Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 941

ตอนที่ 941

บทที่ 941 ให้ตายก็ไม่โอนอ่อน

ลู่เซิ่นรู้ผลเร็วกว่าฉินซีอยู่เป็นธรรมดา

เพราะเขาเป็นถึงคนตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย

แผนกโฆษณารับสมัครเยอะมาก แต่พล็อตที่ได้รับมาก็มีทั้งดีและแย่ปะปนกันไป พวกเขาคัดเลือกอย่างดีที่สุด ทั้งยังส่งไปให้คนภายในแผนกโหวตอีกรอบ ถึงได้ส่งผลขึ้นมา

พล็อตที่ได้รับผลโหวตมากที่สุด คือพล็อตของฉินซี

คนรับผิดชอบพูดอธิบายผลการคัดเลือกเป็นพนักงานใหม่ และไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของฉินซีและลู่เซิ่น จึงกลัวว่าลู่เซิ่นจะปฏิเสธพล็อตของฉินซีเพราะเธอไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นจึงพยายามขายอย่างสุดกำลังว่า “แม้ว่าเจ้าของพล็อตไม่ใช่ศิลปินที่โด่งดังเป็นพิเศษ แต่ว่าภาพที่เธอถ่ายก็ได้ขึ้นนิตยสารมีชื่อเสียงอยู่หลายเล่ม แล้วพล็อตของเธอก็มีเนื้อหาสมบูรณ์ที่สุด แล้วก็สะดุดตาที่สุดด้วย…..”

เมื่อหัวหน้าแผนกกับหลินหยังมองหน้ากัน ก็เห็นแววขบขันในดวงตาของกันและกัน

เพราะพนักงานคนนี้ กำลังชมภรรยาของลู่เซิ่นต่อหน้าลู่เซิ่น

สีหน้าของลู่เซิ่นเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก หลังจากได้ฟังที่พนักงานร่ายยาวออกมาว่าข้อดีของพล็อตเรื่องนี้มันอยู่ตรงไหนบ้าง ก็เอ่ยถามขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า “ในความคิดของคุณ หกตัวอย่างในพล็อตเรื่อง ส่วนที่ไม่ควรตัดทิ้งที่สุด คือส่วนไหน?”

พนักงานเงียบไป ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก็พูดออกมาตามจริงว่า “ผมคิดว่า ส่วนที่ไม่ควรตัดทิ้ง ก็น่าจะเป็นส่วนของหซู่เป่ยนะครับ”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นยังคงเรียบนิ่ง “ทำไม?”

พนักงานรู้สึกได้ว่าท่าทางของเขาดูเยือกเย็นอย่างแปลกประหลาด จึงอธิบายออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆว่า “เพราะว่าถึงพล็อตเรื่องนี้จะกินใจคนดูมาก แต่ถ้าขาดส่วนของหซู่เป่ยไป ก็จะขาดไฮไลท์ดึงดูดสายตาคน แม้ว่าคนทั่วไปจะเกิดความรู้สึกร่วม แต่ถ้าไม่มีจุดพลิกทำให้พวกเขาได้มองมุมกว้าง ต่อให้ดึงดูดความสนใจได้สำเร็จก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ”

เมื่อเขาพูดจบ ลู่เซิ่นก็เงียบไปชั่วครู่ พนักงานเริ่มอยู่ไม่สุข จึงเงยหน้าไปมองหัวหน้าของตัวเองทีหนึ่ง

หัวหน้าจึงส่งสายตาปลอบใจมาให้เขา

“ในเมื่อดีขนาดนี้ ก็เอาอันนี้แหละ”

หลังจากเงียบไปนาน จู่ๆลู่เซิ่นก็เอ่ยปากพูดออกมา

คนทั้งแผนกถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ไม่ว่าหลังจากการถ่ายทำจะเจอปัญหาอะไร อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็ทำสำเร็จไปแล้วหนึ่งก้าว

……

คืนนั้นเมื่อลู่เซิ่นกลับมาถึงบ้าน สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยสักนิด

ฉินซีรู้ดีว่าที่พล็อตของเธอผ่านการคัดเลือก เพราะได้รับการอนุมัติจากลู่เซิ่น แต่ไม่ว่าจะมองยังไง ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะอนุมัติให้พล็อตที่เขาเคยคัดค้านอย่างหนักผ่านการคัดเลือก

ฉินซีจำต้องพูดหยั่งเชิงออกไปว่า “พรุ่งนี้ตอนคุณไปทำงาน พาฉันไปด้วยนะ”

ลู่เซิ่นพยักหน้า

เขาไม่คิดจะถามอะไรเธอหน่อยเหรอ?

ฉินซีขมวดคิ้วนิดๆ “ฉันว่าจะไปแผนกโฆษณา”

ลู่เซิ่นยังคงพยักหน้า เพิ่มเติมคือตอบรับเสียงเบาว่า “อืม”

ฉินซีทนเห็นเขาเย็นชาแบบนี้ต่อไปไม่ไหว จึงพูดออกไปตรงๆว่า “แผนกโฆษณาส่งอีเมลแจ้งให้ฉันไปคุยเรื่องพล็อต คุณรู้เรื่องไหม?”

ลู่เซิ่นเงยหน้าไปมองเธอ “ผมต้องรู้อยู่แล้วสิ”

“แล้วจะทำเป็นไม่สนใจเลยหรือไง” ฉินซีบ่นอุบอิบเสียงเบา “เพราะงั้นต่อไปนี้ฉันคงต้องขอติดรถคุณไปที่บริษัทลู่ซื่อบ่อยๆแล้วล่ะ”

ลู่เซิ่นไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา ยังคงพยักหน้าเพื่อบ่งบอกว่ารับรู้เหมือนเคย

ฉินซีฮึดฮัด ขี้เกียจจะพูดกับเขาต่อ

ความจริงแล้วลู่เซิ่นหงุดหงิดตัวเอง มากกว่าที่หงุดหงิดฉินซีซะอีก

ที่เขาถามพนักงานไปแบบนั้น ก็เพราะอยากรู้ว่าทำไมวันนั้นฉินซีถึงได้โกรธเขานักหนา ถึงขนาดให้ตายยังไงก็ไม่ยอมโอนอ่อน

และคำตอบของพนักงานคนนั้น ก็ทำให้เขาเข้าใจเหตุผล

เพียงแต่ว่าในใจของเขายังมีความรู้สึกขัดใจอยู่หน่อยๆ คงต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะจัดการตัวเองได้

เมื่อฉินซีกินข้าวเสร็จ ในตอนที่ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากโต๊ะอาหาร ลู่เซิ่นก็ปริปากพูดขึ้นว่า “ยินดีด้วย ฉินซี คุณวางพล็อตเรื่องได้ดีมาก”

น้ำเสียงของเขานิ่งๆ ไม่เหมือนกำลังชื่นชมอยู่สักนิด แต่การได้ยินคำชมจากปากของคนที่จู้จี้จุกจิกอย่างลู่เซิ่น ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว

“ขอบคุณ” ฉินซีผงกหัว ไม่รอให้ลู่เซิ่นกินเสร็จ ก็เดินไปจากโต๊ะอาหาร

……

วันต่อมา ฉินซีไม่ได้ไปบริษัทลู่ซื่อพร้อมลู่เซิ่น

ที่เธอพูดบนโต๊ะอาหารเมื่อวานก็แค่อยากเรียกร้องความสนใจจากลู่เซิ่นอย่างเดียว เพราะว่าแผนกโฆษณานัดเธอไปคุยงานตอนบ่าย แต่ลู่เซิ่นต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้า

ฉินซีขับรถมาที่บริษัทลู่ซื่อเอง พอเดินเข้ามา ก็เพิ่งนึกได้ว่านี่เป็นครั้งที่สองที่ตัวเองมาที่นี่

คนในแผนกโฆษณามายืนรอรับเธออยู่ข้างล่าง ซึ่งก็คือพนักงานที่พูดชมเชยเธอไม่หยุดคนนั้น

ดูท่าทางแล้วเขาน่าจะเพิ่งจบมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ ความกระตือรือร้นในการทำงานมีอยู่เต็มเปี่ยม พอได้คุยกับฉินซีเขาก็พูดน้ำไหลไฟดับ “ตอนผมเห็นพล็อตของคุณ ก็รู้สึกทัชใจมาก มันทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวของตัวเองเลย……”

พนักงานในแผนโฆษณาส่วนใหญ่แล้วมีแต่วัยรุ่น อายุห่างกับฉินซีไม่กี่ปี ดังนั้นพอได้พูดคุยกันจึงเป็นไปไปอย่างลื่นไหล

พวกเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพึงพอใจกับผลงานของฉินซีมาก แต่ในเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยยังมีจุดต้องปรับแก้อีกเยอะ

ไอเดียของเหล่าพนักงานบรรเจิดมาก ไอเดียใหม่ๆจึงถูกเสนอออกมาเรื่อยๆ พอฉินซีได้มานั่งอยู่ท่ามกลางพวกเขา ก็รู้สึกว่าตัวเองเด็กลงเยอะเลย

ไม่ทันรู้ตัว ก็วนมาถึงส่วนสุดท้ายของพล็อตนั่นก็คือส่วนของหซู่เป่ย

“คุณบอกว่า คุณมีรูปภาพของหซู่เป่ย ใช่ไหมคะ?” หญิงสาวที่อยู่ตรงมุมค่อนข้างจะดูตื่นเต้น ดูเหมือนว่าจะเป็นแฟนคลับของหซู่เป่ย

ฉินซีส่ายหน้า “ฉันต้องถามเขาก่อน ว่าเอามาใช้ได้ไหม”

“คุณมีช่องทางติดต่อเขาด้วยเหรอคะ!” สาวน้อยคนนั้นอุทานออกมา แต่ก็รู้จักแยกแยะ ไม่ได้ขอเบอร์หซู่เป่ยกับเธอแต่อย่างใด เพียงแค่พูดเร่งเร้าว่า “งั้นคุณถามตอนนี้ได้ไหมคะ?”

เมื่อฉินซีเห็นแววตาเป็นประกายของเธอ ก็ใจร้ายปฏิเสธไม่ลง เอื้อมมือไปล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความไปหาหซู่เป่ยว่า “รูปที่ฉันเคยถ่ายให้คุณครั้งก่อน ถ้านำไปใช้ในทางธุรกิจ ต้องคุยกับผู้จัดการของคุณไหม?”

เดิมทีเธอก็ไม่คิดว่าหซู่เป่ยจะตอบกลับมาเร็ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าผ่านไปไม่กี่วิ โทรศัพท์ของเธอจะส่งเสียงดังขึ้นมา

และคนที่โทรมา ก็คือหซู่เป่ย

ฉินซีโบกมือเชิงขอโทษคนอื่น จากนั้นก็ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ข้างนอก

ทันทีที่กดรับ เสียงเป็นเอกลักษณ์ของหซู่เป่ยก็ดังขึ้นมา “ทำไมจู่ๆพูดว่าอย่างงั้น?”

ฉินซีพูดออกไปตามตรง “เพราะบริษัทลู่ซื่อกำลังจะทำสื่อโฆษณาชวนเชื่อ และฉันก็คิดว่ารูปที่ถ่ายให้คุณมันใช้ได้ ก็เลยมาถามคุณนี่แหละ”

หซู่เป่ยเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็พูดว่า “ช่างเถอะ ตอนแรกผมว่าจะคิดราคาเองสักหน่อย แต่ผมคิดว่าคุณไม่น่าจะตกลง คุณไปติดต่อกับผู้จัดการของผมเองดีกว่า”

ความรู้สึกของฉินซีมันบอกว่าคำว่า “คิดราคา”ที่เขาพูดมาต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ จึงระวังตัวไม่ถามต่อ ทำแค่พูดตอบกลับไปว่า “ได้ ฉันจะให้คนของบริษัทลู่ซื่อติดต่อไป”

“จะมีการถ่ายทำใช่ไหม?” จู่ๆหซู่เป่ยก็ถามขึ้นมา

ฉินซีคิดอยู่สักพัก ก็พยักหน้าพร้อมพูดว่า “มี”

“เอาสิ” หซู่เป่ยหัวเราะออกมาเบาๆ “ถ้าคุณถ่ายให้ผมล่ะก็ ผมจะบอกให้ผู้จัดการลดราคาให้”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท