Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 943

ตอนที่ 943

บทที่ 943 อำนาจของความรวย

ตั้งแต่นั้นภายในครึ่งเดือนต่อมา ฉินซีก็เริ่มไปๆมาๆที่บริษัทลู่ซื่อบ่อยขึ้น

ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นพูดอะไรกับคนในแผนก การประชุมถึงได้เปลี่ยนไปเป็นช่วงเช้า เมื่อเป็นแบบนี้ฉินซีจึงจำต้องติดรถของลู่เซิ่นไปที่บริษัทด้วยทุกครั้ง

เพียงแต่ว่า……เธอต้องไม่ทำตัวให้เป็นที่น่าสงสัย จึงไม่เคยลงจากรถพร้อมลู่เซิ่นเลยสักครั้ง

ลู่เซิ่นเองก็ไม่ถือสา แต่ถ้าวันไหนเธอประชุมถึงเที่ยง ก็จะลงมาเรียกเธอไปกินข้าวด้วยตัวเอง

เริ่มแรกพนักงานในแผนกต่างพากันตกใจเป็นอย่างมาก พอหลังๆมาเริ่มชิน และหัวไวพอจะคิดอะไรได้ จึงดูออกว่าความสัมพันธ์ของฉินซีกับลู่เซิ่นไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่เมื่อพวกเขาลองถามฉินซีอ้อมๆ ฉินซีกลับบ่ายเบี่ยง ไม่เคยตอบเลยสักครั้ง

ช่วงหนึ่ง ในแผนกจึงเต็มไปด้วยข่าวซุบซิบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา บางคนก็พูดว่าฉินซีเป็นคนรักที่ลู่เซิ่นเลี้ยงดูบางคนก็พูดว่าฉินซีเป็นรักแรกพบของลู่เซิ่นในวันที่เขามาสังเกตการณ์ที่แผนก ฉินซีบังเอิญได้ยินมาบ้าง เธอรู้สึกว่าที่ทุกคนพูดมาน่าขำหมด

เธอไม่รู้ว่าคนในบริษัทลู่ซื่อมองเธอยังไง แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากเท่าไหร่นัก

ถึงยังไงฉินซีก็มาทำงานที่นี่แค่ชั่วคราว ความคิดของคนอื่นไม่มีผลอะไรต่อเธอหรอก

ส่วนใครอีกคนที่ถูกกล่าวถึงในข่าวซุบซิบนั่น……..ฉินซีมองใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบของลู่เซิ่น จากนั้นก็ส่ายหน้าเบาๆ

เขาก็น่าจะไม่เก็บมาใส่ใจหรอกมั้ง

……

ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดทุกอย่างก็เตรียมพร้อม

ถึงฉินซีจะเป็นคนคิดไอเดียต่างๆ แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้กำกับมืออาชีพ แผนกโฆษณาจึงเชิญผู้กำกับและตากล้องมืออาชีพมาถ่ายงานในครั้งนี้ ทั้งยังเชิญทีมผู้ผลิตรุ่นหลังที่มีชื่อเสียงในแวดวงนี้เข้าร่วมด้วย เพราะกลัวว่าพวกเขาจะสื่อสารกับฉินซีไม่เข้าใจ และไม่บรรลุความต้องการของฉินซี จึงเชิญให้พวกเขามาพูดคุยฉินซีก่อนล่วงหน้าที่บริษัทลู่ซื่อ

ในทุกๆครั้งฉินซีจะเห็นจำนวนงบประมาณที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนต้องถอนหายใจให้กับอำนาจความรวยของบริษัทลู่ซื่อ

แต่ความเป็นมีอาชีพของทีมงานก็ไร้ที่ติจริงๆ ประชุมไม่กี่ครั้ง ทีมกล้องก็เข้าใจแผนงานของฉินซีเป็นอย่างดี

ดังนั้นเมื่อการเตรียมงานในช่วงแรกสำเร็จลุล่วง ฉินซีจึงรู้สึกโล่งไม่น้อยเลย

ความถี่ในการประชุมลดลง และเธอก็ไม่จำเป็นต้องไปที่สถานที่ถ่ายทำทั้งหมด เธอเลยมีเวลาว่างคัดเลือกและขัดเงารูปภาพ รอจนกว่าผลงานของทีมกล้องถูกส่งมา เธอแค่รอดูอีกรอบ จากนั้นก็เลือกภาพที่ถูกใจเท่านี้ก็เสร็จแล้ว

ได้ใช้ชีวิตสบายๆแบบนี้แค่ไม่กี่วัน วันหนึ่ง จู่ๆฉินซีก็ได้รับสายโทรศัพท์จากหซู่เป่ย

เรื่องการทำข้อตกลงกับทีมงานของหซู่เป่ยทางบริษัทลู่ซื่อเป็นฝ่ายเจรจาเอง ฉินซีเองก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายพวกเขาได้ข้อสรุปมาว่ายังไง แต่ฟังจากที่แฟนคลับของหซู่เป่ยพูดกัน คร่าวๆคือคุยกันไว้ว่าจะใช้เวลาหนึ่งวันในการถ่าย

ฉินซีฟังเข้าหูแต่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แม้ว่าหซู่เป่ยจะเป็นดารา แต่เธอก็แค่เอาหซู่เป่ยมาเป็นหนึ่งในตัวดำเนินเรื่องที่ไม่ได้ต่างจากตัวดำเนินเรื่องคนอื่นๆอะไร เธอจึงไม่ได้สนใจ แม้แต่เรื่องหซู่เป่ยถ่ายวันไหน เธอก็ไม่ได้เสียเวลาไปจำเลยสักนิด

พอจู่ๆได้รับสายของหซู่เป่ย ฉินซีจึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“คุณตากล้อง ทำไมไม่มาสถานที่ถ่ายทำล่ะ?” เมื่อกดรับ เสียงมีเอกลักษณ์ของหซู่เป่ยก็ดังขึ้นมา

ฉินซียิ้มนิ่งๆ “ฉันไม่ได้เชี่ยวชาญในการถ่ายลักษณะนี้ ถ้าไปก็คงได้แค่ดูเฉยๆ”

“ถ้ารู้ว่าคุณไม่ได้เป็นคนถ่ายตั้งแต่แรก รู้งี้ผมไม่น่ารับงานมาเลย” แม้ว่าน้ำเสียงของหซู่เป่ยจะฟังดูเชิงหยอกล้อ แต่ฉินซีก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“ตากล้องที่นั่นสื่อสารไม่เข้าใจเหรอ?”

“เปล่าหรอก” หซู่เป่ยปฏิเสธเสียงเอื่อยๆ “เพียงแต่ว่าถ้าพวกเขาเป็นคนถ่ายให้ผม ผมคงไม่ดีใจเท่าไหร่”

ถึงยังไงเขาก็เป็นดาราดัง การมีอารมณ์เหวี่ยงวีนจึงเป็นเรื่องปกติ ฉินซีพูดจูงใจตัวเองไปพลาง เอ่ยถามอีกฝ่ายไปพลาง “แล้วคุณต้องการอะไร?”

“ก็ถ้าคุณยุ่ง ไม่มีเวลามาถ่ายให้ ผมก็ไม่อยากรบกวนคุณหรอก” หซู่เป่ยพูดอ้อมๆ แต่ฉินซีเข้าใจว่าเขาอยากให้เธอไป

ลังเลอยู่สักพัก ฉินซีก็พูดตัดบทขึ้นมาว่า “ฉันพอจะว่างอยู่ เดี๋ยวไปดู”

หซู่เป่ยไม่ได้ดึงดันอะไรต่อ แค่ตอบรับเสียงนิ่ง แล้วกดวางสายไป

ฉินซีเอาแผนงานมาเปิดอ่าน ก็พบว่าวันนี้นอกจากจะต้องถ่ายวิดีโอแล้ว หซู่เป่ยยังมีถ่ายภาพนิ่งอีกสองสามภาพ

เธอก็เคยได้ยินมาบ้างว่าเวลาพวกดาราเล่นตัวจะทำให้งานเดินช้า เมื่อนึกไปถึงทนเสียงเอื่อยๆของหซู่เป่ยเมื่อครู่ เธอก็อดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้

พรุ่งนี้ยังมีตารางการถ่ายส่วนอื่นอีก ถ้าวันนี้ส่วนของหซู่เป่ยถ่ายไม่เสร็จ งานต้องไม่คืบหน้าแน่ๆ……

ถึงยังไงนี่ก็เป็นงานของเธอ ฉินซีไม่อยากให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

ครุ่นคิดอยู่สักพัก ฉินซีก็ลุกขึ้นไปหยิบกุญแจรถ แล้วมุ่งไปยังสถานที่ถ่ายทำ

……

ณ สถานที่ถ่ายทำ ในส่วนของหซู่เป่ย ประกอบไปด้วยการสัมภาษณ์เล็กๆน้อยๆกับการแสดงภาพที่ไม่เหมือนกันในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้นวันนี้หลักๆที่เขาต้องทำคือถ่ายวิดีโอสัมภาษณ์นิดหน่อย ยังมีการถ่ายภาพที่อาจจะได้ใช้ไว้สองสามรูป

เมื่อมาถึง ฉินซีก็พบว่าหซู่เป่ยกำลังถ่ายวิดีโอสัมภาษณ์ และสถานการณ์ก็ดีกว่าที่เธอจินตนาการไว้อยู่บ้าง อย่างน้อยหซู่เป่ยก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่ทุ่มเทกับงานออกมา

“พี่ฉิน มาด้วยเหรอ?” พนักงานในแผนกหันไปเห็นเธอ จากนั้นก็โบกมือให้เธอ

ฉินซีเคยมาที่สถานที่ถ่ายทำแค่ตอนถ่ายครั้งแรก แต่เธอไม่ใช่มืออาชีพ จึงทำได้แค่ดูอยู่ข้างๆไม่สามารถช่วยอะไรได้ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีก

วันนี้สาวน้อยแฟนคลับของหซู่เป่ยตามมาเป็นทีมงานด้วย เธอพยายามเก็บหน้าให้ดูจริงจัง แต่สายตากลับเอาแต่ปลายไปทางหซู่เป่ยอย่างไม่อาจห้ามได้ เมื่อฉินซีเห็นแบบนั้น ก็รู้สึกขำ

“เป็นไง หล่อไหม?” ฉินซีตั้งใจพูดแหย่เธอ

แฟนคลับสาวพยักหน้าโดยอัตโนมัติ ต่อมาก็รู้สึกตัว พูดอย่างเขินๆว่า “พี่ฉิน! อย่าล้อฉันนะ!”

ฉินซีหัวเราะ แล้วเอ่ยถามลอยๆว่า “ความคืบหน้าในการถ่ายทำวันนี้ เป็นยังไงบ้าง”

แฟนคลับสาวหน้าแดง “ดีสุดๆ! หซู่เป่ยแอ็คท่าไหน ก็ถูกใจผู้กำกับทั้งหมด! รวมๆแล้วไม่มีติดขัดเลย เทคเดียวผ่าน!”

เธอมีสีหน้าภูมิใจ ราวกับถูกผู้กำกับชมซะเอง

ฉินซีพูดแหย่เธอเล่นต่อไม่กี่คำ ในที่สุดก็เบาใจลง

ยังดีที่หซู่เป่ยไม่ใช่คนประเภทไม่นึกถึงส่วนรวม

“แต่ว่านะพี่ฉิน พี่มาทำไมเหรอ?” แฟนคลับสาวพูดอยู่ตั้งนาน ถึงเพิ่งจะนึกคำถามนี้ขึ้นมาได้ “อย่าบอกนะว่าพี่ก็มาดูหซู่เป่ยเหมือนกัน?”

ยังไม่ทันที่ฉินซีจะได้ตอบกลับ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลังว่า “ใช่ครับ เธอมาดูผม”

เป็นเสียงของหซู่เป่ย

แฟนคลับสาวหน้าแดงแปร๊ด ลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนตัวตรง พร้อมกับพูดติดอ่างออกมา “หซู่….หซู่เป่ย…..”

หซู่เป่ยเหลือบมองป้ายสตาฟของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงยิ้มๆออกมาว่า “เป็นพนักงานบริษัทลู่ซื่อใช่ไหมครับ? ลำบากคุณแล้ว”

แฟนคลับตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา “ไม่เลยค่ะ….ไม่ลำบากเลย……”

ฉินซีทนมองเขาแกล้งแฟนคลับของตัวเองไม่ได้ จึงตบไหล่ของแฟนคลับสาวแล้วพูดว่า “คุณไปช่วยงานผู้กับเถอะ”

แฟนคลับสาวอ่านสายตาออก รู้ว่าฉินซีมีเรื่องอยากจะคุยกับหซู่เป่ยตามลำพัง เธอจึงพยักหน้าแล้วเดินออกไปอย่างเสียดาย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท