Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 914

ตอนที่ 914

บทที่ 914 ประหลาด ๆ

เนื่องจากยังเป็นเวลาเช้าอยู่ ที่ลานจอดรถจึงไม่มีคนอื่นอยู่เลย ฉินซีมองไปรอบ ๆ ชัดเจนแล้วว่าเธอจะต้องขึ้นลิฟต์ตัวนี้ไปพร้อมกับหลี่เหวยเพียงลำพัง

เธอรู้สึกไม่ยินยอมเล็กน้อย

ไม่ใช่เพราะว่าเธอกลัวหลี่เหวย เพียงแต่รู้สึกเบื่อ

หลี่เหวยกับฉินซึ่งเทียนไม่ต่างอะไรกับผีเน่าโลงผุ ทั้งสองคนมีนิสัยและบุคลิกที่คล้ายกันมาก โดยเฉพาะเรื่องการชอบเล่นลูกไม้ หรือการทำเลว ๆ

และสิ่งที่ฉินซีรังเกียจที่สุดคือการทำอะไรแบบนั้น

ทว่าเธอไม่ทันได้มีโอกาสถอยไปรอลิฟต์ตัวถัดไป…เพราะหลี่เหวยมองเห็นเธอแล้ว

“ฉันก็ว่าอยู่ว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นคุณนายลู่นี่เอง”

ทันทีที่หลี่เหวยเปิดปากก็พ่นอะไรประหลาด ๆ ออกมา

พยักหน้าอย่างเย็นชา

เธอไม่คิดจะสนใจเจ้าหล่อนแม้แต่น้อย ราวกับว่าหลี่เหวยเป็นเพียงก้อนโคลนใต้เท้าเธอ

หลี่เหวยกัดฟันแน่นทันทีที่เห็นสีหน้าเหยียดหยามของเธอ แต่ก็คิดว่าอีกเดี๋ยวก็จะเริ่มประชุมแล้ว จึงข่มอารมณ์แล้วกลืนคำพูดทั้งหมดลงไป

เมื่อคนสองคนเข้าไปในลิฟต์ ฉินซีก็เดินไปที่ตำแหน่งทางด้านหลังอย่างระมัดระวัง หลี่เหวยเป็นคนกดปุ่มเลือกชั้น จึงรู้สึกว่าตนเองถูกฉินซีปฏิบัติเหมือนเป็นคนรับใช้ เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว “อย่างที่คิดไว้จริง ๆ พอได้เป็นคุณนายลู่นาน ๆ เข้าแล้ว มารยาทก็ลืมไปหมดแล้วสินะ”

ฉินซีเหลือบมองเธอแล้วหัวเราะเบา ๆ

“เธอพูดเรื่องมารยาทกับฉันอย่างนั้นเหรอ ฉันก็แค่รู้สึกว่าเธอมีค่าพอแค่กดลิฟต์ให้ฉันก็เท่านั้น ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมนี่ ”

“แก!” หลี่เหวยกับฟัน ตอนที่เธอกำลังจะพูดอะไรประตูลิฟต์ก็ค่อย ๆ เปิดออก

“เก็บทักษะการเล่นละครของคุณเอาไว้ก่อนเถอะ อีกสักพักค่อยเอาออกมาแสดง”

ฉินซีพูดออกมาอย่างเย็นชาพลางก้าวเท้าเดินออกจากลิฟต์

ข้างในห้องประชุมมีคนนั่งอยู่ไม่น้อยแล้ว

ตอนที่ฉินซีเปิดประตูเข้ามา ทันใดนั้นภายในห้องก็เงียบลงไปชั่วขณะ

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เธอ

เธอไม่แม้แต่จะรู้สึกกลัว ทั้งยังมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างเปิดเผย

ในกลุ่มคณะกรรมการมีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อย คุณป้ากับคุณลุงที่จ้างคนมาลักพาตัวเธอไปเมื่อไม่กี่วันก่อนก็นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างหน้าด้าน ๆ

เมื่อเห็นฉินซีเดินเข้ามาแล้ว ทั้งสองคนก็หันไปสบตากัน จากนั้นก็ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าแฝงไปด้วยความหวาดผวา

แม้แต่คนประเภทนี้ก็ยังมีอยู่ในกลุ่มคณะกรรมการ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนนี้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปถึงได้ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้

ฉินซีแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นพวกเขา จากนั้นก็นั่งลงบนที่นั่งว่างอีกด้านหนึ่ง

บรรยากาศในห้องประชุมดูเหมือนจะเย็นลง

ฉินซีไม่สนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกอึดอัดอย่างไร เธอเอาแต่ก้มหน้าเปิดโทรศัพท์

หลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่งเธอก็ส่งข้อความหาลู่เซิ่น

“ฉันมาถึงบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปโดยสวัสดิภาพ”

หลังจากที่เธอส่งข้อความเสร็จถึงได้รู้สึกตัวว่าความจริงแล้วตัวเองไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้เลย

ทว่าข้อความถูกส่งออกไปแล้ว จะกดลบก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉินซีไม่ใช่คนที่ชอบเสแสร้งทำตัวว่าตัวเองเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป จึงกดปิดเสียงแล้วนำมันกลับไปวางบนโต๊ะ

มีการเคลื่อนไหวที่บริเวณประตู

เมื่อเห็นคนที่เข้ามาแล้วพวกคณะกรรมการต่างก็ลุกขึ้นกล่าวทักทาย “ประธานฉิน”

ทว่าฉินซีกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองไม่ยอมขยับพลางจ้องมองทุกคนอย่างเย็นชา

เมื่อมองเห็นท่าทีประจบประแจงของคนพวกนี้แล้ว ฉินซีก็เดาได้ทันทีเลยว่าบรรยากาศปกติภายในบริษัทเป็นอย่างไร

แต่เธอไม่คิดจะเป็นหนึ่งในนั้นหรอกนะ

ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าลงและตั้งสมาธิกับการเล่นปากกาในมือ

ด้วยเหตุนี้การเคลื่อนไหวของเธอจึงโดดเด่นเป็นอย่างมาก

ฉินซึ่งเทียนขมวดคิ้วพลางกวาดตามอง จึงมองเห็นฉินซีที่นั่งอยู่บนที่นั่งอย่างไม่รู้จักมารยาท

เธอก้มศีรษะลงเพื่อเล่นกับปากกาในมืออย่างตั้งใจ และดูเหมือนว่าจะสนใจปากกาด้ามนั้นมากกว่าเขาเสียอีก

และเขายังรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่มองเขาสลับกับมองฉินซี

การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งก่อนเขาถูกฉินซีหักหน้ากลางสาธารณชน ถึงแม้ว่าครั้งนั้นทุกคนจะแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่ในใจของพวกเขาจะต้องกำลังแอบรอชมเรื่องสนุกอย่างแน่นอน

ดูสิว่าเขาจะถูกฉินซีตบหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือว่าท้ายที่สุดแล้วจะสามารถกลับมาอย่างสง่าผ่าเผย

ฉินซึ่งเทียนมองว่าหน้าตาใหญ่กว่าท้องฟ้ามาตลอด สิ่งที่เขารับไม่ได้ที่สุดก็คือการถูกคนอื่นดูถูก เขาก็กระแอมเบา ๆ วางแผนจะให้ทุกคนตำหนิฉินซี ทว่ากลับถูกฉินซีแย่งชิงหัวข้อสนทนาไป

“นี่เป็นครั้งแรกในการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการของฉัน ฉันไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ที่แท้การเปิดประชุมคณะกรรมการก็เหมือนกันกับการเปิดประชุมชั้นเรียนสมัยประถม ไม่ต่างอะไรกันเลยสินะ” ฉินซียิ้มแล้วมองไปรอบ ๆ “หลังจากที่คุณครูประจำชั้นเข้ามา ทุกคนก็ต้องยืนขึ้นทำความเคารพ”

ประโยคคำถามนี้นับรวมทุกคนที่อยู่ในที่นี้ไปด้วย เธอไม่กลัวว่าจะต้องผิดใจกับใครทั้งนั้น ยังคงมองทุกคนด้วยรอยยิ้ม

ฉินซึ่งเทียนถูกดักทางจนพูดไม่ออก เขาจึงรีบเดินไปประจำตำแหน่งของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดไมโครโฟน “เริ่มประชุมได้”

ฉินซีเหลือบมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าหลี่เหวยไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงรู้สึกอดสงสัยไม่ได้

เธอไม่เชื่อว่าหลี่เหวยจะยอมพลาดโอกาสนี้ แต่เธอไม่รู้ว่า..แท้จริงแล้วในผลน้ำเต้าของหลี่เหวยใส่ยาอะไรลงไปกันแน่

เธอคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ก็เลยถือโอกาสทำใจให้สงบแล้วหันกลับไปตั้งใจฟังคำพูดของฉินซึ่งเทียน

ตามกระบวนการแล้ว ในฐานะประธานกรรมการฉินซึ่งเทียนควรจะแนะนำฉินซีที่เพิ่งเข้ามาใหม่ให้ทุกคนรู้จัก แต่เขากลับข้ามขั้นตอนนี้ไปโดยไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่

ฉินซีเองก็ไม่ได้ใส่ใจ ถึงอย่างไรในที่นี้ก็ไม่มีใครฉันไม่รู้จักเธอ

“ความจริงแล้วในไตรมาสนี้บริษัทกำลังพบกับปัญหาบางอย่าง” ฉินซึ่งเทียนชี้ไปที่จุดหักมุมบนจอโปรเจคเตอร์ “แต่ความยากลำบากนี้ไม่ใช่ว่าจะจัดการไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ เธอว่าอย่างนั้นไหมฉินซี”

ฉินซีที่อยู่ ๆ ก็ถูกเรียกชื่อเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์อย่างนั้นเหรอ”

ฉินซึ่งเทียนยกยิ้มเย็นชา “บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทที่รับผิดชอบการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ หลายสิบปีมานี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัทลู่ซื่ออย่างใกล้ชิดสนิทสนม บริษัทลู่ซื่อใช้ช่องทางทางการค้าที่แข็งแกร่งเปิดช่องทางการค้าขายให้กับพวกเราไม่น้อย ทว่าในไตรมาสนี้บริษัทลู่ซื่อที่เซ็นสัญญาร่วมมือกับพวกเรามาอย่างยาวนานกลับปฏิเสธที่จะต่อสัญญา”

ความหมายที่แอบซ่อนอยู่ในคำพูดของเขาก็คือเรื่องที่บริษัทลู่ซื่อไม่ต่อสัญญานั้นเกี่ยวข้องกับฉินซี

ฉินซึ่งเทียนมองฉินซีที่ไม่ปรากฏอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้าก็ลอบกัดฟันแน่น

ตั้งแต่ฉินซีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาก็ไม่สามารถติดต่อกับฉินซีกับลู่เซิ่นได้ เขาทำแม้กระทั่งไปพบกับเพื่อนของฉินซี แต่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำให้เขาติดต่อกับฉินซีได้

หลังจากที่เสียเงินกู้ก้อนนั้นไป ฉินซึ่งเทียนก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าลู่เซิ่นจะต้องตอบโต้อย่างดุเดือดเพื่อเป็นการต้อนรับ คิดไม่ถึงเลยว่าลู่เซิ่นจะไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง ทว่าหลังจากที่สัญญาสิ้นสุดลง กลับโทรศัพท์มาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่าจะไม่ต่อสัญญาแล้ว

การสูญเสียการร่วมมือเหล่านี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่การลงมือช้า ๆ จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันทีต่างหากที่ทำให้เขาทุกข์ใจ

ฉินซึ่งเทียนคิดว่าตัวเองเข้าใจการวางตัวของลู่เซิ่นดี นี่ไม่ใช่วิธีการแก้แค้นของเขาอย่างแน่นอน

เขาอกสั่นขวัญแขวนอยู่นาน แต่พอพบว่าอีกฝ่ายไม่แก้แค้นแล้ว ฉินซึ่งเทียนจึงรู้สึกโล่งใจ

เขาไม่รู้ว่าลู่เซิ่นทำแบบนี้เพราะอะไร ทั้งยังก็ขี้เกียจที่จะเดาแล้ว

ถ้าไม่ใช่ฝีมือของลู่เซิ่น ก็ต้องเป็นความตั้งใจของฉินซี

ในเมื่อเป็นความคิดของฉินซี ถ้าอย่างนั้นฉินซึ่งเทียนก็ไม่รู้สึกกลัวแล้ว ต่อมาที่เขาพยายามติดต่อฉินซี ก็เพราะอยากจะเตือนเธอว่าเลิกก่อเรื่องได้แล้ว

ดังนั้นฉินซึ่งเทียนจึงตั้งใจเน้นย้ำเรื่องนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่เพื่อที่จะฉีกหน้าของฉินซีเท่านั้น ยังต้องการทำให้คณะกรรมการทุกคนในที่ประชุมรู้ว่าฉินซีไม่ใช่คณะกรรมการที่จะคิดเพื่อประโยชน์ของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

ถึงแม้ว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นจะลงมติให้เธอเข้า แต่การประชุมคณะกรรมการก็มีวิธีที่จะทำให้เธอออกไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท