Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 929

ตอนที่ 929

บทที่ 929 ถึงดีอย่างไรก็ไม่ใช่ที่ของฉัน

ไม่กี่วันต่อมาฉินซีเกือบลืมไปรสชาติของช่วงเวลาที่พยายามทำงานอย่างหนักตอนอยู่บ้านของอานหยันเมื่อหลายวันก่อนไปแล้ว ทันใดนั้นอานหยันก็โทรศัพท์เข้ามา

“บ่ายสามโมงของวันมะรืน”

น้ำเสียงของเธอจริงจังเป็นอย่างมาก ฉินซีเข้าใจได้ในทันทีว่าในที่สุดภารกิจก็ได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว

“เดี๋ยวฉันจะส่งแผนการที่เป็นรูปธรรมไปให้เธอ ดูเสร็จก็จำเอาไว้ให้ดี ลบเอกสารทั้งหมดทิ้งไปด้วย แล้วก็ยังมีบางอย่างที่ต้องชี้แจง ไว้ฉันค่อยบอกตอนที่ไปหาเธอวันพรุ่งนี้”

ฉินซีถูกน้ำเสียงนั้นของเธอทำให้รู้สึกเอาจริงเอาจังขึ้นมาด้วย จึงพยักหน้าแล้วตอบกลับไป “ฉันเข้าใจแล้ว”

อานหยันไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เธอวางสายไปอย่างรวดเร็ว

ฉินซีถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือ ปล่อยให้ความคิดล่องลอยออกไปพักหนึ่ง

ทำไมเธอถึงได้คุ้นเคยกับความรู้สึกที่ต้องรับภารกิจอย่างกะทันหันแบบนี้มาก ๆ กันนะ

บ่ายวันถัดมา อานหยันก็มาถึงรีสอร์ทชิงหยวน

เดิมทีฉินซีเสนอว่าให้ไปพบกันที่ร้านกาแฟข้างนอก แต่อานหยันกลัวว่าจะมีคนแอบฟัง หลังจากตกลงกันพักหนึ่ง ก็ตัดสินใจว่าจะคุยกันในรีสอร์ทชิงหยวนนี่แหละ

ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของลู่เซิ่น

หลังจากที่คนรับใช้ยกกาแฟเข้ามา ฉินซีก็โบกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนออกไป ในห้องนั่งเล่นเล็กจึงเหลือพวกเธอแค่สองคน

ปกติแล้วอานหยันจะต้องฉวยจังหวะนี้ในการหยอกล้อเธอสักพักอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เธอไม่มีอารมณ์ที่จะมาล้อเล่น

“เธอจำรูปร่างหน้าตาของเสิ่นโหลวได้แล้วใช่ไหม” อานหยันถาม

ฉินซีพยักหน้า

หลายวันมานี้เธอดูวิดีโอข้อมูลของเสิ่นโหลวเพื่อทบทวนอยู่หลายต่อหลายครั้ง รับรองได้เลยว่าต่อให้เสิ่นโหลวปลอมเป็นตัวอะไรเธอก็ไม่มีทางพลาด

“เยี่ยม” อานหยันพยักหน้า จากนั้นก็เปิดภาพแผนผังในแท็บเล็ต แล้ววาดเส้นเส้นหนึ่ง “ตอนที่เธอไปถึงก็เดินตามเสิ่นโหลวเข้าไปในโรงแรม จากนั้นก็เดินไปทางนี้ ถึงจะถูกกล้องวงจรปิดถ่ายเอาไว้ได้ ก็คิดได้แค่ว่าเธอเป็นคนที่ตามมากับเสิ่นโหลว ไม่มีทางที่จะสงสัยเธอ”

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย“ แต่ถ้าเสิ่นโหลวไม่ได้ไปที่ชั้นที่เฉินยี้อยู่ล่ะ”

อานหยันโบกมือ “ไม่เป็นไร เธอก็แค่แกล้งทำเป็นหลงทาง จากนั้นก็เดินลงไปชั้นที่เฉินยี้จะไป ฉันล้อมทั้งสองด้านของห้องที่เฉินยี้มักจะไปเอาไว้หมดแล้ว แต่ละห้องมีคนที่แตกต่างกันคอยเฝ้าอยู่ แต่จากประสบการณ์แล้ว วันนั้นเขาน่าจะไปที่ห้อง1063ตรงชั้นสิบ เธอก็แค่เดินเข้าไปทางนี้”

ฉินซีพยักหน้า

“ระเบียงทางเดิน ประตูห้องโถง และภายในห้องพักมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดและอุปกรณ์บันทึกเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ที่ให้เธอไป ก็เพื่อให้เธอถ่ายรูปในตำแหน่งที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพได้ ดังนั้นเธอไม่จำเป็นที่จะต้องกดดันตัวเองมากเกินไป ต่อให้เธอไม่ได้อะไรกลับมา ก็ไม่มีผลอะไรต่อภารกิจนี้ ถึงยังไงเธอก็มีคุณงามความดีในงานก่อนหน้านี้มากมายอยู่แล้ว ”

ฉินซีรับคำ รู้ดีว่าอานหยันพยายามที่จะทำให้เธอไม่เคร่งเครียดจนเกินไป

เพียงแต่รู้สึกแปลกใจมากที่เธอไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลอะไรเป็นพิเศษ

แต่เธอก็ไม่ได้บอกอานหยัน เลี่ยงไม่ให้หล่อนคิดว่าเธอขี้โม้

“เงินที่ได้จากการทำธุรกิจของพวกเขามีจำนวนมาก เฉินยี้จึงพาบอดี้การ์ดไปด้วยทุกครั้ง” อานหยันซูมรูปภาพ จากนั้นก็ชี้ไปที่บั้นเอวของบอดี้การ์ด ภายใต้ชุดสูทตัวนั้นถูกดึงออกจนเป็นทรงสูง

ฉินซีขมวดคิ้วเบา ๆ “ ปืนเหรอ”

อานหยันพยักหน้า “ดังนั้นจึงต้องระวังเอาไว้ให้มาก ๆ หากถูกจับได้ต้องจำเอาไว้ว่าความปลอดภัยของตัวเองสำคัญที่สุด”

ฉินซีมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของอานหยัน จึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เธอไม่ต้องพูดฉันก็ใส่ใจอยู่แล้ว”

อานหยันยังไม่วางใจ เธอจึงอธิบายอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วให้ฉินซีพูดซ้ำอีกรอบหนึ่งถึงจะยอมหยุด

“แม้ว่าเราจะวางแผนไว้อย่างครอบคลุม แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น เธอจะต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ ค่อยปรับตัวพลิกแพลงไปตามสถานการณ์”

น้อยครั้งมากที่ฉินซีที่ฉินซีจะได้เห็นอานหยันพูดอะไรออกมาจากใจจริงแบบนี้ ทั้งยังรู้สึกอ้อมค้อมนิดหน่อย จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันรับประกันได้ ฉันจะต้องเอาความปลอดภัยของตัวเองมาเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน เธอวางใจเถอะ”

เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าอานหยันมองเห็นท่าทีหยอกเย้าบนใบหน้าของเธอ ยากที่เธอจะไม่โต้ตอบกลับไป จึงได้แต่พูดมากไม่หยุด ที่สุดก็ต้องลุกขึ้นแล้วขอตัวกลับออกไป

ฉินซีมองไปที่นาฬิกา “นี่ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เธอจะไม่อยู่ชิมฝีมือของพ่อครัวที่นี่สักหน่อยเหรอ”

อานหยันตาเป็นประกาย “ได้เหรอ ประธานลู่ของเธอไม่ได้ถือสาใช่ไหม”

ฉินซีมองออกไปข้างนอกแวบหนึ่ง หลายวันมานี้ลู่เซิ่นมีงานเลี้ยงส่วนตัว เขาไม่ค่อยจะได้กลับมากินข้าวที่บ้าน จนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา ก็น่าจะไม่กลับมาล่ะมั้ง

ดังนั้นเธอจึงมีอำนาจในการตอบแทนลู่เซิ่นว่า “ไม่มีปัญหา เขาไม่ถือสาหรอก”

ตอนที่ทั้งสองคนเดินไปถึงห้องอาหาร ทันใดนั้นฉินซีก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากข้างนอก

เธอชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วหันกลับไปมองที่ประตูใหญ่

ลู่เซิ่นเปิดประตูเดินเข้ามาพอดี

ทั้งสองคนสบตากัน บรรยากาศเงียบสงบไปหลายวินาที

ลู่เซิ่นละสายตาออกจากเธอ แล้วเหลือบไปมองอานหยันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉินซีตอบสนองอย่างรวดเร็ว ยื่นมือออกไปเพื่อแนะนำ “นี่เป็นเพื่อนสนิทของฉัน ชื่ออานหยัน”

อานหยันพยักหน้า “สวัสดีค่ะคุณชายลู่”

ลู่เซิ่นพยักหน้าตอบกลับไปเบา ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก ก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบน

จนกระทั่งน้องร่างของเขาหายไปจากที่หน้าบันไดแล้ว อานหยันจึงดึงแขนเสื้อของฉินซี แล้วพูดเสียงเบาว่า “สวรรค์ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณชายของบ้านเธอจะหล่อขนาดนี้…”

ในชั่วขณะฉินซีก็รู้สึกว่าอยากจะหัวเราะออกมา “พูดอย่างกับเธอไม่เคยเห็นเขาไปได้”

ลู่เซิ่นไม่ใช่คนที่ชอบคุยโวโอ้อวดอะไร เพียงแต่ถึงอย่างไรตระกูลลู่ก็เป็นตระกูลชั้นสูง จะบอกว่าไม่เคยโผล่หน้าออกมาเลยก็คงไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ยังสามารถเห็นหน้าตาของเขาในข่าวธุรกิจการเงินหรืองานเลี้ยงการกุศล

ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่ฉินซีจะเข้าโรงพยาบาล ฉินซีกับลู่เซิ่นก็ถูกถ่ายภาพไปไม่น้อย

มาพูดถึงเรื่องนี้เอาตอนนี้ มันก็ดูตลกจริง ๆ

“แต่การที่ได้เห็นใกล้ ๆ ตอนที่เขายังคงสวมเสื้อนอกอยู่แบบนี้จะไปเหมือนได้ยังไง…” อานหยันพึมพำ

ฉินซีอดยิ้มออกมาไม่ได้

ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันพลางเดินไปทางห้องครัว

มื้อเย็นเป็นอาหารแบบตะวันตก โชคดีที่กำชับพ่อบ้านเอาไว้แล้วว่าให้ทำอาหารสำหรับสามคน รอลู่เซิ่นลงมา ในที่สุดทั้งสามคนก็เริ่มลงมือกินอาหารได้

ฉินซีกังวลว่าอาหารที่ดีต่อสุขภาพของตระกูลลู่จะไม่ถูกปากคนที่ชอบกินอาหารขยะเป็นชีวิตจิตใจอย่างอานหยัน แต่หลังจากสังเกตหลาย ๆ ครั้ง เธอก็รู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าผู้หญิงคนนี้มีความสุขกับการกินเป็นอย่างมาก

มารยาทบนโต๊ะอาหารของทุกคนดีมาก กินกันอย่างเงียบ ๆ แทบจะไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย

อานหยันกินเสร็จก็ต้องกลับไป ฉินซีทำได้เพียงมายืนส่งเธอที่หน้าประตู

“ฉันรู้สึกว่าชีวิตของเธอที่นี่…ค่อนข้างที่จะดีทีเดียว”

อานหยันกวาดตามองไปรอบ ๆ รีสอร์ทชิงหยวน แล้วพูดกับฉินซีเสียงเบา

ฉินซียิ้มเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า “ถึงดียังไงก็ไม่ใช่ที่ของฉัน”

ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว อานหยันมองเข้าไปในตาของเธอก็รู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร

ไม่มีทางที่ฉินซีจะหยุดอยู่แค่ตรงนี้แล้วลืมเลือนอดีต

อานหยันไม่อยากจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเธอ จึงเพียงแค่พยักหน้าโดยไม่ต้องตอบอะไรกลับไป

พออานหยันขับรถออกไปจากประตูใหญ่ของรีสอร์ทชิงหยวน ฉินซีก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

ลู่เซิ่นเดินเข้ามาหยุดยืนข้าง ๆ เธอ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของเธออย่างนั้นเหรอ”

ฉินซียังคงมองไปยังเส้นทางที่รถของอานหยันขับออกไป ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของลู่เซิ่นจับจ้องอยู่บนใบหน้าของเธอ จึงหันกลับไปมองเขา

“ความจริงแล้วเธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของฉัน” ฉินซียกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มที่ไม่จริงใจออกมา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท