Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 947

ตอนที่ 947

บทที่ 947 แก้ตัวไม่พ้นข้อกล่าวหา

ต่อมาเนื้อหาในกระทู้ก็ยิ่งไปเรื่อย บ้างก็ว่าเป็นรักแรกพบ ไม่สามารถลืมกันและกันลงได้ สุดท้ายก็ แอบสานสัมพันธ์กันลับๆ ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่ตอนร่วมงานกันครั้งที่สอง ไม่มีใครในที่นั่นไม่รับรู้ถึงบรรยากาศ”หวานแหวว”ของพวกเขาทั้งสองคน

ฉินซีมองรูปภาพวกนั้นในกระทู้ มีรูปที่หซู่เป่ยถ่ายเสร็จแล้วมานั่งคุยเล่นอยู่กับเธอ และรูปตอนที่เขาตบไหล่ของเธอก่อนเขาจะไปเข้าฉาก ทั้งมุมกล้องและรูปที่ทั้งเบลอทั้งมัว ไม่แปลกที่จะทำให้คนเดาเหตุการณ์ไปต่างๆนานา

และรูปที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดก็คือ รูปที่หซู่เป่ยโอบเธอเอาไว้ในอ้อมแขน

ฉินซีรู้ดี ว่าตอนนั้นเธอถูกคนข้างหลังชน จนหซู่เป่ยต้องช่วยประคองเธอเอาไว้ไม่ให้เธอล้มลง แต่จากมุมกล้องที่ถ่ายมา ในรูปทั้งสองคนแนบชิดกันมาก มากถึงขั้นจูบได้ จูบไปแล้ว

ในตอนนี้ฉินซีเข้าใจความรู้สึกแก้ตัวไม่พ้นข้อกล่าวหาของพวกดาราแล้ว

ในส่วนท้ายของกระทู้ ยังแนบลิงก์ที่หซู่เป่ยแชร์เอาไว้มาอีกด้วย พร้อมทิ้งประโยคไว้ว่า “ครั้งนี้ดาราหนุ่มน่าจะเอาจริงแล้วสินะ ถึงได้นำเสนอแฟนสาวของตัวเองสุดกำลังถึงขนาดนี้” จากนั้นเจ้าของกระทู้ก็ไม่ตอบกลับข้อความของใครอีก

กระทู้นี้ดุเดือดในทันที ในเวยป๋อมีคนถกประเด็นนี้เยอะมาก ทั้งยังติดฮอร์ทเสิร์ชอยู่ตั้งนาน บางคนก็บอกว่าเคยเห็นพวกเขาเข้าโรงแรมด้วยกัน บางคนก็พูดว่าเคยบังเอิญเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันที่ไหนสักที่ ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว ถ้าฉินซีไม่ใช่หนึ่งในบุคคลที่กำลังถูกกล่าวถึง ถ้าได้อ่านข่าวพวกนี้ ก็คงคิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันจริงๆไปแล้ว

“มีอะไรอยากพูดไหม?” เมื่อลู่เซิ่นเห็นเธออ่านจบแล้วเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

ฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามใจเย็น “คนพวกนี้แต่งเรื่องเก่งจริงๆ”

ลู่เซิ่นหรี่ตาลงเล็กน้อย “เนื้อหาทั้งหมดในกระทู้นี้ เป็นเรื่องแต่งงั้นเหรอ?”

ฉินซีพยักหน้าทันที แต่จู่ๆก็พลันชะงักนิ่ง

เจ้าของกระทู้เก่งจริงๆ ที่พูดถูกครึ่งไม่ถูกครึ่ง

มีแค่เรื่องความสัมพันธ์ของเธอและเขาเท่านั้นที่เป็นเรื่องปั้นแต่งขึ้นมา นอกนั้นรายละเอียดหลายๆอย่างเป็นเรื่องจริงทั้งหมด อย่างเช่นพวกเขาร่วมงานกันครั้งแรกเมื่อไหร่ มีความเข้าขากันแค่ไหนตอนที่ถ่ายภาพ

เนื้อหาที่จริงบ้างไม่จริงบ้างแบบนี้ ทั้งยังมีรูปภาพประกอบอีก ไม่แปลกที่ทุกคนจะเชื่อว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง

แต่พอลู่เซิ่นถามมาแบบนี้….

ฉินซีขมวดคิ้วนิดๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขา “คุณหมายความว่ายังไง?”

ลู่เซิ่นกระตุกริมฝีปากขึ้น แต่รอยยิ้มกลับดูเย็นขามากกว่าตอนไม่ได้ยิ้มซะอีก “ฉินซี คุณคงรู้ตัวว่าคุณคือคุณนายลู่ ถูกไหม?”

ฉินซีกำหมัดแน่น “คุณไม่เชื่อฉันเหรอ?”

ลู่เซิ่นมองเธอนิ่งๆ ไม่ได้ตอบกลับ

ไฟโกรธของฉินซีที่มาจากการอ่านกระทู้ที่พยายามปั้นน้ำให้เป็นตัวในตอนแรก ตอนนี้ลุกลามมากกว่าเดิม เพราะถูกลู่เซิ่นสงสัย เธอลุกพรวดขึ้นมา “ทุกรูปในกระทู้เป็นรูปจริงทั้งหมด แต่แล้วยังไง? ฉันถ่ายรูปให้หซู่เป่ยนอกเหนือจากเวลางานจริงๆ แต่ก็เพราะว่าเขาเป็นนายแบบตรงตามลักษณะที่ฉันต้องการ และคำพูดที่ฉันกับเขาคุยกันตอนอยู่ที่นั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่มันก็เป็นแค่การพูดคุยกันปกติ และมุมกล้องที่ใช้ถ่ายคนสองคนที่แทบจะไม่รู้จักกันให้ออกมาเหมือนกำลังจูบกัน ก็มีแค่พวกปาปารัสซี่เท่านั้นแหละถึงจะใช้มุมกล้องแบบนี้เป็น ส่วนรูปสุดท้าย วันนั้นฉันโดนชน หซู่เป่ยเลยเข้ามาประคองฉัน เลยถูกถ่ายออกมาแบบนี้ไง!”

ฉินซีพูดออกมาขนาดนี้ แต่สีหน้าของลู่เซิ่นก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

นอกจากความโกรธแล้วฉินซีก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “ลู่เซิ่น คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณ”

พูดจบ ก็หันหลังเดินออกจากห้องไป

ลู่เซิ่นยืนนิ่งอยู่กับที่ มองแผ่นหลังของฉินซีที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ แต่กลับไม่คิดตามไป

ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถอ่านอารมณ์จากสีหน้าของเขาออก

หลังจากยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน ลู่เซิ่นก็หันหลังเดินไปห้องหนังสือ

หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นเบอร์ของคุณหญิงลู่โทรเข้ามา เมื่อกดรับเธอก็ด่าอย่างไม่ลืมหูลืมตาก่อนเป็นอันดับแรก ต่อว่าฉินซีที่แต่งงานแล้วแต่ยังไปอ่อยผู้ชายคนอื่น เหมือนแม่ตัวเองไม่มีผิด ทั้งยังบอกให้ลู่เซิ่นถือโอกาสนี้ทิ้งเธอให้เร็วๆเสีย

หลินหยังก็ส่งข้อความมาหาเยอะมาบอกว่าแผนกประชาสัมพันธ์เริ่มดำเนินการอย่างเร่งด่วนแล้ว โชคดีที่รูปพวกนั้นไม่เห็นหน้าของฉินซีชัด ตอนนี้คนนอกรู้แค่ชื่อของฉินซีเท่านั้น ถ้าเก็บข่าวได้ในระยะเวลาอันสั้น ทุกคนก็จะสืบค้นอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่ เขายังบอกว่าอีกว่าตอนนี้กำลังสืบหาต้นตอของรูปภาพ ไม่นานน่าจะได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำแค่วางโทรศัพท์ลงข้างๆ

……

ฉินซีเดินออกมาจากห้องด้วยโทสะเต็มเปี่ยม เพิ่งเดินมาถึงสวนในบ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

คนที่โทรมาไม่ใช่ใครคนอื่น แต่เป็นตัวเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้ นั่นก็คือหซู่เป่ย

ฉินซีแสยะยิ้มเย็น แล้วกดรับสาย

ไม่รอให้เธอได้พูดอะไร เสียงของหซู่เป่ยก็พูดขอโทษขึ้นมาก่อน “ผมขอโทษ ฉินซี ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ผมไม่ตั้งใจจริงๆนะ ผมก็แค่……”

ฉินซีตัดบทเขาอย่างเยือกเย็น “ตอนที่คุณกดแชร์โพสต์ของฉัน เคยคิดบ้างไหมว่ามันจะสร้างปัญหาให้ฉันขนาดนี้?”

หซู่เป่ยเงียบไปชั่วขณะ

เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เขากับฉินซีจะถูกถ่ายรูปตอนอยู่ด้วยกันเยอะขนาดนี้ ไหนจะรูปที่ยังไม่ถูกปล่อยมาอีก

“…….ผมขอโทษ” เขาทำได้แค่ขอโทษ “ผู้จัดการของผมจัดการเรื่องนี้แล้ว อีกไม่นานเรื่องก็น่าจะจบ ผมจะแถลงว่าระหว่างเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น และผมก็จะฟ้องคนที่สร้างข่าวลือด้วย เพื่อไม่ให้เรื่องนี้หมักหมมไปเรื่อยๆ”

ฉินซีไม่คิดจะเสียเวลาคุยกับเขาต่อ จึงพูดเสียงเย็นขึ้นมาว่า “ระหว่างเราสองคนเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน หวังว่าจะจำมันไว้ตลอดนะ”

หซู่เป่ยตอบรับเสียงเบา จากก็นั้นลอบถามอย่างระมัดระวังว่า “งั้นหลังจากนี้…..เราจะยังมีโอกาสได้ร่วมงานกันไหม? ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นนะ! ผมก็แค่ชอบรูปที่คุณถ่ายให้มากๆเท่านั้นเอง!”

ฉินซีเงียบไปชั่วครู่

ในฐานะเพื่อนร่วมงาน หซู่เป่ยทำได้ดีอย่างไร้ที่ติจริงๆนั่นแหละ แต่ร่วมงานกันหนึ่งครึ่งก็นำพามาซึ่งปัญหามากมายขนาดนี้ พลาดครั้งหนึ่งก็ต้องรู้จักจำตลอดไปอยู่แล้ว

เธอไม่ได้เปลี่ยนเรื่องพูด แค่เอ่ยนิ่งๆขึ้นมาว่า “คงต้องดูสถานการณ์เอา”

พูดจบ ไม่รอให้หซู่เป่ยพูดอะไร เธอก็กดวางสาย

คนอย่างหซู่เป่ย เป็นดารามาก็หลายปี คงชินกับการถูกคนมากมายรายล้อม และคงชินกับสายตาชื่นชอบที่เฝ้ามองของผู้หญิงทั้งหลาย เขาถึงได้ถูกปลูกฝังจนเสียนิสัย และชอบไปก่อกวนผู้หญิงที่ไม่สนใจตัวเอง

เขาคงคิดว่าตัวเองก็แค่กดแชร์เล่นๆ เพื่อให้ทุกคนรับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่สนิทสนมของเขากับฉินซี อีกทั้งยังเป็นการโปรโมทให้ฉินซีแบบฟรีๆอีกด้วย ซึ่งวิธีนี้ไม่ว่าจะใช้กับผู้หญิงคนไหนยังไงก็ไม่ได้ผลหรอก

เพราะมันดันสร้างปัญหาให้แทนน่ะสิ

…….ดูเหมือนว่า ครั้งก่อนที่เขาถูกตีตรงหน้าประตูทางเข้าบ้านตัวเอง คงไม่เพียงพอที่จะเป็นบทเรียนให้เขาได้สินะ

ฉินซีไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งกับชีวิตของคนอื่น และเธอก็ขี้เกียจที่จะไปสั่งสอนใคร เธอแค่รู้สึกว่า ถ้าหากหซู่เป่ยยังเป็นแบบนี้ต่อไป ก็คงมีแต่สร้างปัญหามากกว่าเดิม

แต่ว่า ถ้าเทียบกับปัญหาที่เขาต้องเจอหลังจากนี้แล้ว ฉินซีรู้สึกว่า ตัวเองควรทำใจให้สบาย และมองแค่สถานการณ์ในปัจจุบันของตัวเอง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท