Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 917

ตอนที่ 917

บทที่ 917 เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความขัดแย้งของผู้อื่น

ข้อมูลในมือของหซู่หนานเพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของทุกคน หลังจากที่เขาอธิบายสไลด์ไม่กี่นั้นหน้าจบ อารมณ์ของทุกคนที่จมอยู่กับการทะเลาะกันระหว่างฉินซีและฉินซึ่งเทียนก็ถูกดึงกลับมา

ไม่ได้เป็นเพราะเหตุผลอื่น แต่เป็นเพราะว่าถ้าหากข้อมูลที่หซู่หนานว่ามานั้นเป็นความจริงทั้งหมด อย่างนั้นแล้วสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ก็คงจะไม่สู้ดีนัก

สีหน้าของฉินซึ่งเทียนดำมืด เขาไม่รอให้คนอื่นพูดก็ชิงถามขึ้นมาก่อน “หซู่หนาน นายมั่นใจเรื่องข้อมูลในมือแล้วใช่ไหม”

หซู่หนานพยักหน้า “ผมให้สำนักงานสอบดูแล้ว สุดท้ายยังมีการลงนามโดยผู้ตรวจสอบบัญชี”

ฉินซึ่งเทียนสูดหายใจสองสามครั้ง ก่อนจะกลืนคำถามที่ติดอยู่ที่ปากกลับเข้าไป

ฉินซีมองเขาอย่างเย็นชา เดาได้เลยว่าเขาคงคิดจะตำหนิหซู่หนานว่าทำไมถึงได้เชิญคนมาตรวจสอบโดยพลการ

จุดจบที่ใกล้จะเข้ามาแล้วแท้ ๆ แต่กลับยังคิดจะเลียนแบบอูฐ ปิดหูปิดตาทำราวกับว่ามองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

ฉินซีเย้ยหยันในใจ

ปัญหาในข้อมูลที่ได้รับจากหซู่หนานนั้นนักหนาเกินไป ท้ายที่สุดจึงมีคนที่อดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ว่า “แต่ข้อมูลในรายงานประจำปีเมื่อปลายปีที่แล้วกับข้อมูลนี้จะต่างกันมากเกินไปหรือเปล่า…”

แต่เพราะว่าบรรยากาศภายในห้องประชุมเงียบเป็นอย่างมาก เสียงพึมพำนี้จึงไม่ต่างอะไรกับการพูดเสียงดังในที่สาธารณะ

ฉินซีเห็นสีหน้าที่ซีดขาวของฉินซึ่งเทียนแล้วก็เข้าใจได้ทันที

ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่นัก ถึงอย่างไรเธอก็ได้เห็นผลการตรวจสอบบัญชีอย่างเป็นทางการจากลู่เซิ่นตั้งนานแล้ว

ทว่าแค่อ่านเอกสารที่อยู่ในมือของหซู่หนานฉบับนี้ ก็พอจะเดาผลลัพธ์ของเรื่องนี้ออกได้เช่นกัน

แน่นอนว่าฉินซึ่งเทียนเป็นคนที่ปลอมแปลงข้อมูลทรัพย์สินของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

คนคนนั้นรู้สึกตกใจที่เหมือนว่าเขาจะพูดอะไรที่ไม่ควรออกมา จึงรีบปิดปากอย่างรวดเร็ว

แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดเหมือนกัน สีหน้าของพวกเขาจึงค่อนข้างที่จะดูไม่ได้

หากเรื่องการปลอมแปลงข้อมูลทรัพย์สินเป็นการกระทำแบบส่วนตัว ทุกคนก็ยังพอที่จะเปิดตาข้างปิดตาข้างได้ แต่ในเมื่อหซู่หนานเอามาพูดในที่ประชุม ทั้งยังซักไซ้ไล่เลียงปัญหานี้อย่างละเอียด แบบนี้แล้วไม่ว่าใครก็คงไม่สามารถล้างมลทินให้ตัวเองได้อย่างสะอาดหมดจด

แม้แต่ตัวหซู่หนานเองก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้

ทว่าสีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งเป็นอย่างมาก “เหตุผลที่ผมพูดเรื่องนี้ในที่ประชุมในวันนี้ ก็เพราะหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่าตอนนี้บริษัทของเรากำลังอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างจะวิกฤต ถ้าหากพวกเรายังทำเป็นไม่รู้อะไรเลยต่อไป เป็นไปได้ว่าอาจจะพลาดโอกาสในการกอบกู้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป… ”

ฉินซึ่งเทียนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาจึงพูดขัดจังหวะขึ้นมา “หซู่หนาน!นายเป็นแค่ผู้จัดการทั่วไป เรื่องการเติบโตของบริษัทในอนาคต ไม่จำเป็นที่จะต้องให้นายมาช่วยคิดพิจารณา!”

หซู่หนานหันไปมองฉินซึ่งเทียน “ผมเพียงแค่…”

“หุบปาก!” ฉินซึ่งเทียนตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ “ฉันหวังว่าทุกคนจะลืมสิ่งที่เห็นในวันนี้ทันทีที่เดินออกไปจากห้องประชุม”

ฉินซีอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเยาะเย้ยออกมา

นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่ไปคิดหาวิธีกอบกู้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป แต่ยังจะคิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อีก

โชคดีที่ฉินซึ่งเทียนกำลังอยู่ในอารมณ์โมโห เขาจึงไม่ได้เห็นสีหน้าของเธอ ไม่อย่างนั้นแล้วทั้งสองคนคงได้ทะเลาะกันต่ออีกสักยก

พวกกรรมการกลับไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา ทั้งยังพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ฉินซึ่งเทียนดื่มน้ำ พยายามบังคับให้ตัวเองกลับมาเยือกเย็นอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อว่า “ปัญหารายงานที่ผู้จัดการทั่วไปหซู่หนานพูดถึง พวกเราค่อยแก้ปัญหาด้วยการเปิดประชุมกับผู้รับผิดชอบหลัก ๆ เป็นการส่วนตัวอีกครั้งในภายหลัง”

หซู่หนานพยักหน้า

ฉินซีรู้สึกขบขัน

คนทั้งบริษัทเชื่อฟังความคิดเห็นของฉินซึ่งเทียนเพียงผู้เดียว ในเมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วเขาจะเปิดประชุมสืบหาอะไรไปทำไมอีก

ทำแบบนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการหาเวลามาจัดการแบบลวก ๆ

“เอาล่ะ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว เลิกประชุมได้ หซู่หนานรออยู่ที่นี่ก่อน ส่วนคนอื่นไปได้”

เพราะว่าถูกหซู่หนานเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ฉินซึ่งเทียนจึงจำเป็นต้องรีบปิดการประชุมโดยด่วน เขาไม่ได้มองฉินซีแม้แต่แวบเดียว

ฉินซียักไหล่ เพียงแต่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย

แต่ถึงอย่างไรสถานการณ์ในปัจจุบันก็ค่อนข้างที่จะสอดคล้องกับแผนของเธอ

ฉินซึ่งเทียนตั้งใจจะใช้บริษัทลู่ซื่อเพื่อทำเรื่องอะไรบางอย่าง เป็นอย่างที่เธอคาดไว้จริง ๆ ดังนั้นเธอจึงคิดที่จะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ กำจัดสิ่งน่ารังเกียจที่ฉินซึ่งเทียนทำมาตลอดหลายปีนี้ออกไป

ทว่าหซู่หนานกลับเข้ามาก่อกวนแผนการของเธอ

แต่ก็ยังดี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือความคาดคิดของหซู่หนานตรงกับจุดประสงค์เดิมของเธอ

เธอก็แค่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความขัดแย้งของผู้อื่น ไม่มีอะไรที่ไม่ดี

ส่วนของที่เธอมีอยู่ในมือก็…เอาไว้พูดในโอกาสหน้าก็แล้วกัน

นับได้ว่าการประชุมคณะกรรมการครั้งนี้เป็นไปอย่างชื่นมื่น ตอนที่ฉินซีเดินออกมาจากห้องประชุมก็รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

จนกระทั่งเธอพบหลี่เหวยที่หน้าขึ้นลิฟต์

“สมกับเป็นลูกสาวของเหยาหมิ่นจริง ๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถอาศัยผู้ชายได้ตลอด แล้วก็…มักมีคนต้องเสียเงินเปล่าเพื่อหนุนหลังเธอเสมอ”

หลี่เหวยมองอย่างดูถูก

ฉินซีเลิกคิ้ว

เมื่อกี้เธอยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมหลี่เหวยถึงไม่ปรากฏตัวในที่ประชุมคณะกรรมการ ดูแล้วเหมือนว่าเธออาจจะซ่อนตัวและแอบฟังอยู่ที่ไหนสักแห่ง

ฉินซีไม่คิดจะสนใจว่าหลี่เหวยจะเล่นลูกไม้อะไร เธอค่อนข้างดูถูกที่หลี่เหวยชอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนผีแบบนี้ จึงตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า “เรื่องอาศัยผู้ชายฉันเทียบคุณไม่ได้หรอกนะ”

“แก!” หลี่เหวยเธอลืมตาด้วยความโกรธ

“พอเถอะ” ฉินซีโบกมือ “ถ้าตอนนี้ฉันตบคุณอีกจะไม่มีใครช่วยออกหน้าให้คุณเอานะ คุณควรประหยัดเวลาเอาไว้ดีกว่า”

หลี่เหวยถูกกระตุ้นจนดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง ทว่าก่อนหน้านี้ที่เธอถูกฉินซีตบยังคงทิ้งเงามืดเอาไว้ในหัวใจ คล้ายกับว่ารู้สึกปวดจาง ๆ ที่แก้ม

ขณะที่ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกดังขึ้นมาจากไกล ๆ “ประธานหลี่!”

หลี่เหวยหันกลับมาหน้าอ่อนโยนอีกครั้ง มองไปยังคนที่มา “มีอะไรเหรอ”

พนักงานคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาทันที จากนั้นจึงค่อยเห็นว่าฉินซีเองก็ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ในเมื่อคำพูดถูกพูดออกมาแล้ว ก็ไม่ง่ายที่จะเก็บกลับเข้าไป เขาจึงทำได้เพียงลดเสียงลงแล้วพูดว่า “ประธานฉินกับผู้จัดการทั่วไปหซู่หนานยังอยู่ในห้องประชุม จึงให้คุณกับคุณฉินรีบตามมาเร็วเข้า”

เพียงแต่ว่าบริเวณด้านหน้าลิฟต์เงียบมาก แม้ว่าเขาจะลดเสียงลง แต่ฉินซีก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน

แน่นอนว่าเธอรู้ว่า “คุณฉิน” ที่พูดถึงนั้นไม่ได้หมายถึงเธอ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็น…ฉินหว่านสินะ

ในการเปิดประชุมคณะกรรมการบริษัท จะดีจะเลวยังไงหลี่เหวยก็ยังมีตำแหน่งในองค์กร มาเข้าร่วมประชุมก็ไม่ได้นับเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายอะไร แต่ฉินหว่าน…

ฉินซีเหลือบมองหลี่เหวยด้วยความสงสัย จึงพบว่าหลี่เหวยยังหันมามองเธอด้วยสายตาเย้ยหยันเข้าพอดี

“ในเมื่อประธานหลี่มีธุระต้องไปจัดการ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อเห็นหลี่เหวยกำลังจะอ้าปาก ฉินซีรู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะไม่ได้พูดเรื่องดี ๆ ออกมาแน่ แน่นอนว่าเธอจะไม่เปิดโอกาสให้หลี่เหวยได้เยาะเย้ย เธอยิ้มให้กับพนักงานคนนั้น ก่อนจะเชิดหน้าเดินเข้าไปในลิฟต์

เดิมทีหลี่เหวยคิดจะเยาะเย้ยที่ฉินซีมีปฏิกิริยาต่อคำว่า “คุณฉิน” ตัดใจจากตระกูลฉินไม่ลงใช่ไหมล่ะ เพราะว่ากลับถูกฉินซีขับขวางเอาไว้เสียก่อน คำพูดจึงเกือบจะติดอยู่ในลำคอ

“ประธานหลี่” เมื่อเห็นเธอยืนไม่ขยับอยู่นาน พนักงานคนนั้นเลยส่งเสียงเรียกเธออีกครั้ง

หลี่เหวยดึงสติกลับมา เก็บสีหน้าแล้วเดินไปทางห้องประชุม

ตอนที่ฉินซีเดินไปถึงลานจอดรถ เธอก็สามารถจัดระเบียบเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ได้แล้ว

หลี่เหวยไม่ได้อยู่ในห้องประชุม แต่อาจได้ยินเนื้อหาของการประชุมจากที่อื่น และฉินหว่านก็อยู่ในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

นั่นก็คงเป็นเพราะหลี่เหวยตั้งใจพาฉินหว่านมาทำความคุ้นเคยกับขั้นตอนการทำงานของกรรมการบริษัทอย่างแน่นอน จากนั้นก็ถือโอกาสทำความรู้จักกับพวกคณะกรรมการ

เจตนาแบบนี้มันง่ายมากที่จะถูกคนมองออก

…อยากจะขึ้นมาบนเรือผุ ๆ พัง ๆ อย่างบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจนอดใจไว้ไม่ไหวแล้วสินะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท