู้สึกถึงความไม่เข้ากันที่ไม่สามารถอธิบายได้

ตอนที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงโทรศัพท์มือถือของอานหยันดังขึ้น

ฉินซีชำเลืองมองตามสัญชาตญาณ จึงพบว่าฉินซึ่งเทียนเป็นคนโทรมา

อานหยันวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้นก็พบว่าฉินซีเห็นทุกอย่างหมดแล้ว จึงเผยสีหน้าอึดอัดขึ้นมาหลายส่วน “เธอ…”

“เขาคิดจะก่อกวนแม้กระทั่งเธอใช่ไหม” ฉินซีค่อนข้างที่จะโมโห “ทำไมเธอไม่บอกฉัน”

อานหยันส่ายหน้า “ตอนแรกเขาโทรมาหาฉันแล้วบอกว่าเขาติดต่อเธอไม่ได้ บอกว่าถ้าฉันมาหาเธอก็ให้โทรศัพท์หาเขาหน่อย แต่ฉันรู้ดีว่าเขาจะต้องไม่ได้มีเจตนาดีอย่างแน่นอน ช่วงนี้เธอต้องรักษาตัวให้ดี ๆ ดังนั้นก็เลยไม่ได้บอก”

ขณะที่พูดอยู่โทรศัพท์ของอานหยันก็ดังขึ้นมาอีก

ยังคงเป็นฉินซึ่งเทียน

ฉินซีเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปที่อานหยัน เห็นว่าเธอยอมรับโดยนัยแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ของอานหยันขึ้นมาแล้วบล็อกฉินซึ่งเทียน

เธอรู้ว่าอานหยันไม่ได้เป็นเพียงบรรณาธิการนิตยสารธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นสมาชิกของหน่วยข่าวกรองด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวว่าการที่ทำแบบนี้จะเป็นการผิดใจกับฉินซึ่งเทียน

“ถ้าหลังจากนี้เขาไปหาเธอ เธอก็ไม่ต้องไปสนใจ” ฉินซีกำชับ

อานหยันพยักหน้า

หลังจากที่ทั้งสองคนคุยกันไปได้สักพักอานหยันก็ขอตัวกลับ ฉินซีมองตามแผ่นหลังของเธอไปอย่างครุ่นคิด

ฉินซึ่งเทียนถึงขั้นติดต่อมาทางอานหยันแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า…ความจริงแล้วลู่เซิ่นลงมือแก้แค้นกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

ฉินซีไม่ได้รู้สึกเศร้าเกินไปนัก เพียงแค่ค่อนข้างแปลกใจที่ลู่เซิ่นทำแบบนี้

แต่ก่อนที่เธอจะมีโอกาสถามลู่เซิ่น เธอก็ได้รับอีเมลจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

เป็นอีเมลทำงานที่เป็นทางการ แจ้งให้ทราบว่าพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท ขอให้เธอเข้าร่วมการประชุมด้วย

ฉินซีเลิกคิ้วก่อนจะตอบกลับไปว่า “ยืนยันการเข้าร่วม”

การประชุมคณะกรรมการบริษัทจัดขึ้นที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ถึงแม้ว่าจะตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทลู่ซื่อมากนัก เรียกได้ว่าทางสะดวก ทว่าในตอนเช้าฉินซีกลับออกไปคนเดียว ไม่ได้ไปกับลู่เซิ่น

เพราะว่าลู่เซิ่นไม่เห็นด้วยกับการที่เธอจะไปเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริษัทในครั้งนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอพยายามใช้เหตุผล แล้วก็ยังให้หมอมาตรวจสุขภาพอีกครั้ง เพื่อรับรองว่าสุขภาพดีเหมือนเดิมแล้ว เธอเดาได้เลยว่าลู่เซิ่นจะต้องหาเรื่องจับขังเธอเอาไว้ในบ้านอย่างแน่นอน

นี่เป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากที่เธอขึ้นเป็นคณะกรรมการ ถ้าหากขาดการประชุมในครั้งนี้แล้ว ฉินซึ่งเทียนจะต้องหาเหตุผลมากมายมายื่นมติไม่ไว้วางใจเธออย่างแน่นอน

เธอยังสงสัยด้วยซ้ำว่าอาจมีเจตนาเปิดการประชุมนี้โดยเฉพาะ

ความปรารถนาที่จะควบคุมของลู่เซิ่นแข็งแกร่งเกินไป…

ฉินซีแบบตำหนิในใจ เธอไปที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปด้วยตัวเองโดยไม่ให้คนขับรถพาไป

เห็นได้ชัดว่าการประชุมคณะกรรมการบริษัทในครั้งนี้ไม่เหมือนกับการพูดคุยของผู้ถือหุ้นในครั้งก่อน ข้างนอกก็ไม่ได้มีพวกสื่อมวลชน

ฉินซีจอดรถที่ลานจอดรถตรงชั้นใต้ดินอย่างราบรื่น ขณะที่ประตูลิฟต์กำลังเปิด กลับต้องพบกับคนที่ไม่อยากจะพบมากที่สุด…หลี่เหวย

ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ได้มากับฉินซึ่งเทียน เธอฉินซีกวาดสายตาไปรอบ ๆ หลี่เหวยไม่ได้พาบอดี้การ์ดมาด้วย

เธอลอบคิดในใจอย่างชั่วร้ายว่า ถ้าเธอพุ่งเข้าไปตบหลี่เหวยตอนนี้หล่อนก็คงไม่สามารถต่อต้านเธอได้

ทว่าเธอก็ได้แค่คิด เธอไม่สามารถที่จะทำเรื่องพวกนี้จริง ๆ ได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท