Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 944

ตอนที่ 944

บทที่ 944 แล้วแต่โอกาส

หซู่เป่ยดึงเก้าอี้ออกมา แล้วลงไปนั่งข้างๆฉินซี “มาจริงๆด้วย กลัวว่าผมจะไม่ตั้งใจถ่ายจริงๆเหรอ?”

ฉินซีส่ายหน้า “แค่ผ่านมา ก็เลยแวะเข้ามาดูหน่อย”

หซู่เป่ยไม่ถามต่อ ทำเพียงเอามือเท้าคางมองมาที่เธอ “งั้นในเมื่อคุณมาแล้ว คุณลองถ่ายในส่วนที่กำลังจะถ่ายดูไหม?”

ฉินซีกวาดตามองทีมผู้กำกับ แล้วพูดออกมาอย่างกำกวม “คงต้องดูว่าผู้กำกับเขาจะว่ายังไง”

หซู่เป่ยเลิกคิ้ว “คุณไม่ใช่บอสใหญ่ของงานนี้หรอกเหรอ?”

ฉินซีหันไปมองเขา “ทำไมคุณคิดอย่างนั้น?”

หซู่เป่ยขยับเข้าไปใกล้ แล้วพูดกระซิบข้างหูเธอเสียงเบาว่า “ก็เพราะว่าคุณเป็นภรรยาของลู่เซิ่นไง”

พูดจบเขาก็ถอยออกมา แต่กลับไม่เห็นท่าทางแปลกๆอะไรจากสีหน้าของฉินซี

“คุณถามคนอื่นจนรู้ว่าฉันเป็นคนจัดการเรื่องของคุณ ถ้าจะถามจนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับลู่เซิ่น ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรถูกไหม?” ฉินซีจ้องตาหซู่เป่ยตรงๆ “ทำไม คิดว่าฉันจะตกใจเพราะคุณรู้เรื่องนี้เหรอ?”

รอยยิ้มบนหน้าของหซู่เป่ยกว้างยิ้มกว่าเดิม สายตาของเขามองฉินซีขึ้นๆลงๆ แล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉินซี คุณเป็นคนน่าสนใจจริงๆด้วย”

ฉินซีไม่หลบสายตาของเขา พร้อมทั้งยักไหล่เบาๆ “คุณก็พูดเกินไป”

ต่อมาทางผู้กำกับก็เรียกให้หซู่เป่ยไปเตรียมตัว ผู้ช่วยของหซู่เป่ยวิ่งเหยาะๆมาเร่งเขา หซู่เป่ยจึงค่อยๆยืนขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ยื่นมือออกไปบีบไหล่ของฉินซีไม่แรงไม่เบา “งั้นการถ่ายในอีกสักครู่ ฝากความหวังไว้ที่คุณนะ”

พูดจบ ก็เดินจากไป โดยไม่รอให้ฉินซีตอบกลับสักคำ

ฉินซีหัวเราะออกมาเบาๆ ในตอนที่กำลังจะลุกขึ้น ก็พบว่าแม่สาวแฟนคลับของหซู่เป่ยโผล่มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ยืนมองเธอตาค้าง

“คุณ……” ฉินซีรู้สึกปวดหัวทันที ไม่รู้ว่าที่หซู่เป่ยพูดมาเมื่อกี้ เธอได้ยินไปมากแค่ไหน

“พี่ฉิน” แฟนคลับตัวน้อยกัดฟัน พร้อมกับเดินเข้ามาหา ราวกับจะทำการใหญ่อะไรสักอย่าง จากนั้นก็พูดกระซิบกับฉินซีเสียงเบาว่า “หซู่เป่ย…..ไม่ใช่คนดีอะไร พี่อย่าโดนหลอกง่ายๆนะ”

มาคราวนี้ฉินซีตกใจอย่างแรง “คุณพูดอะไร?”

แฟนคลับทำราวกับกลัวว่าฉินซีจะไม่เข้าใจความหมายของเธอ จึงพูดรวบรัดเร็วๆออกมา “พี่ฉิน เห็นหซู่เป่ยอย่างนี้ เขาเจ้าชู้มากๆเลยนะ ข้างกายมีผู้หญิงเข้าหาอยู่ตลอด พี่อย่าให้เขาหลอกนะ…….”

ฉินซียกมือขึ้นมา “หยุดๆ ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะถูกหซู่เป่ยหลอก เมื่อกี้ฉันก็แค่คุยกับเขาไปเรื่อย”

แฟนคลับกัดริมฝีปาก ด้วยท่าทางลำบากใจ “ก็เมื่อกี้ตอนพวกพี่คุยกันดูสนิทสนมกันมาก คนอื่นเห็น ก็คงคิดแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ……..”

ฉินซีเอียงหัว นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็ไม่รู้สึกว่ามันจะดู “สนิทสนม” กันตรงไหน พนักงานคนนี้คงชื่นชอบหซู่เป่ยมาก พอเห็นใครเข้าใกล้หซู่เป่ยก็คงรู้สึกไม่สบายใจ ฉินซีจึงตบไหล่เธอเบาๆแล้วพูดว่า “สบายใจเถอะ ฉันกับหซู่เป่ยไม่มีอะไรหรอก”

พนักงานพยักหน้าหงึกหงัก แล้วพูดย้ำออกมาอีกว่า “แต่พี่ก็ห้ามถูกเขาหลอกเด็ดขาดเลยนะ”

ฉินซีรู้สึกขำ จากนั้นก็เดินไปหาทีมผู้กำกับ

เมื่อผู้กำกับเห็นเธอก็ตกใจ จากนั้นก็กล่าวทักทาย แล้วเป็นฝ่ายพูดออกมาเองว่า “ในเมื่อคุณก็มาแล้ว อีกสักครู่ คุณลองถ่ายดูดีไหม? เมื่อกี้เขาก็เอาแต่ถามว่าคุณจะมาหรือเปล่า”

เมื่อผู้กำกับพูดมาขนาดนี้ ฉินซีจึงไม่กล้าปฏิเสธ จำต้องพยักหน้าตอบรับไป

การจัดท่วงท่าของหซู่เป่ยดีมากจริงๆ เพราะเป็นดารา จึงไม่กลัวกล้องเหมือนผู้ให้สัมภาษณ์คนก่อนๆ ใบหน้าที่ฉายอยู่ในกล้อง ก็ไม่มีจุดไหนผิดพลาดเลยสักนิด

การถ่ายวิดีโอใช้เวลาไม่นานก็เสร็จสิ้น เมื่อหซู่เป่ยเดินออกมาจากเซ็ท แล้วเห็นฉินซีกำลังเลือกเลนส์กล้องอยู่อีกด้าน ชั่วขณะนัยน์ตาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเธอ “ผู้กำกับให้คุณถ่ายแล้วสินะ คุณตากล้อง”

เมื่อฉินซีนึกไปถึงคำพูดของแฟนคลับสาวที่พูดมาเมื่อสักครู่ ก็แอบก้าวถอยหลังให้ห่างจากเขาเนียนๆ จากนั้นก็พยักหน้า “หวังว่าเราจะร่วมงานกันได้ด้วยดี”

หซู่เป่ยสังเกตเห็นการกระทำของเธอ เขาไม่ถอย แต่กลับขยับเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น “เช่นกัน”

ฉินซีขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นไปมองเขา กำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ข้างหลังกลับมีเสียงตะโกนดังขึ้นมา “ถอยๆ! ทางนี้จะย้ายเซตติ้งแล้ว! อย่าขวางทาง!”

ไม่ทันไร ฉินซีก็รู้สึกว่าหลังของตัวเองกำลังถูกอะไรชนเข้า ร่างกายเสียการควบคุมจนร่างกายเอนล้มลงไปข้างหน้า

ยังดีที่หซู่เป่ยยืนอยู่ตรงข้าม จึงคว้าเธอเอาไว้ได้ทัน เธอเลยไม่ได้หกล้มคะเมนต่อหน้าทุกคน “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

ฉินซีพยุงแขนของเขาเอาไว้เพื่อทรงตัว ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เป็นอะไร”

เธอหันหน้าไปมองฝ่ายขนย้ายคนนั้นที่หอบของสูงพะเนินจนบดบังการมองเห็นทางข้างหน้า และดูเหมือนจะไม่รู้ตัวด้วยว่าตัวเองชนคนเข้า ถึงได้เดินไปไกลอย่างไม่รู้สึกรู้สา

“อะไรกัน ไม่ขอโทษกันสักคำเลยเหรอ” หซู่เป่ยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอ “เดี๋ยวผมตามไปพูดกับเขาให้”

ฉินซีเม้มปากพร้อมกับส่ายหน้า ดึงชายเสื้อของเขาไว้เพื่อไม่ให้เขาตามไปเอาเรื่อง “ฉันเองก็ไม่ระวังเหมือนกัน ช่างเถอะ”

หซู่เป่ยก้มหน้ามองเธออย่างงงงวย “ดูไม่ออกเลยเหรอ คุณ….จิตใจดีขนาดนั้นเลย?”

ฉินซียิ้ม “ทำไม ฉันดูเหมือนคนไม่ดีเหรอ?”

หซู่เป่ยส่ายหน้า “ไม่ใช่อย่างนั้น แต่คนที่ขวางทางเขา….ช่างเถอะ คิดซะว่าผมไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”

ฉินซีไม่ได้ถามต่อ เพราะทางนั้นตะโกนเรียกให้ไปเตรียมตัวแล้ว เธอจึงหยิบเอาเลนส์กล้องที่เลือกไว้ขึ้นมา แล้วดันหซู่เป่ยให้ไป “ไปเถอะ ทำงานได้แล้ว”

ครั้งนี้จริงๆแล้วเป็นครั้งที่สองที่ทั้งสองได้ร่วมงานกัน และก็เป็นการถ่ายรูปคนอย่างเป็นทางการครั้งที่สองของฉินซีเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะความเป็นมืออาชีพของหซู่เป่ย หรือเพราะการร่วมงานของทั้งสองเป็นไปอย่างรู้ใจกัน เมื่อผลงานออกมา แม้แต่คนขี้จุกจิกอย่างผู้จัดการของหซู่เป่ยก็เอ่ยชมไม่ขาดปาก

“หลังจากนี้ยังสามารถติดต่อคุณไปทำงานด้วยได้ไหม?” ดวงตาทั้งสองข้างของผู้จัดการเป็นประกาย

ฉินซีส่ายหัวยิ้มๆ “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ใช่มืออาชีพขนาดนั้น หลังจากนี้จะได้ร่วมงานกันหรือเปล่า ก็คงขึ้นอยู่กับโอกาสแล้วล่ะค่ะ”

ผู้จัดการยังอยากพูดอะไรออกมา แต่ก็ทีมงานก็เดินมากระตุกแขนเธอแล้วพูดว่า “พี่ฉิน ไหนๆพี่ก็มาแล้ว งั้นก็อยู่ดูงานที่นี่เลยเป็นไง จะได้ไม่ต้องส่งไปให้พี่ดูอีก”

ฉินซีพยักหน้าตกลง จากนั้นก็หันไปผงกหัวบอกลากับหซู่เป่ยกับผู้จัดการ แล้วหมุนตัวเดินออกมา

เมื่อหางตาเหลือบไปมอง เธอก็เห็นพนักงานของบริษัทลู่ซื่อคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิม แววตาดูซับซ้อนกว่าที่เคยเป็น

ฉินซีอยากเข้าไปคุยกับเธอ แต่ทีมงานก็เร่งยิกๆ เธอจึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป แล้วเดินเข้าไปหาผู้กำกับ

หซู่เป่ยเข้ามาบอกลากับทุกคนกลางคัน เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้จัดการกับทีมงานทุกคน เขาจะแสดงออกอย่างสุภาพเรียบร้อย และมีมารยาท ไม่ได้มีท่าทางเหมือนที่คุยกันส่วนตัวกับฉินซีเมื่อสักครู่เลยสักนิด

เพียงแต่ในตอนที่เขาหันมา ก็ถือโอกาสตอนที่คนอื่นไม่สังเกตเห็น ขยิบตาให้ฉินซีในไปทีหนึ่ง

ฉินซีพยักหน้าให้เขานิ่งๆพอเป็นมารยาท

จริงๆแล้วเจตนาของหซู่เป่ยมันชัดเจนมาก แต่ฉินซีกลับไม่เข้าใจว่า ในเมื่อเขารู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับลู่เซิ่น แล้วทำไมยังถึงคิดอะไรกับเธออยู่?

แต่พอคิดว่าหลังจากนี้คงไม่ได้ติดต่อกับหซู่เป่ยอีกแล้ว เธอจึงไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท