Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 934

ตอนที่ 934

บทที่ 934 ต่างคนต่างคิดอะไรอยู่ในใจ

แม้ว่าภารกิจนี้จะไม่ได้ทำให้ฉินซีรู้ความจริงเกี่ยวกับเหยาหมิ่น แต่สามารถตรวจสอบเรื่องฝ่าฝืนกฎหมายอื่นๆได้ ก็ถือว่าชดเชยความรู้สึกเสียใจได้เยอะเลย

ต่อมาก็ได้ยินอานหยันพูดว่า จากภาพในกล้องวงจรปิดพวกเขามั่นใจแล้วว่าคู่ค้าธุรกิจเป็นใคร แล้วพวกเขาก็ใช้วิดีโอที่ฉินซีถ่ายมาเพื่อบังคับให้เฉินยี้ยอมรับว่าเป็นจ้าวหมิง

หลังจากนั้น ฉินซีก็ได้เห็นข่าวที่บริษัทจ้าวซื่อลักลอบค้ายาผิดกฎหมายถูกรายงาน และข่าวที่บริษัทจ้าวซื่อใกล้จะล้มละลาย

และแน่นอนว่า เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ต้องถกกันทีหลัง

ตอนที่ฉินซีกลับมาถึงรีสอร์ทชิงหยวน ก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว

เมื่อได้กลิ่นหอมๆลอยมาจากห้องทานอาหาร ฉินซีถึงได้รู้ตัวว่า ตัวเองเคร่งเครียดมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวก็ลืมกิน

ที่โหดร้ายไปกว่านั้นก็คือ เธอจำได้ว่าตอนออกจากบ้าน เธอสั่งแม่ครัวไว้ว่าไม่ต้องเตรียมอาหารเย็นไว้ให้เธอ

“คุณนายกลับมาแล้วเหรอครับ” พ่อบ้านเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเธอ พร้อมช่วยเธอถือกระเป๋า “ในครัวมีซุปไก่ คุณนายจะรับไหมครับ?” และแน่นอนว่าฉินซีไม่ปฏิเสธ

เมื่อเดินมาถึงห้องทานอาหาร เธอพบว่าลู่เซิ่นก็นั่งอยู่ตรงนั้น

ท่าทางตอนเขาทานซุปดูสง่ามากก็จริง แต่ในเวลานี้ฉินซีไม่มีกระจิตกระใจจะมาชื่นชมเขาหรอกนะ

เธออยากถามลู่เซิ่นเกี่ยวกับเรื่องของหลินยี่มาก แต่ถ้าหากเอ่ยปากถามออกไป เธอก็คงหนีไม่พ้นต้องบอกเขาว่าวันนี้ตัวเองไปทำอะไรมา

ถึงแม้เธอจะคิดว่าลู่เซิ่นต้องมีสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของเธอแน่ๆ แต่การเอ่ยปากยอมรับเอง กับการที่อีกฝ่ายรู้อยู่แก่ใจแล้วพูดโพล่งออกมา มันไม่เหมือนกัน

เธอครุ่นคิดอยู่สักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าคราวหลังถ้ามีโอกาสค่อยเอ่ยถามอย่างเลี่ยงๆเอาแล้วกัน

แต่ก็คิดไม่ถึงว่าลู่เซิ่นจะเป็นฝ่ายเอ่ยพูดขึ้นมาก่อน

“ผมได้ยินหลินยี่พูดว่า วันนี้เขาเจอคุณ”

ลู่เซิ่นคนซุปในถ้วย พร้อมกับพูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน

ฉินซีชะงัก

เธอคิดไม่ถึงว่าลู่เซิ่นจะเป็นคนพูดถึงเรื่องนี้ก่อน

แต่ในเมื่อพูดมาแล้ว เธอก็ไม่คิดที่จะเลี่ยง จึงพยักหน้าไปตรงๆ “ฉันมีธุระที่โรงแรมนิดหน่อย ก็เลยเจอเขาเข้าพอดี แล้วก็ต้องขอบคุณเขาด้วยที่ช่วยฉันแก้ปัญหา”

เมื่อเธอพูดจบ ก็ไม่ได้ก้มหน้าลง สายตากวาดมองใบหน้าของลู่เซิ่นอย่างละเอียด เผื่อจะเห็นเบาะแสอะไรจากสีหน้าของเขาบ้าง

แต่ลู่เซิ่นกลับไม่เผยพิรุธออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย เขาแค่เงยหน้าขึ้นมองเธอ ผ่านไปสักพักถึงได้พูดขึ้นมาว่า “งั้นเหรอ?”

ทำไมเขาทำหน้าอย่างนี้?

หรือว่าเรื่องที่หลินยี่ไปโผล่ที่นั่นไม่เกี่ยวกับเขาจริงๆ?

ในหัวของฉินซีคิดไปต่างๆนานา ทว่าแววตาที่สมกับลู่เซิ่นกลับไม่ได้แสดงอาการร้อนตัวออกมา เธอพยักหน้าอย่างไร้กังวล “ใช่สิ”

เธอไปทำงานจริงๆนี่นา และหลินยี่ก็ช่วยเธอแก้ปัญหาจริงๆด้วย

ลู่เซิ่นไม่ได้ถามอะไรต่อ พยักพเยิดไปยังอาหารบนโต๊ะ “ทานซุปสิ เดี๋ยวจะเย็นเสียก่อน”

ฉินซีหิวมาก เธอจึงก้มหน้าก้มตาเริ่มซดน้ำซุป

แต่ว่าการปรากฏตัวของหลินยี่ในครั้งนี้ มันก็มีส่วนที่เป็นแค่ความบังเอิญจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่ฉินซีคิดทั้งหมด เพราะมันเป็นแผนของลู่เซิ่น

เขาให้นามบัตรของหลินยี่กับฉินซี ก็ต้องเป็นเพราะเขาเคยพูดเรื่องของฉินซีให้หลินยี่ฟังแล้ว

วันนี้ หลินยี่บังเอิญไปทำธุระที่โรงแรมนั้นพอดี แต่พอสืบเจอว่าฉินซีเองก็อยู่ที่นั่น ดังนั้นจึงจองห้องบนชั้นที่เธออยู่เอาไว้ เผื่อมีเรื่องอะไรจะได้ลงมือทันที

และแน่นอนว่า เขาไม่ได้เลือกจองห้องส่งๆ ตำแหน่งของห้องที่เขาจองตั้งอยู่ตรงมุมเลี้ยวเพียงหนึ่งเดียวตลอดทางเดินจนถึงลิฟต์ เขาเองก็แค่เดาเอาไว้ว่า ถ้าจะมีเหตุสุดวิสัยอะไรเกิดขึ้น ร้อยทั้งร้อยก็ต้องเกิดตรงตำแหน่งแบบนี้แหละ

จากประสบการณ์ที่เคยสู้รบจริงของเขาทำให้เขาจับพลัดจับผลูเดาทางถูก

ในตอนนี้ คนสองคนที่กำลังดื่มด่ำกับซุปในห้องครัวต่างไม่มีใครรู้ว่าความจริงคืออะไร ต่างคนต่างคิดอะไรอยู่ในใจ

……

เมื่อทุกอย่างจบสิ้น ในที่สุดชีวิตของฉินซีก็กลับมาในวงโคจรเดิมๆ

เมื่อก่อนเธอเองก็เคยใช้ชีวิตอย่างนี้มาแล้วแท้ๆ ไม่ว่าจะถ่ายรูปเอย เลือกรูปเอย และตอนนี้เธอยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ทว่ากลับมีความรู้สึกผิดหวังบางอย่างเกิดขึ้นมา

สาเหตุหลักๆเลย ก็ยังเป็นเรื่องของเหยาหมิ่น

ช่วงสองสามวันนั้นที่เธอไปอยู่บ้านของอานหยัน เธอแทบจะใช้ทุกวิถีทางที่เธอพอจะนึกออกเพื่อสืบหาเรื่องของเหยาหมิ่น แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ไม่ได้ผลทั้งนั้น

มีแหล่งข้อมูลดีขนาดนี้ก็แล้ว ตั้งใจสืบหาขนาดนี้ก็แล้ว แต่ก็ยังไม่อะไรกลับมา

สองสามวันมานี้ เธอเองก็พยายามคิดหาวิธีอื่นมาแก้ไขปัญหานี้เหมือนกัน แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ได้

แบบนี้ก็หมายความว่า ความจริงเกี่ยวกับเรื่องของเหยาหมิ่นจะถูกปิดเงียบไปตลอดเลยใช่ไหม?

เรื่องของเหยาหมิ่นสำหรับฉินซีแล้วมันสำคัญมากๆ แต่เพราะเธอให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเกินไป ดังนั้นมันจึงส่งผลต่ออารมณ์ของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้

ยิ่งกังวล ก็ยิ่งอยากคิดหาทางออก แต่ยิ่งคิดสมองกลับยิ่งตัน ไม่สามารถคิดหาวิธีที่จะทำสำเร็จได้เลย

ฉะนั้นไม่กี่วันต่อมา ฉินซีจึงเริ่มนอนไม่หลับเพราะคิดมาก

ส่วนคนที่เริ่มสังเกตได้ว่าเธอแปลกๆไปก่อนใครเพื่อน แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นลู่เซิ่น

ปกติเวลานอนของลู่เซิ่นก็น้อยกว่าฉินซีอยู่แล้ว แต่สองสามวันมานี้เวลาเขากลับเข้ามาในห้อง ก็มักจะเห็นว่าฉินซียังไม่หลับตลอด

และในตอนเช้าเมื่อเขาลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าฉินซีตื่นขึ้นมาก่อนเขาแล้ว

บางครั้งเขาก็ถึงขั้นคิดว่า ฉินซีอาจจะไม่ได้หลับตลอดทั้งคืนเลยก็ได้

เมื่อนอนไม่พอ ต่อให้อากัปกิริยาของฉินซียังคงปกติดีทุกอย่าง แต่ทว่าเธอกลับมีอาการเซื่องซึมอย่างเห็นได้ชัด

อาการหงอยเหงาเศร้าซึมของฉินซีอยู่ในสายตาของลู่เซิ่นตลอด แต่เขากลับไม่สามารถแบ่งเบาความรู้สึกนี้ช่วยฉินซีได้

เป็นอีกครั้งที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วเห็นฉินซีนอนลืมตาอยู่บนเตียง เมื่อเห็นรอยคล้ำจางๆใต้ตาของเธอ ในที่สุดลู่เซิ่นก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

ถ้าหากเขาไม่สามารถแบ่งเบาความรู้สึกนี้ช่วยฉินซีได้ อย่างน้อยก็ขอได้คิดหาวิธีช่วยเธอขจัดความกลัดกลุ้มออกไปก็ยังดี

ช่วงที่ฉินซีปฏิบัติภารกิจ เพราะสมาธิของเธอถูกกระจายไปจดจ่ออยู่กับเรื่องอื่น ดังนั้นอารมณ์ของเธอในช่วงนั้นจึงไม่ได้แย่เหมือนอย่างตอนนี้

นั่นก็หมายความว่า ถ้ากระจายสมาธิของเธอให้ไปคิดเรื่องอื่นได้ ก็จะสามารถทำให้เธอไม่ตกอยู่ในอารมณ์ซึมเศร้าแบบนี้ถูกไหม?

ดังนั้นในช่วงบ่าย ฉินซีจึงได้รับกล่องพัสดุมาอันหนึ่ง และคนที่ส่งมาให้คือบริษัทลู่ซื่อ

“ให้ฉัน?” ฉินซีงุนงง ถ้าไม่ใช่เพราะบนกล่องมีชื่อของเธอเขียนไว้อย่างชัดเจน เธอก็คงคิดว่ามีคนส่งผิดแล้ว

ทว่าเมื่อเธอเปิดกล่องออก ความงุนงงในใจก็ไม่ได้ลดลงไปเลยสักนิด

ข้างในกล่องเป็นบัตรเชิญ เนื้อหาเขียนไว้ว่างานเลี้ยงครบรอบของบริษัทลู่ซื่อที่กำลังจะถึงนี้ ทางบริษัทเชิญเธอไปในฐานะผู้ผลิตสื่อโฆษณาชวนเชื่อของบริษัท

ฉินซีจับต้นชนปลายไม่ถูก

เธอเป็นแค่ช่างภาพ พวกสื่อโฆษณาชวนเชื่ออะไรนั่นเธอแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด แล้วทำไมบริษัทลู่ซื่อถึงส่งบัตรเชิญมาให้เธออย่างนี้ล่ะ?

ฉินซีวางกล่องไว้ข้างๆ คิดไว้ว่าถ้าลู่เซิ่นกลับมาแล้วเดี๋ยวค่อยถามเขา

ในตอนเย็นที่ลู่เซิ่นกลับมาที่บ้าน สิ่งแรกที่เห็นคือกล่องพัสดุในมือของฉินซี

“คุณส่งมาให้ฉันหรือเปล่า?” ฉินซีเอ่ยถามอย่างไม่อ้อมค้อม “แล้วสื่อโฆษณาชวนเชื่อคืออะไร มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตเรื่องที่ฉันเข้าใจหรอกนะ ฉันอาจจะทำงานนี้ไม่สำเร็จก็ได้”

ลู่เซิ่นแค่เลิกคิ้วขึ้น “แผนกประโฆษณาส่งมาให้คุณเหมือนกันเหรอ?”

ฉินซีจับประเด็นได้อย่างเร็วไว “เหมือนกัน? แผนกโฆษณาของพวกคุณคงไม่ได้ส่งมาให้ฉันเฉยๆหรอกใช่ไหม?”

ลู่เซิ่นพยักหน้า “โครงการสร้างสื่อโฆษณาชวนเชื่อถูกกำหนดไว้แล้วในการประชุมครั้งก่อน มันเป็นเรื่องของแผนกโฆษณา ในเมื่อพวกเขาส่งมาให้คุณ นั่นก็แปลว่าพวกเขายอมรับในมาตรฐานของคุณแล้ว หวังว่าคุณจะเข้าร่วมนะ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท