Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 920

ตอนที่ 920

บทที่ 920 ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของคุณ

ถึงอย่างทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนกันมานานหลายปี ทว่าตอนที่มอบหมายงานชิ้นนี้ให้กลับปกปิดบางอย่างเอาไว้ พอได้ยินแบบนี้แล้วก็ทำให้รู้สึกขัด ๆ หู

แต่ฉินซีก็เข้าใจอานหยัน เธอจึงไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการตำหนิออกมา เพียงแต่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “นับได้ว่ายังไม่สายเกินไปที่จะบอกความจริงฉันตอนนี้”

อานหยันกุมมือเธอไว้ “ถ้าอย่างนั้นเธอเลือกที่จะอยู่ต่อไหม”

ฉินซีรู้สึกสับสนเล็กน้อย “ฉัน…ยังมีสิทธิ์เลือกอีกอย่างนั้นเหรอ”

อานหยันพยักหน้าเบา ๆ “ก่อนหน้านี้ก็มีช่างภาพที่พอได้ยินเรื่องพวกนี้ก็เลือกที่จะจากไป ถึงยังไงงานข่าวกรองก็ไม่ได้เป็นงานที่อันตรายอะไรนัก เพียงแต่บางคน…ก็แค่ไม่ค่อยสนใจในด้านนี้ ดังนั้นหากตอนนี้เธอคิดที่จะปฏิเสธ ก็ยังสามารถได้รับการยอมรับ”

ฉินซีส่ายหัวอย่างเด็ดขาด“ ฉันเลือกที่จะทำต่อ”

อานหยันมองลึกเข้าไปในตาของเธอ ทันใดนั้นก็ถามขึ้นมาว่า “ทำไมล่ะ”

ฉินซีเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ถ้าฉันได้เป็นคนของหน่วยข่าวกรอง มีความเป็นไปได้ไหมที่จะสามารถใช้ข้อมูลของหน่วยข่าวกรองเพื่อสืบหาความจริงเรื่องที่แม่ของฉันถูกใส่ร้ายได้”

คราวนี้เปลี่ยนเป็นอานหยันที่เป็นฝ่ายนิ่งเงียบไป

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พยักหน้าเบา ๆ “ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้จะไม่มาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

ฉินซีรู้ดีว่าการที่เธอออกมาจากตระกูลฉิน แล้วยังต้องแบกหนี้สินเอาไว้มากมายแบบนี้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภายนอก ก็คงเป็นเรื่องยากจนเกินไปที่จะสืบหาข้อเท็จจริงทั้งหมดด้วยตัวเอง

ทั้งอานหยันยังคว้าโอกาสนี้มาประเคนให้เธอถึงมือ เธอจะพลาดมันไปได้อย่างไร

เธอใช้เวลาข้างในห้องมืดอยู่พักหนึ่ง หลังจากที่จัดเตรียมอุปกรณ์เสร็จแล้วก็ไม่ได้รีบออกไปทันที แต่นั่งลงแล้วใช้หลังพิงกำแพง

เธอต้องการเวลาสงบจิตใจสักหน่อย

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเธอช่วยอานหยันทำภารกิจไปไม่น้อย นับได้ว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของหน่วยข่าวกรอง ความปลอดภัยของภารกิจที่ได้รับนั้นสูงมาก แทบไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับการรักษาความลับเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับเครือข่ายของหน่วยข่าวกรอง เพื่อใช้มันตรวจสอบและลบล้างความผิดให้แม่ของเธอได้

จะพูดว่าไม่เสียดายเลยสักนิดก็คงเป็นไปไม่ได้

แต่ครั้งนี้ในที่สุดโอกาสก็มาถึง

เธอจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้ จำเป็นที่จะต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าโอกาสที่ได้รับมาอย่างยากลำบากนี้จะไม่สูญเปล่า

ข้างในห้องมืดไม่มีรูปภาพอยู่เลย มีเพียงแสงสีแดงสลัวจากโคมไฟ ฉินซีพิงกำแพงพลางขบคิด ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งอยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

คนที่โทรมาก็คือพ่อบ้าน

“คุณนาย เย็นวันนี้คุณจะรับอาหารที่บ้านหรือเปล่า”

ฉินซีตกใจทันทีที่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว เดาว่าพ่อบ้านเห็นเธอกลับมาแล้วแต่ว่าดันหาตัวเธอไม่เจอ ก็เลยตั้งใจโทรศัพท์มา

ฉินซีลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ฉันจะทานที่บ้านค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้”

แต่พอเธอเดินมาถึงห้องอาหาร ก็พบว่าลู่เซิ่นกลับมาแล้ว

พอเห็นว่าฉินซีหยุดเท้า ลู่เซิ่นก็เงยหน้ามอง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า “นั่งลง”

ฉินซีเดินต่ออีกไม่กี่ก้าวก็ถึงที่นั่งของตัวเอง ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงอะไรบางอย่างที่เกือบจะลืมไปแล้วได้ ลู่เซิ่นส่งคนไปติดตามเธอ

แรงกระแทกที่เธอสามารถเข้าไปสืบหาความจริงในโรงแรมมีนั้นมากจนเกินไป เธอจึงโยนเรื่องนี้ออกจากสมองไปชั่วขณะ

เธอพบว่ามีเปลวไฟเล็ก ๆ พ่นออกมาจากหัวใจตอนที่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกติดตาม ดังนั้นเธอจึงถามตรง ๆ อย่างไม่พิรี้พิไร “คุณส่งคนไปติดตามฉันอย่างนั้นเหรอคะ”

ลู่เซิ่นได้รับรายงานที่ว่าฉินซีพบร่องรอยของพวกเขาจากพวกบอดี้การ์ดนานแล้ว ดังนั้นสีหน้าของเขาจึงสงบนิ่งเป็นอย่างมาก ยังพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่”

ฉินซีไม่คิดเลยว่าเขาจะยอมรับง่าย ๆ แบบนี้ บนหน้าไม่มีความสำนึกเสียใจสักนิด จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดังว่า “ทำไมคุณถึงต้องส่งคนไปคอยตามฉันด้วย”

“เธอเป็นภรรยาของฉัน” ลู่เซิ่นวางตะเกียบลง สีหน้าของเขาค่อนข้างที่จะเย็นเยียบ “ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องเธอ”

ฉินซียิ้มเยาะ “ฉันไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของคุณ ฉันต้องการความเป็นส่วนตัวของตัวเอง”

ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก คล้ายกับกำลังพยายามระงับโทสะของตัวเองอยู่ “เธอเพิ่งถูกทำร้ายมา ฉันก็แค่อยากให้เธอปลอดภัย”

ฉินซีหรี่ตาลงแล้วกล่าวว่า “ฉันซาบซึ้งในความกรุณาของคุณ แต่…รบกวนว่าหากครั้งต่อไปคุณคิดจะทำเรื่องแบบนี้อีกอย่างน้อยก็บอกฉันก่อน ไม่มีใครที่อยากจะให้ตัวเองถูกติดตามโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงหรอกนะ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว สีหน้าดำมืด “ นี่เธอกำลังต่อว่าฉันอย่างนั้นเหรอ”

ฉินซีเห็นเขามีสีหน้าไม่พอใจ ก็รู้ได้ทันทีว่าลู่เซิ่นไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงโกรธ ที่แท้คนที่เติบโตมาในตระกูลลู่ คิดอยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเอง เคยลองคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้างหรือเปล่า

ในเมื่อพูดกันไม่รู้เรื่อง ก็อย่าเสียเวลาต่อไปจะดีกว่า

ฉินซีส่ายหน้า “เปล่าค่ะ กินข้าวกันเถอะ”

พูดจบก็ไม่ได้หันไปมองลู่เซิ่นอีก เอาแต่ก้มหน้ากินข้าวอย่างตั้งใจ

คำพูดของลู่เซิ่นถูกทำให้ติดอยู่ในลำคอ เขาพยายามอดกลั้นอยู่นาน ก่อนจะแค่นเสียงหึหนัก ๆ แล้วจับตะเกียบกินข้าวต่อ

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นขึ้น แต่ฉินซีไม่สนใจ

งานแรกของเธอตอนนี้คือการตรวจสอบ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ล้วนถูกจับไปไว้ข้าง ๆ ดังนั้นเรื่องที่ลู่เซิ่นจะโมโหอยู่หรือไม่นั้น สำหรับเธอแล้วตอนนี้ไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ดังนั้นเธอจึงรีบทานอาหารให้เสร็จและกลับไปที่ห้องมืด

กว่าเธอจะทำทุกอย่างเสร็จก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว

ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจพลางเดินเข้าไปในห้องนอน ทันทีที่เปิดประตู ก็ปะทะเข้ากับลู่เซิ่น

ความจริงแล้วฉินซีไม่ได้เอาเรื่องที่ทะเลาะกับลู่เซิ่นมาใส่ใจเลยสักนิด แต่พอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของเขาแล้ว เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเหมือนพวกเราจะกำลังทะเลาะกันอยู่

ดังนั้นเธอจึงลดการแสดงสีหน้า เดินไปอีกด้าน เตรียมตัวจะเข้าไปในห้องน้ำ

ทว่าลู่เซิ่นกลับขวางเธอเอาไว้

ฉินซีก้มหน้า พบว่าเขาถือนามบัตรใบหนึ่งเอาไว้ในมือ

“อะไรคะ”

เธอหันไปถามลู่เซิ่น

น้ำเสียงของลู่เซิ่นยังคงแข็งกร้าว “ถ้าเธอมีเรื่องเร่งด่วนแล้วติดต่อฉันไม่ได้ก็ให้ไปหาเขา เขาเป็นพี่น้องที่สนิทที่สุดของฉัน”

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็รับนามบัตรมาจากเขา

นามบัตรใบนี้เรียบง่ายมาก ข้างบนมีตัวอักษรสองตัวเขียนเอาไว้ว่า “หลินยี่” แล้วก็ตามด้วยเบอร์โทรศัพท์

ฉินซีค่อนข้างที่จะสับสน “แล้วทำไมฉันจะต้องไปหาเขาละคะ”

ลู่เซิ่นอ้าปาก แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอธิบายยังไง

เขารู้ว่าอานหยันเป็นคนของหน่วยข่าวกรอง เป็นธรรมดาที่จะรู้ว่าตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ฉินซีได้ช่วยอานหยันทำงานไปไม่น้อย

ดูจากสถานการณ์ที่พวกบอดี้การ์ดรายงานให้เขาฟังในวันนี้ อานหยันรีบเรียกตัวฉินซีออกไป ทั้งฉินซียังกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เป็นไปได้มากว่าจะต้องเป็นเพราะมี ‘ภารกิจ’ แล้วแน่ ๆ

การทำงานกับหน่วยข่าวกรองไม่มีความเสี่ยงเลยสักนิด ก่อนหน้านี้ลู่เซิ่นมักจะรู้สึกว่าตัวเองสามารถที่จะปกป้องฉินซีได้ แต่หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่เซิ่นถึงได้ตระหนักว่าตัวเองอาจจะยังดูแลเธอได้ไม่ดีพอ จึงต้องให้เธอจำชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ของหลินยี่ไว้ จะได้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่หาคนมาช่วยเหลือไม่ได้

แต่ถ้าหากเขาอธิบายเรื่องนี้ออกมา เรื่องที่เขาแอบสืบเรื่องของฉินซีกับอานหยันจะต้องถูกฉินซีค้นพบอย่างแน่นอน

เขารู้ได้ทันทีว่าฉินซีจะต้องโกรธมากแน่ ๆ

ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เพิ่มน้ำเสียงลงไป “เธอจำเอาไว้ก็พอ”

ฉินซีรู้สึกได้ราง ๆ มีบางอย่างผิดปกติ แต่วันนี้เธอกับเขาทะเลาะกันไปยกนึงแล้ว ลู่เซิ่นยอมพูดก่อน ก็นับได้ว่ายอมก้มหัวอ่อนข้อให้ก่อนแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท