Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 946

ตอนที่ 946

บทที่ 946 คิดอะไรแบบนั้นกับคุณ

วิดีโอถูกปล่อยออกมาแค่วันเดียว แต่กลับได้รับผลตอบรับขนาดนี้ ก็น่าพึงพอใจแล้ว

ทว่าสีหน้าของลู่เซิ่นกลับไม่ได้ดีเท่าที่ควร

เขาจ้องโพสต์ของหซู่เป่ยอยู่นาน จากนั้นก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมาเบาๆ

ส่วนอีกด้าน ฉินซีที่เล่นโทรศัพท์อยู่ ก็มีสีหน้าแบบเดียวกัน

เรื่องมันเริ่มจากหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้

ผู้ชมคึกคักอยู่ทั้งวัน หลังจากทุกคนดูจบหลายรอบแล้ว ก็มีบางคนอยากขุดหาประวัติของช่างภาพคนนี้ บางคนก็โพสต์ข้อความพูดถึงประวัติของบริษัทลู่ซื่อ ไม่นานชาวขี้เม้าท์ทั้งหลายก็พบว่ามีเรื่องหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ถูกมองข้ามมาตลอด——

หซู่เป่ยไม่ได้กดแชร์ลิงก์ที่เพจออฟฟิเชี่ยลของบริษัทลู่ซื่อปล่อยออกมา แต่กลับกดแชร์โพสต์ของคนอื่นแทน

จะกดแชร์ของใครก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะยังไงผลตอบรับมันก็เหมือนๆกัน แต่ชื่อแอคเคาท์ที่ปรากฏอยู่ในโพสต์ที่แชร์ ดูไม่คุ้นสำหรับคนทั่วไปเลย ดังนั้นจึงจุดชนวนให้คนเดาไปต่างๆนานา

แอคเคาท์นั้นไม่ใส่รูปโปรไฟล์ หน้าหลักของแอคเคาท์ก็ว่างเปล่า การติดตามคนอื่นเป็นศูนย์ และมีแอคปลอมแค่ไม่กี่แอคเป็นผู้ติดตาม

ชาวขี้เม้าท์งงงวย ไม่ทันไรคำว่า “หซู่เป่ยแชร์โพสต์ของใคร” ก็ติดอันดับการค้นหามากที่สุดในเวลาไม่นาน

พวกนิตยสารทำข่าวซุบซิบจึงเริ่มเคลื่อนไหว และเริ่มสืบหาว่าเจ้าของแอคเคาท์นั้นเป็นของใคร ส่วนแฟนคลับของหซู่เป่ยก็ส่งข้อความเข้ามาไม่หยุด อยากให้มีคนออกมาพูดอะไรบ้าง

และแน่นอนว่าแอคเคาท์แอคนั้นเป็นของฉินซี

เวลาปกติเธอไม่ค่อยเล่นโซเชียลเท่าไหร่ ครั้งนี้เป็นเพราะเธอพอใจกับผลงานของตัวเองมาก จึงอยากเข้าไปอ่านคอมเม้นท์ของแต่ละคน พอเห็นคอมเม้นท์ดีๆและถูกใจเธอ เธอก็แค่แชร์ จากนั้นก็กดออกจากแอปไป

แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากนั้น จะมีข้อความส่งเข้ามาเยอะจนโทรศัพท์เธอแทบค้าง

ฉินซีเปิดเข้าไปอ่านอย่างงุนงง อ่านอยู่นาน ถึงได้เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

การแชร์โพสต์รวมอยู่ในข้อตกลงของบริษัทลู่ซื่อกับหซู่เป่ย การที่เขาแชร์โพสต์จึงไม่ได้เหนือความคาดหมายของคนอื่นมากนัก แต่ที่เกินความคาดหมายก็คือเขาดันไปแชร์โพสต์ของฉินซี จนทำให้คนอื่นจินตนาการไปต่างๆนานา

ปกติฉินซีไม่ได้ใช้เวยป๋อติดต่อกับใคร เธอไม่รู้เลยว่าหซู่เป่ยรู้จักแอคเคาท์ที่แทบไม่ได้ใช้งานของเธอได้ยังไง

ฉินซีกำลังคิดหาทางแก้ไขเรื่องนี้ พอกดโหลดหน้าทามไลน์ใหม่ ก็เห็นว่าหซู่เป่ยออกมาพูดแล้ว

เขากด@แอคเคาท์ของเธอ พร้อมกับทิ้งข้อความไว้ว่า “ขอบคุณคุณตากล้อง การร่วมงานครั้งที่สองผ่านไปด้วยดี~”

เมื่อเขาออกมาพูด ก็ไม่ได้ทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนลดลงเลยสักนิด กลับกันเหมือนเติมน้ำลงในน้ำมันร้อนๆ จนหน้าไทม์ไลน์เดือดมากกว่าเดิม

……

สายโทรศัพท์ของอานหยันและข้อความจากลู่เซิ่นถูกส่งมาหาพร้อมๆกัน

ฉินซีลังเลอยู่สักพัก ก็กดรับโทรศัพท์ก่อน

“ฉินซี!” น้ำเสียงของอานหยันฟังดูตื่นๆ “มันเรื่องอะไรกันแน่?”

ฉินซีจนใจ “ฉันถ่ายภาพโฆษณาให้บริษัทลู่ซื่อ และฉันก็เป็นคนถ่ายภาพในส่วนของหซู่เป่ย”

อานหยันพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “แต่แล้วทำไมจู่ๆเขาต้องทำเหมือนว่ารู้จักคุณด้วยล่ะ?”

ฉินซีเงียบไป

อานหยันเองก็นิ่งไปสักพัก “เขาคงไม่ได้…..คิดอะไรแบบนั้นกับคุณหรอกใช่ไหม?”

เมื่อฉินซีนึกไปถึงการกระทำของหซู่เป่ยในวันที่ถ่ายทำ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา “หซู่เป่ยคนนี้ คงคิดจะจีบฉันสินะ”

เมื่อได้ยินฉินซีพูดมาแบบนี้ อานหยันก็เริ่มคิดตาม แม้ว่าหซู่เป่ยจะเป็นดาราที่มีแฟนคลับมากมาย แต่ชีวิตส่วนตัวของเขามั่วซั่วมาก คู่ควงในแต่ละวันมีเยอะจนนับไม่หมด ได้ยินมาว่าเขายังชื่นชอบการเอาชนะผู้หญิงที่หยิ่งๆหน่อย และชื่นชอบการได้เห็นผู้หญิงเหล่านั้นสยบอยู่กับตักของเขา

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อานหยันก็ไม่รู้จะทำยังไง ฉินซีทั้งฉลาดทั้งสวย นิสัยใจคอก็ตรงกับไทป์ที่เขาชอบ ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะถูกใจเธอ

“แล้วคุณคิดจะทำยังไง?” อานหยันเอ่ยถามอย่างสงสัย

ฉินซีใคร่ครวญอยู่สักครู่ “ฉันพูดกับเขาไปชัดเจนแล้ว ถึงยังไงเขาก็เป็นดารา คงไม่ทำอะไรหน้าด้านๆหรอก”

เธอพูดได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังจากที่ไกลๆเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

เวลานี้ คงเป็นลู่เซิ่นที่กลับมา

เมื่ออานหยันได้ยินคำตอบแสนเรียบนิ่งของเธอ ก็เชื่อมั่นว่าเธอสามารถจัดการมันได้อย่างแน่นอน เมื่อมีอะไรจะถามก็วางสายไป

แม้ฉินซีจะพูดออกไปอย่างมั่นใจ แต่ถ้าต้องส่งข้อความไปหาหซู่เป่ยจริงๆ กลับรู้สึกลำบากใจ

จริงๆแล้วหซู่เป่ยไม่เคยพูดอะไรออกมาชัดเจน เพียงแต่แววตาและคำพูดต่างก็บอกออกมาเป็นนัยๆ เมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าหากปฏิเสธออกไปตรงๆ เขาก็จะพูดว่าเขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ไม่ต้องคิดมาก หรือถ้าหากแกล้งทำเป็นดูไม่ออก เขาก็จะยิ่งทำตัวได้คืบจะเอาศอก ปั่นหัวจนใครอีกคนเป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อน

และฉินซีมั่นใจมาก ว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง

ถ้าเธอไม่พูดออกไปให้ชัดเจน ลางสังหรณ์มันบอกว่า หซู่เป่ยต้องสร้างปัญหาอะไรแน่ๆ

เธอยังคงนิ่งครุ่นคิดอยู่กับที่ เสียงฝีเท้าของลู่เซิ่นดังมาจากที่ไกลๆ จากนั้นก็หยุดยืนที่หน้าประตู

เสียงเปิดประตูดังขึ้นมา ฉินซีหันหน้าไปมอง ก็เห็นสีหน้ามึนตึงของเขา จากนั้นเขาก็พยักพเยิดหน้ามาที่เธอ “ยังไม่ได้ดูข่าวอีกเหรอ?”

ฉินซีขมวดคิ้วโดยอัตโนมัติ

แจ้งเตือนในเวยป๋อน่ารำคาญมาก เธอจึงลบแอพทิ้งไปตั้งแต่ตอนที่อานหยันโทรมาแล้ว

ไม่ทันไร มีเรื่องอะไรอีกแล้ว?

เมื่อเห็นสีหน้าไม่รู้ทุกข์รู้ร้อนของฉินซี ลู่เซิ่นก็พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ จากนั้นก็ยื่นไอแพดไปให้เธอ

ในกลุ่มแสดงความคิดเห็นที่ค่อนข้างดังกลุ่มหนึ่ง มีกระทู้หนึ่งโชว์หราอยู่หน้าแรก

เมื่อฉินซีกวาดสายตาอ่านชื่อกระทู้ สีหน้าก็พลันนิ่งค้าง

“อดไม่ไหวละ มาร่วมเม้าท์ความสัมพันธ์ลับๆของดาราบางคนกับตากล้องบางคนดีกว่า”

เธอกัดฟัน สูดลมหายใจเข้า แล้วก้มหน้าอ่านเนื้อความบนนั้น

“เรื่องชื่อของดารากับตากล้องเราจะไม่พูดอะไรมาก วันนี้ทุกคนคงเห็นข่าวกันเยอะแล้ว ว่ากันว่าดาราผู้ชายถูกเล่นข่าวอยู่หลายครั้ง ตามที่คนเขาพูดมาเขาจะสนใจผู้หญิงสวยๆเป็นพิเศษ และตากล้องผู้หญิงก็สวยตรงสเป็คของเขา ทั้งสองรู้จักกันเพราะเรื่องงาน หลังจากนั้นก็พัฒนาความสัมพันธ์”

ฉินซีขมวดคิ้วแน่น กวาดสายตาอ่านผ่านๆไปเรื่อยๆ

ในกระทู้บรรยายอย่างกับมีตาทิพย์ ทั้งยังแบรูปภาพมาด้วย

“รูปภาพของดาราผู้ชายในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปรากฏอยู่ในสื่อนำเสนอของบริษัท แฟนคลับต่างรู้กันทั้งนั้น ว่าชุดที่เขาใส่เป็นชุดเดียวกันกับตอนที่ถ่ายหน้าปกนิตยสาร แต่ภาพพื้นหลังในรูปเป็นภาพที่ถ่ายนอกสตูดิโอ แต่หน้าปกนิตยสารเป็นภาพที่ถ่ายในสตูดิโอ แล้วทำไมถึงมีภาพนี้ออกมาล่ะ? นั่นก็เพราะว่าตากล้องที่ถ่ายภาพปกนิตยสารในครั้งนั้น ก็คือคนเดียวกับตากล้องผู้หญิงคนนี้ยังไงล่ะ ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้ร่วมงานกัน แต่ดูเหมือนจะสนิทสนมกันพอสมควร ดาราผู้ชายถึงได้ให้เธอถ่ายรูปให้ตัวเองตอนพักการถ่ายทำ”

ในกระทู้มีรูปเบลอๆอยู่สองสามรูป ฉินซีตั้งใจมองอยู่สักพัก ก็พบว่าเป็นรูปที่ถ่ายจากที่ไกลๆ เป็นรูปที่เธอถ่ายรูปวิวให้หซู่เป่ยอยู่นอกสตูดิโอในวันที่ไปถ่ายนิตยสาร และรูปตอนที่หซู่เป่ยขอแลกคอนแท็คกับเธอ

………ก็ยังถูกถ่ายเอาไว้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท