Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 927

ตอนที่ 927

บทที่ 927 จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ถือสาอะไรเลย

ตอนที่ฉินซีกลับมาถึงรีสอร์ทชิงหยวน ทันใดนั้นก็รู้สึกทอดถอนใจ

แม้หลายวันมานี้ตอนที่อยู่บ้านของอานหยันจะค่อนข้างสบาย แต่ถึงอย่างไรก็เป็นบ้านคนอื่น ฉินซีมักมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นแขกอยู่เสมอ

พอตอนนี้ได้เห็นรีสอร์ทชิงหยวน ก็มีความรู้สึกสบายใจที่ได้กลับมาอยู่ที่บ้านของตัวเองแล้วจริง ๆ

ฉินซีลงจากรถ คนรับใช้เข้ามารับกระเป๋าเดินทาง พ่อบ้านเองก็ยืนรออยู่ที่ข้าง ๆ รถแล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “คุณนายกลับมาทันเวลาพอดี ประธานลู่เองก็เพิ่งจะกลับมาเหมือนกันครับ”

ฉินซีชะงักเล็กน้อย

ไม่ใช่ว่าลู่เซิ่นต้องไปทำงานหนึ่งสัปดาห์หรอกเหรอ นี่เพิ่งจะกี่วันเองทำไมเขาถึงได้กลับมาแล้วล่ะ

ตอนที่เธอเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ก็พบเข้ากับลู่เซิ่นอย่างที่คิดไว้

ลู่เซิ่นสวมชุดกันลมตัวยาวนั่งอยู่บนโซฟา อาจจะเพิ่งกลับมาเลยยังไม่มีเวลาถอดเสื้อนอกออก

ถึงแม้ว่าเสื้อตัวนอกของเขาจะปรากฏรอยยับเพิ่มแค่เพียงเล็กน้อย แต่ฉินซีก็สังเกตเห็นถึงความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเขา

เมื่อคิดดูดี ๆ แล้วทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานมาก

ลู่เซิ่นไม่ได้โทรมาหาเธอเลยตั้งแต่ที่วางสายโทรศัพท์ไปอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุวันนั้น

ส่วนฉินซีเองก็กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการสืบสวน เป็นธรรมดาที่จะไม่มีกะจิตกะใจไปโทรศัพท์หาลู่เซิ่น

เธอไม่สนใจจะถามว่าทำไมเขาถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้ เพียงแค่พยักหน้าให้เขาอย่างเรียบง่าย

ตอนที่เธอกำลังหมุนตัวเดินกลับขึ้นไปข้างบน ถึงได้พบว่ามีคนยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่เซิ่น

…สูหวั่น

สูหวั่นถือกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเอาไว้ในมือ ใบหน้าของเธอดูเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล

ฉินซีมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นหลินหยัง

เธอถึงเลิกคิ้วอย่างค่อนข้างที่จะประหลาดใจ

แต่ดูเหมือนสูหวั่นจะไม่ได้สังเกตถึงสายตาของเธอเลยแม้แต่น้อย เอาแต่ก้มหน้ายืนอยู่ข้าง ๆ ลู่เซิ่น ทำให้มองไม่เห็นสีหน้า

ฉินซียักไหล่เล็กน้อย เธอไม่ได้หยุดอยู่ที่ห้องนั่งเล่นต่อ แต่ก้าวเท้าเดินขึ้นไปด้านบน

เป็นธรรมดาที่ในตระกูลลู่จะมีคนคอยช่วยเธอจัดสัมภาระ ฉินซีจึงนำข้อมูลที่เธอสืบค้นมาได้ในช่วงสองสามวันนี้ไปเก็บไว้ในห้องมืด จากนั้นก็วางแผนจะกลับไปที่ห้อง

คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่หันหลังจะพบสูหวั่นยืนอยู่ตรงหน้าบันได

เดิมทีเธอคิดว่าสูหวั่นจะไปหาลู่เซิ่นที่ห้องหนังสือ ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็นับได้ว่าเป็นผู้ช่วยของลู่เซิ่น ไปพบเขาด้วยเรื่องงานก็เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก

คิดไม่ถึงว่าเธอเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้ว สูหวั่นกลับไม่แม้แต่จะขยับ ดูเหมือนว่าจะตั้งใจดูแลทางเดินหน้าบันไดเป็นพิเศษ ไม่คิดจะไปไหนทั้งนั้น

ฉินซีงุนงงเล็กน้อย แต่ที่ที่สูหวั่นยืนอยู่เป็นเส้นทางที่เธอจำเป็นต้องใช้เดินกลับไปที่ห้องนอน เธอเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ทั้งสองคนก็เกือบจะชนกันเข้าพอดี

เธอทำได้เพียงหยุดเดินแล้วพูดเตือนขึ้นมาว่า “ผู้ช่วยสู”

ความหมายเดิมของเธอก็คือต้องการจะให้สูหวั่นหลีกทาง คิดไม่ถึงเลยว่าสูหวั่นจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาของฉินซีตรง ๆ “ ฉินซี ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับเธอ”

โอเค ที่แท้เป้าหมายก็เป็นเธอนี่เอง

ฉินซีเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ไม่มีแรงและไม่มีอารมณ์ที่จะตั้งใจฟังเรื่องของสูหวั่น จึงพูดออกมาเสียงเบาว่า “คิดว่าพวกเราสองคนไม่มีอะไรต้องพูดกัน…”

“เธอไม่ได้รักลู่เซิ่น ถูกไหม” สูหวั่นถามคำถามที่ชวนประหลาดใจขึ้นมาโดยไม่สนใจคำปฏิเสธของเธอ

ฉินซีขมวดคิ้วเบา ๆ “ฉันจะรักเขาหรือไม่รักแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ”

สูหวั่นกัดริมฝีปาก น้ำเสียงของเธอแขวงไปด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “ในเมื่อเธอไม่ได้รักเขา ก็หย่ากับเขาซะสิ การที่เธอสองคนอยู่ด้วยกันมันทำให้คุณหญิงลู่ไม่มีความสุข…”

เสียงพูดของเธอเบาลงเรื่อย ๆ ตอนหลัง ๆ ก็ดูเหมือนจะพูดออกมาฉอด ๆ อย่างตื่นเต้น ฉินซีหรี่ตาลง ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องที่เคยได้ยินในบ้านตระกูลลู่ออกมาได้

ดังนั้นที่สูหวั่นมาอยู่ข้างกายของลู่เซิ่นแบบนี้ ก็เพราะคุณหญิงลู่คิดจะใช้ประโยชน์จากเธอในการแยกลู่เซิ่นกับฉินซีออกจากกัน

ทว่าเป้าหมายของคุณหญิงลู่ไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จ เธอยังจำเป็นต้องถูกผูกมัดอยู่ข้างกายลู่เซิ่น

ดังนั้นการที่เธอวิ่งเข้ามาพูดเรื่องพวกนี้กับฉินซีโดยตรงแบบนี้ ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากความคาดหมาย

ลู่เซิ่นบอกว่าสูหวั่นแทบจะไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดที่อยู่ในมือของคุณหญิงลู่ ฉินซีมองหล่อนด้วยสายตาเย็นชา สามารถที่จะรับรู้ได้จริง ๆ

แต่เธอไม่ชอบใช้ฐานะที่เหนือกว่าไปตัดสินคนอื่น เธอไม่เข้าใจเรื่องของสูหวั่นเลยแม้แต่สักนิดเดียว ดังนั้นการที่ไปรู้สึกว่าเธอน่าสงสารหรือน่าสมเพชก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม

เธอจึงทำได้เพียงแค่ส่ายหน้า “ขอโทษที”

เธอหย่ากับลู่เซิ่นไม่ได้ อย่างน้อยก็อีกพักหนึ่ง

เธอยังคืนเงินที่ติดค้างเขาไว้ไม่ครบ นอกจากนี้เธอยังมีเรื่องในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปที่ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นอีกมาก

เดิมทีการแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เธอยังไม่ได้รับประโยชน์ที่ควรได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถยุติเรื่องนี้ได้

สูหวั่นเงยหน้ามองเธอทันที “เธอไม่ยอมอย่างนั้นเหรอ เธอรู้ไหมว่าตอนที่ลู่เซิ่นเดินทางไปทำธุรกิจ ฉันคอยอยู่ข้างกายเขาตลอด”

ฉินซีเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาแล้ว

สูหวั่นคิดถึงทำให้เธอกับลู่เซิ่นหวาดระแวงใจกันอย่างนั้นเหรอ ถ้าเปลี่ยนเป็นคู่สามีภรรยาปกติ การที่สามีเดินทางไปทำธุรกิจตั้งหนึ่งอาทิตย์ ทั้งยังพาผู้ช่วยเพศตรงข้ามที่ยังโสดอยู่ไปด้วย คนเป็นภรรยาจะพูดว่าไม่โกรธก็คงเป็นไปไม่ได้

แต่เธอกับเขาเป็นสามีภรรยาปกติกันเสียที่ไหน

ยิ่งไปกว่านั้นฉินซียังรู้ดีว่าเรื่องที่สูหวั่นทำล้วนมีคุณหญิงลู่อยู่เบื้องหลัง เธอเป็นคนดื้อรั้น คุณหญิงลู่ดูถูกเธอ อยากจะแยกเธอออกจากลู่เซิ่น เธอก็ยิ่งไม่อยากที่จะให้คุณหญิงลู่ประสบความสำเร็จ

สูหวั่นคิดจะใช้เรื่องนี้มากระตุ้นเธอ แต่มันไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว

“ผู้ช่วยสู” ฉินซีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขอบคุณที่คอยดูแลสามีของฉันตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่ถ้าคุณต้องการความดีความชอบ เกรงว่าคุณก็ไม่ควรมาหาฉัน”

เมื่อเห็นว่าฉินซีไม่มีได้ท่าทีจะใส่ใจจริง ๆ ใบหน้าของสูหวั่นก็เผยร่องรอยของความประหลาดใจ

ฉินซีไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะโต้เถียงอะไรกับเธอต่อ จึงเดินผ่านเธอแล้วตรงไปที่ห้องนอน

สูหวั่นมองตามแผ่นหลังของเธอไปด้วยแววตาชั่วร้าย

ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องอะไร ตอนที่ฉินซีอาบน้ำเสร็จ นอนลงไปบนเตียง ขณะกำลังใกล้จะหลับนั้น เขาก็เปิดประตูเข้ามา

ดูเหมือนเขาจะไม่คิดว่าฉินซีจะนอนเร็วขนาดนี้ จึงเปิดไฟดวงที่สว่างที่สุดในห้องนอน

ฉินซีถูกแสงไฟแยงตาลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย แล้วพูดด้วยความงุนงงว่า “มีอะไรคะ”

ลู่เซิ่นเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความง่วงงุนของเธอ จึงหรี่ไฟลงแล้วถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ไม่มีอะไร นอนต่อเถอะ”

เขาเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ แต่เสียงน้ำไหลที่ดังออกมากลับทำให้สติของฉินซีค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้น

ตอนที่ลู่เซิ่นเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็พบว่าเธอกำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสืออยู่

“สูหวั่นไปหาเธอหรอ” ลู่เซิ่นถามไปพลางเช็ดผมไปพลาง

รีสอร์ทชิงหยวนมีคนรับใช้อยู่เป็นจำนวนมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความลับใด ๆ ฉินซีจึงพยักหน้ายอมรับอย่างไม่คิดจะปิดบัง “ใช่ค่ะ”

“เดิมทีฉันก็ไม่ได้พาเธอไป แต่พาหลินหยังไปด้วยต่างหาก สูหวั่นซื้อตั๋วบินตามไปเอง ทำตัวหน้าด้านหน้าทนเกาะติดอยู่ในกลุ่มถึงห้าวัน” ลู่เซิ่นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของฉัน ผู้หญิงคนนั้นจะกล้าทำเรื่องแบบนี้เสียที่ไหน”

ฉินซีเปิดหนังสือไปอีกหน้า ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมา

ลู่เซิ่นวางผ้าขนหนูในมือลง เดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดอยู่ข้างกายฉินซี ยื่นมือออกไปเชยคางเธอขึ้นมา “ทำไมหลายวันมานี้เธอถึงได้ไม่ติดต่อกลับมาหาฉันเลย”

ฉินซีเบี่ยงศีรษะออกเล็กน้อย คิดจะหลบให้พ้นมือของเขา “ฉันยุ่งมาก”

ทว่าลู่เซิ่นกลับไม่ให้โอกาสเธอ เขาบีบคางเธอเอาไว้แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “ยุ่งจนไม่มีเวลาโทรหาฉันเลยอย่างนั้นเหรอ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท