Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 935

ตอนที่ 935

บทที่ 935 ผมเชื่อว่าคุณทำได้

ฉินซีกลับสงสัยในคำพูดของเขา “คงไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้คิดว่ามาตรฐานของฉันใช้ได้ แต่เป็นเพราะเห็นแก่สถานะของฉัน ก็เลยต้องส่งมาให้ฉันนะ?”

ลู่เซิ่นหลุดยิ้ม “คนในบริษัทลู่ซื่อไม่มีใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเราสักหน่อย แล้วทำไมต้องส่งบัตรเชิญมาให้คุณเพราะเห็นแก่สถานะของคุณด้วยล่ะ?”

แม้ฉินซีจะยังสงสัย แต่ก็จำต้องยอมรับว่าที่ลู่เซิ่นพูดมาว่าเป็นเรื่องจริง

แต่ถึงจะยอมรับ ก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะยอมทำงานนี้สักหน่อย

เธอนำของไปวางไว้อีกฝั่งของโต๊ะ แล้วส่ายหัว “แต่ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสื่อโฆษณาชวนเชื่อเลยนะ ฉันช่วยไม่ได้จริงๆ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วนิดๆ “คุณเป็นช่างภาพไม่ใช่เหรอ?”

ฉินซีหัวเราะออกมาเบาๆ “ฉันก็แค่ถ่ายรูปเป็น ถ้าคุณบอกให้ฉันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพโฆษณาวันครบรอบอะไรแบบนี้ ฉันก็ยังจะพอพูดได้ แต่นี่คุณจะให้ฉันมาวางพล็อตหนังตั้งเรื่องหนึ่ง มันออกจะเกินขอบเขตความสามารถของฉันไปสักหน่อย”

ลู่เซิ่นมองเธอ ท่าทางดูคิดหนัก

บริษัทลู่ซื่อมีโครงการนี้จริงๆ และก็ได้ส่งบัตรเชิญไปให้ศิลปินที่มีชื่อเสียงหลายท่านเหมือนกัน แต่เขาก็อยากใช้งานนี้มากระจายสมาธิของฉินซี และก็เพราะว่าเขาไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ถึงได้ให้แผนกโฆษณาส่งบัตรเชิญมาที่บ้าน แต่เขาก็ลืมนึกถึงสภาพการณ์ของฉินซีไปเลย แต่แผนกโฆษณาเองก็ไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนเหมือนกัน ถึงได้ส่งบัตรเชิญมาให้ฉินซีเหมือนที่ส่งให้คนอื่นๆ

แต่คนอย่างลู่เซิ่นจะยอมให้ข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆมาลดความน่าเกรงขามลงได้ยังไง เขารีบดึงสติกลับมาอย่างเร็วไว แล้วหยิบเอาบัตรเชิญมาอ่านให้ละเอียดอีกรอบ แล้วพูดกับฉินซีว่า “แต่เนื้อหาก็ไม่ได้บอกว่าต้องเป็นแค่หนังอย่างเดียวนี่นา”

ฉินซีมุ่นคิ้ว “หืม?”

เธอไม่ได้สนใจสิ่งของที่บริษัทลู่ซื่อส่งมาเท่าไหร่ เลยไม่ได้อ่านบัตรเชิญให้ละเอียด ดังนั้นจึงอุปาทานไปเอง ว่าที่บริษัทลู่ซื่อต้องการให้ถ่ายคือภาพยนตร์

“คุณดูเองสิ” ลู่เซิ่นไม่พูดอะไรให้มากความ ยื่นบัตรเชิญไปให้เธอ

ฉินซีอ่านเนื้อหาอย่างละเอียด บนบัตรเชิญเขียนไว้ชัดเจนว่าจะเป็นภาพวาดหรือภาพถ่ายก็ได้เหมือนกัน

แต่แบบนี้ก็ยังดึงดูดความสนใจของฉินซีไม่ได้อยู่ดี เธอวางบัตรเชิญลงบนโต๊ะอย่างขาดความสนใจ “พวกคุณคงเชิญหลายคนแล้ว จะมีหรือไม่มีฉันก็คงไม่เป็นไร”

สีหน้าของลู่เซิ่นอึมครึมยิ่งกว่าเดิม “ผมคิดว่าฝีมือการถ่ายรูปของคุณก็ไม่เลวเลยนะ ทำไมไม่ลองดูล่ะ?”

ฉินซีมองมาที่เขาอย่างตกใจ “คุณ….คุณเคยเห็นผลงานของฉันเหรอ?”

ลู่เซิ่นกระแอม “ที่บ้านก็มีแขวนอยู่ไม่ใช่เหรอ? ผมคิดว่ามันก็สวยดีนะ”

ฉินซีส่ายหน้ายิ้มๆ “แต่นั่นมันคนละสไตล์…….”

“คุณยังไม่ได้ลอง แล้วรู้ได้ไงว่าตัวเองจะทำไม่ได้?” ลู่เซิ่นทนฟังต่อไปไม่ได้ จึงพูดตัดบทเธอ

ฉินซีนิ่งไป “คุณ…..อยากให้ฉันเข้าร่วมขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ลู่เซิ่นมองตาของฉินซีอย่างไม่หลบเลี่ยง จากนั้นก็พยักหน้า

“ผมเชื่อว่าคุณทำได้”

ฉินซีจ้องมองลู่เซิ่นนิ่งๆ จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ “งั้นฉัน…ลองดูก็ได้”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้วด้วยสีหน้าที่อ่อนลง “งั้นคุณเริ่มตั้งแต่การวางพล็อตก่อนเลย คุณอยากดึงแง่มุมไหนเข้ามานำเสนอบริษัทลู่เซิ่นบ้าง?”

เมื่อฉินซีถูกเขาถามมาแบบนี้ ก็พูดออกมาตามที่คิดว่า “ฉันไม่เคยสัมผัสการสร้างสื่อโฆษณาชวนเชื่อของบริษัทมาก่อน บางทีฉันอาจจะต้องไปค้นข้อมูล แล้วก็เรียนรู้จากคนที่นั่น”

ลู่เซิ่นเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ยักไหล่แล้วพูดว่า “งั้นคุณก็ลองไปดู”

ตอนที่ฉินซีเหยียดกายลุกขึ้นเดินไปยังชั้นบน ก็รู้สึกทึ่งๆอยู่เหมือนกัน

เมื่อก่อนเธอมั่นคงกับการถ่ายภาพวิวแค่อย่างเดียว แต่ว่าในช่วงที่ผ่านมานี้ ทั้งถูกจับไปเป็นตากล้องถ่ายคน ทั้งถูกเชิญให้เป็นผู้กำกับสื่อโฆษณาชวนเชื่อ ล้วนแล้วแต่เป็นการพังกรอบเดิมๆของตัวเองทั้งนั้น

เพียงแต่ว่า ความรู้สึกที่ต้องออกมาจากเซฟโซนเดิมๆ ก็ไม่ได้ถือว่าแย่เท่าไหร่

อย่างน้อยก็ได้ท้าทายในสิ่งที่ตัวเองยังไม่เคยได้ลองทำ อย่างน้อยก็ทำให้ความรู้สึกดาวน์ๆในช่วงสองสามวันมานี้ของฉินซี ได้พบกับความตื่นเต้นที่แปลกใหม่

ลู่เซิ่นมองตามแผ่นหลังที่กำลังเดินขึ้นชั้นบนไป ใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่

เขารู้ ว่าฉินซีไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ

เธอไม่ยอมท้อถอยให้กับอุปสรรคง่ายๆหรอก

……

ตอนที่ลู่เซิ่นกลับเข้ามาในห้อง ถึงได้พบว่าข้างกายของฉินซีมีเอกสารข้อมูลวางกองเป็นตับ ในมือของเธอยังถือไอแพดเอาไว้ พร้อมทั้งเขียนอะไรบางอย่างลงไปบนนั้น

ลู่เซิ่นไม่ค่อยได้เห็นท่าทางตอนเธอทำงานเท่าไหร่นัก พอมาเห็นแบบนี้แล้วจึงแปลกใหม่อยู่เหมือนกัน

ฉินซีรู้สึกได้ถึงสายตาของลู่เซิ่น จึงเงยหน้าขึ้นไปมองเขา

“มีอะไรคืบหน้าไหม?” ลู่เซิ่นถาม

“ก็นิดหน่อย แต่ว่าตอนนี้พูดไม่ได้” ฉินซีก้มหน้าลงไปอีกครั้ง ลงมือขีดๆเขียนๆบนไอแพดต่อ

ท่าทางตั้งอกตั้งใจของเธอทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลย ไม่ได้ดูไร้ชีวิตชีวาเหมือนเมื่อไม่กี่วันก่อนอีกแล้ว

ลู่เซิ่นมองอยู่สักพัก จากนั้นก็เดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ

แต่พอถึงเวลานอน ลู่เซิ่นกลับพบว่ามีบางอย่างแปลกๆ

…….นั่นก็คือฉินซียังไม่หยุดพักเลย

“คุณไม่นอนเหรอ?” เขานอนอยู่บนเตียง พร้อมกับหันหน้าไปมองฉินซี

ดวงตาของฉินซีมีแต่ความฮึกเหิมอยากทำให้มันเสร็จรวดเดียว “ฉันพอจะมีไอเดียแล้ว ถ้ายังไม่เสร็จดี ก็คงนอนไม่หลับ”

ลู่เซิ่นนึกไม่ถึงว่ามันจะมีผลข้างเคียงแบบนี้ เขาจึงเอื้อมมือออกไปเก็บปากกาไอแพดในมือของเธอทันที

“นี่!” ฉินซีส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ

“พักก่อน พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาทำต่อ!” น้ำเสียงของลู่เซิ่นไม่สามารถโอนอ่อนได้อีกต่อไป

ฉินซีขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันกำลังทำงานให้บริษัทคุณนะ!”

“งั้นเจ้านายละเว้นคุณเป็นกรณีพิเศษ ตอนนี้มานอนได้แล้ว” ลู่เซิ่นไม่สะทกสะท้าน วางปากกาไอแพดของฉินซีไว้ตรงหัวเตียงทางตัวเอง จากนั้นก็บังคับฉินซีมานอนบนฟูกที่นอน ด้วยท่าทางเด็ดขาดไม่ยอมให้เธอกลับไปทำงานต่อ

ฉินซีอยากขัดขืน แต่ถ้าเป็นเรื่องพละกำลังแล้ว เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลู่เซิ่นหรอก

“ถ้ายังดื้อ งั้นคืนนี้ผมจะทำให้คุณไม่ได้นอนด้วยวิธีอื่น” ลู่เซิ่นขู่เธอเสียงต่ำ

ฉินซีอยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก เธอไปดื้อตอนไหน?

แต่ลู่เซิ่นก็มีท่าทีไม่ยอมท่าเดียว เธอจึงหมดปัญญา ทำได้เพียงจำไอเดียคร่าวๆไว้ กดปิดไอแพด แล้วเอนตัวนอนลง

ในตอนที่ฉินซีกำลังใช้ความคิด สมองจะโลดแล่นและคึกมากเป็นพิเศษ

ดังนั้นเธอจะไม่ยอมนอน นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอรู้ตัวว่าตัวเองจะนอนไม่หลับ

แต่เพราะไม่กี่วันมานี้เธอไม่ได้นอนมาหลายคืน วันนี้ก็หมดพลังไปกับการค้นหาข้อมูลเสียเยอะ ความหนักอึ้งในใจก็ถูกเบี่ยงเบนไป ลางสังหรณ์ของเธอกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

เมื่อเธอนอนลง ผ่านไปไม่นาน เสียงลมหายใจก็สม่ำเสมอ

ลู่เซิ่นนอนฟังเสียงลมหายใจของฉินซีในความมืด มุมปากก็กระตุกเป็นรอยยิ้ม

……

เช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่ตื่นขึ้นมา ฉินซีรู้สึกเหลือเชื่อ

เมื่อวานเธอนอนหลับเต็มอิ่มมาก!

เธอค่อยๆหันหน้าไปด้านข้าง จึงสบเข้ากับลู่เซิ่นที่ลืมตาอยู่พอดี

ทั้งสองสื่อสารกันทางสายตา เขาตีคิ้วเบาๆ

แต่ฉินซีไม่ได้ตอบอะไรเขากลับไป

ถ้าให้เธอพูดขอบคุณลู่เซิ่นออกไป ก็ไม่มีทางซะหรอก

เพราะเมื่อฉินซีหวนนึกกลับไป พบว่าไอเดียที่นึกออกเมื่อคืนหลังจากนอนหลับแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ความจำเลือนราง

ดังนั้นเธอจึงลุกพรวดขึ้นมา ฉวยเอาปากกาไอแพดที่วางอยู่ทางลู่เซิ่นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แล้วเปิดไอแพดขึ้นมาลงมือขีดๆเขียนๆด้วยสภาพที่ผมไม่หวีหน้าไม่ล้าง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท