Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 925

ตอนที่ 925

บทที่ 925 ตรวจสอบ

ความจริงแล้วฉินซีมีความรู้สึกที่ค่อนข้างจะคลุมเครือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่ลู่เซิ่นปฏิบัติต่อเธอเลย

ถึงอย่างไรพวกเราทั้งสองคนก็อาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ถึงแม้ว่าในวันปกติจะไม่มีคนเข้าไปในห้องมืดที่ฉินซีใช้ทำงานของหน่วยข่าวกรอง แต่ในเมื่อลู่เซิ่นสามารถส่งคนมาคอยติดตามเธอได้ตลอดเวลา ถ้าอย่างนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่เธอยังไม่ได้พบเจอกับสถานการณ์ต่าง ๆ เธอก็ถูกคนคอยติดตามแล้วใช่ไหม

ฉินซีไม่มีคำตอบ

เรื่องที่ลู่เซิ่นสามารถทำได้ในประเทศ F มากมายจนเกินไป หากต้องการจะรู้ว่าเธอเป็นเพียงช่างภาพให้กับนิตยสาร หรือว่าแท้จริงแล้วทำงานให้กับหน่วยข่าวกรอง ก็เป็นเรื่องง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ

แต่ไม่ว่าลู่เซิ่นจะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่นั้น เขาก็ไม่เคยแสดงความเรื่องงานของเธอต่อหน้าเธอเลย และฉินซีก็มีความสุขมากเช่นกัน

ถ้าลู่เซิ่นถามขึ้นมาจริงๆ เธอก็คงต้องโกหกเขา เช่นนั้นแล้วคงลำบากมาก ๆ

ฉินซียักไหล่ เอาความคิดเรื่องของลู่เซิ่นโยนออกไปจากสมอง จากนั้นก็กลับไปให้ความสนใจกับบันทึกจากกล้องวงจรปิดที่ว่างเปล่าตรงหน้า

มีวิธีอื่นอีกไหมนะ…

การตรวจสอบดูเหมือนจะหยุดชะงักไปชั่วขณะ คล้ายกับว่าฉินซีคิดหาวิธีใหม่ไม่ออก ทำได้เพียงวางทุกอย่างลงชั่วคราวอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ

ดูเหมือนว่าอานหยันจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้ว ฉินซีจึงไม่ไปรบกวนเธอ หยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนแขก

แน่นอนว่าบ้านของอานหยันเทียบกับรีสอร์ทชิงหยวนไม่ได้ ห้องน้ำก็ค่อนข้างที่จะแคบ ตอนที่ฉินซีหันไปหยิบผ้าขนหนูในห้องอาบน้ำก็เกือบชนเข้ากับประตูกระจก

โชคดีที่เธอถอยหลังกลับไปทัน ก็เลยสามารถหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะสัมผัสใกล้ชิดกับประตูกระจกได้

เธอมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจก ทันใดนั้นก็นิ่งไปพักหนึ่ง

ด้านหน้าประตูหลักของโรงแรมไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ใกล้ ๆ โรงแรมมีร้านค้าอยู่ บางทีเจ้าของร้านบางคนอาจจะเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดเอาไว้มากกว่าหนึ่งปีก็ได้

ถ้าเธอจำไม่ผิด ชั้นหนึ่งของโรงแรมเป็นกำแพงกระจกบานใหญ่ สามารถสะท้อนภาพคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้อย่างชัดเจน

หากร้านค้าที่อยู่แถวนั้นมีมุมที่สามารถมองเห็นกำแพงกระจกตรงประตูทางเข้าของโรงแรม ก็น่าจะถ่ายภาพของคนที่เข้ามาเอาไว้ได้…

ฉินซีตรัสรู้ขึ้นมาในทันที เธอรีบสวมเสื้อคลุมแล้วพุ่งตัวกลับไปที่ห้องหนังสือ

เพราะว่าใช้งานมานาน คอมพิวเตอร์เลยเริ่มที่จะร้อนขึ้นมานิดหน่อย

ฉินซีเปิดแผนภาพ จากนั้นก็เลือกกล้องวงจรปิดจากร้านค้าตามหัวมุมสองสามร้าน

เธอเปิดมันอย่างเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่สุดท้ายกลับต้องผิดหวังครั้งใหญ่

วันศุกร์นั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใส แสงอาทิตย์ส่องสะท้อนลงบนผนังกระจก ทำให้กล้องวงจรปิดที่อยู่รอบข้างมองเห็นคนที่เข้าออกโรงแรมได้ไม่ชัดเจน หลังจากนั้นก็ยังมีฝนตกห่าใหญ่ ฝนทำให้วิสัยทัศน์ในการมองลดลงมาก คนที่เดินเข้าออกล้วนกางร่ม ทำให้ยากที่จะแยกแยะว่าใครเป็นใคร

ความผิดหวังปรากฏชัดบนใบหน้า

ถึงแม้ตอนแรกเธอจะไม่คาดหวังว่าจะได้พบข้อมูลสำคัญที่จะเป็นกุญแจ แต่พอเพิ่งจะได้สืบหาวันแรกก็เกือบจะพบเข้ากับทางตัน ทำให้เธอรู้สึกถึงความพ่ายแพ้เกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบ

เธอถอนหายใจยาวด้วยความผิดหวัง เผลอไปเลื่อนจนขยับเมาส์โดยไม่รู้ตัว หน้าเว็บจึงเปลี่ยนกลับไปเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม

ฉินซีรู้ดีว่ามันยากที่จะหาเบาะแสจากที่นี่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดจะดูอย่างละเอียดอีก ตอนที่กำลังยื่นมือออกไปเพื่อที่จะกดปิด ทันใดนั้นก็ได้เห็นสัญลักษณ์ที่อยู่ข้าง ๆ

นั่นก็คือโลโก้ของโรงแรม

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

โลโก้นี้…ดูเหมือนว่ามีแค่โรงแรมในเครือบางแห่งเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้

เท่าที่เธอรู้ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าโรงแรมนี้มีดำเนินการสร้างอย่างเป็นเอกเทศ แล้วทำไมถึงมีโลโก้นี้ได้

ดังนั้นเธอจึงขมวดคิ้ว แล้วทำการสืบค้นข้อมูลของโรงแรมแห่งนี้

การสืบหาครั้งนี้ไม่สำคัญแล้ว เพราะเธอได้พบกับปัญหาใหญ่ที่แท้จริง

…โรงแรมแห่งนี้เปลี่ยนเจ้าของเมื่อครึ่งปีก่อน ถูกขายให้กับโรงแรมในกลุ่มแฟรนไชส์

ฉินซีไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะดูเงื่อนไขการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนพวกนั้น แต่ก็พอเข้าใจได้อย่างคร่าว ๆ ว่าเจ้าของโรงแรมนี้ขายโรงแรมไปเมื่อครึ่งปีก่อน แต่ดูจากหน้าตาของชื่อเสียงโรงแรม กลุ่มเครือข่ายเลยไม่ได้บังคับให้โรงแรมเปลี่ยนชื่อ

เพียงแต่เพิ่มคำนำหน้าเล็ก ๆ ตรงหน้าชื่อโรงแรม แล้วก็เปลี่ยนโลโก้ โรงแรมปิดให้บริการเป็นเวลาครึ่งเดือน หลังจากที่ตกแต่งปรับปรุงใหม่เสร็จ ก็เปิดให้บริการอีกครั้ง

ก็ไม่แปลกใจที่ไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อครึ่งปีก่อน

หัวใจของฉินซีเย็นเยียบขึ้นไปอีกหลายส่วน

ถูกปรับปรุงใหม่แล้ว เจ้าของเองก็เปลี่ยนแล้ว แม้แต่พนักงานเองก็ไม่รู้ว่าถูกสับเปลี่ยนไปแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ตอนนี้แม้แต่พยานบุคคลกับพยานวัตถุก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนได้อีก

เธอปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกเดินกลับไปที่ห้องอย่างสิ้นหวัง

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีเรื่องคดีของแม่ค้างคาอยู่ในใจ หรือเพราะว่าเตียงหลังนี้แคบกว่าเตียงที่ตระกูลลู่ ฉินซีจึงนอนไม่หลับ ทว่าหลังจากที่ไปพลิกมาอยู่ครึ่งค่อนคืน เธอก็ค่อย ๆ หลับไป

ตอนที่ตื่นนอนในวันรุ่งขึ้น จึงมีรอยดำขนาดใหญ่อยู่ตรงใต้ตาทั้งสองข้าง

ทันทีที่อานหยันเห็นเข้า ก็ร้องขึ้นมาอย่างประหลาดใจว่า “เมื่อคืนเธอแอบออกไปตีกับคนอื่นมาอย่างนั้นเหรอ”

ฉินซียิ้มแล้วฟาดเธอไปทีหนึ่ง “อาจเป็นเพราะนอนไม่พอน่ะ”

อานหยันวางอาหารเช้าที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ “กินข้าวก่อนเถอะ!”

ฉินซีตอบรับคำแล้วนั่งลงข้างโต๊ะ

ตารางงานวันนี้ไม่แตกต่างจากเมื่อวานมากนัก ช่วงกลางวันก็สืบหาข้อมูลของบริษัทจ้าวซื่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์ต่อ เพียงแต่การสืบหาข้อมูลของบริษัทผลิตยาจ้าวซื่อไม่ได้ยากเย็นเท่าเรื่องของเหยาหมิ่น เมื่อคืนนี้ฉินซีพบเรื่องการเปลี่ยนเจ้าของโรงแรมโดยบังเอิญ ในทางกลับกันมันจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ในการสืบหาเรื่องคดีของบริษัทจ้าวซื่อ

จ้าวหมิงเข้ามาซื้อหุ้นโรงแรมในเวลานี้พอดี

เขาคงไม่ได้มีแผนที่จะใช้โรงแรมนี้เป็นฐานในการทำธุรกิจหรอกใช่ไหม

ฉินซีมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องขยายขอบเขตการสืบสวนไปเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในช่วงครึ่งปีนี้แทน

การตรวจสอบของเมื่อวานนี้ช่วยให้ทั้งสองคนสามารถจำกัดขอบเขตของเวลาและสถานที่ให้แคบลงได้ หลังจากที่ทั้งสองคนยุ่งวุ่นวายอยู่ครึ่งวัน พวกเธอก็ได้อะไรมาจากเนื้อหาในกล้องวงจรปิดไม่น้อย

ตอนที่โรงแรมอยู่ในระหว่างการปรับปรุง จ้าวหมิงก็คอยมาตรวจสอบด้วยตัวเอง

ในช่วงเวลานั้นไม่มีคนอื่นอยู่ในโรงแรม การเคลื่อนไหวของเขาจึงมองเห็นได้ง่าย…เขามักจะไปที่ห้องสามห้องบน ชั้นแปด ชั้นเก้า และชั้นสิบ

การเคลื่อนไหวของเฉินยี้ ในภายหลังก็ไม่ต่างกัน

การค้นพบนี้ทำให้อานหยันมีความสุขเป็นอย่างมาก “เธอรู้เรื่องของโรงแรมได้ยังไง ทั้งที่ถูกขายไปแล้วแต่กลับยังไม่เปลี่ยนชื่อ ช่างทำให้คนคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ !”

ฉินซีส่ายหน้า “เมื่อคืนฉันตรวจสอบเรื่องของแม่เลยบังเอิญเจอ…”

เมื่ออานหยันเห็นเธอพูดถึงเรื่องคดีความของเหยาหมิ่นด้วยสีหน้ามืดครึ้มเป็นอย่างมาก จึงรู้ได้ทันทีว่าไม่มีความคืบหน้าอะไร ทำได้เพียงตบลงไปบนไหล่ของเธอ แล้วพูดปลอบใจว่า “ค่อยเป็นค่อยไปเถอะ ไม่ต้องรีบร้อน”

ฉินซีพยักหน้าเบา ๆ

อานหยันลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เดี๋ยวฉันจะกลับไปดูกล้องวงจรปิดของชั้นแปดจนถึงชั้นสิบ คืนนี้…เธอก็ตรวจสอบเรื่องของคุณป้าต่อเถอะ”

ฉินซีเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย อาหยันแบมือออก “เดิมทีนี่ก็เป็นงานของพวกเราสองคน เพราะงั้นฉันก็ควรจะทำอะไรสักหน่อย เธออย่าทำหน้าแบบนั้นสิ! ถ้ารู้สึกไม่ดีจริง ๆ หลังจากเรื่องนี้ก็เลี้ยงข้าวฉันสักมื้อแล้วกัน”

ฉินซียิ้มเบา ๆ แล้วพยักหน้า “ได้”

อานหยันยืนขึ้นแล้วกลับไปที่ห้องของตัวเอง ฉินซีมองคอมพิวเตอร์ตรงหน้าพลางยิ้มเบา ๆ

เรื่องของเหยาหมิ่น ยังสามารถเริ่มสืบจากตรงไหนได้อีกนะ…

เธอถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นก็คลิกเข้าไปที่บันทึกการลงทะเบียนอีกครั้ง เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะพลาดข้อมูลที่เป็นกุญแจสำคัญบางอย่างไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท