Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 948

ตอนที่ 948

บทที่ 948 อย่าให้หซู่เป่ยหลอก

เมื่อคุยโทรศัพท์เสร็จ ฉินซีก็รู้สึกใจเย็นลงไม่น้อยเลย

เมื่อดูโทรศัพท์อีกครั้ง ก็เห็นข้อความมากมายที่ส่งมาจากอานหยัน คงเป็นเพราะเมื่อกี้โทรหาเธอไม่ติดถึงได้ส่งข้อความมาแทน

ฉินซีไม่ได้เปิดอ่านข้อความทั้งหมด แต่ก็เห็นข้อความสุดท้ายในแจ้งเตือนที่โชว์หราอยู่หน้าจอ

“เสี่ยวซี คุณไม่ได้เป็นอะไรกับหซู่เป่ยจริงๆใช่ไหม?”

ตอนแรกที่เธอส่งข้อความนี้มาคงเพราะอยากแซวเธอ แต่ทั้งสองก็คุยกันเรื่องนี้ไปแล้ว มาคราวนี้อานหยันก็ถามเธออีกรอบ มันก็เพียงพอที่จะอธิบายได้แล้วว่า ข่าวรอบนี้สร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก

ขนาดคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีย่างอานหยันพอเห็นข่าวแล้ว ก็คิดไปในทำนองนั้น แล้วจะเอาอะไรกับลู่เซิ่นที่เพิ่งคุ้นเคยกันได้ไม่ถึงปี

ขนาดสถานะของตัวเองในตอนนี้ เป็นถึงภรรยาของลู่เซิ่นนะเนี่ย

เธอไม่รู้ว่าตอนนี้กระทู้นั้นถูกแชร์ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่ที่แน่ๆคนในครอบครัวของลู่เซิ่นต้องรู้ข่าวแล้วแน่ๆ เธอมีข่าวออกมาแบบนี้ ต้องสร้างปัญหาให้เขามากแน่ๆ

อีกอย่างถึงยังไงเขาก็เป็นสามีในนามของเธอ ฉะนั้นการที่เขารู้สึกเสียหน้า และมาซักถามเธอ ก็เป็นเรื่องปกติมาก

ฉินซีหยุดเดิน เมื่อหันไปมองทางห้องนอนของลู่เซิ่น ก็บีบโทรศัพท์ในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว

หลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้ เธอเข้าใจอารมณ์ของลู่เซิ่นแล้วจริงๆ

แต่ว่าเมื่อกี้…..ทำไมเธอถึงโกรธที่เขานิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆใส่เธอขนาดนั้นล่ะ?

หัวคิ้วของฉินซีเริ่มขมวดมุ่น

“คุณนายครับ……” ทันใดนั้นเสียงของพ่อบ้านก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง “คุณชายให้คุณไปหาที่ห้องหนังสือน่ะครับ”

ฉินซีเลิกคิ้วขึ้น “ตอนนี้เหรอ?”

พวกเขาเพิ่งทะเลาะกันมาเมื่อไม่กี่วินาที ฉินซีคิดไม่ออกเลยว่าทำไมลู่เซิ่นถึงเรียกตัวเองไปหา

พ่อบ้านดูออกว่าพวกเขากำลังทะเลาะกัน ดังนั้นจึงอยากให้ทั้งสองคืนดีกันเร็วๆ เขาเดินเข้าไปใกล้ แล้วพูดเร่งยิกๆ “คุณนาย รีบไปเถอะครับ เผื่อคุณชายมีเรื่องด่วน”

ฉินซีจึงต้องหันกายเดินไปยังห้องหนังสือ

……

ลู่เซิ่นนั่งอยู่หลังโต๊ะอ่านหนังสือ พร้อมกับมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปด้วย เขามีบุคลิกเฉยชามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นเขาจึงมองไม่ออกว่าเมื่อกี้ฉินซีโกรธเขา

ชั่วขณะฉินซีก็รู้สึกเหนื่อย ราวกับว่ามีเพียงแค่ตัวเองฝ่ายเดียวที่งี่เง่าไปเอง ดังนั้นเธอจึงพยายามปรับสีหน้าให้สงบนิ่ง แล้วนั่งลงอีกด้านของโต๊ะหนังสือ

“คุณมานี่ มาดูรูปนี้” ลู่เซิ่นเงยหน้าไปมองเธอที่นั่งลงอีกด้าน แล้วขมวดคิ้วนิดๆ จากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นมา

ไหนๆฉินซีก็ว่าจะไม่เล่นตัวแล้ว จึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหยุดอยู่ข้างๆเขา “รูปอะไร?”

ลู่เซิ่นเม้มปาก “รูปพวกนี้เหมือนถ่ายอยู่ในสถานที่ทำงานของคุณ เพราะระยะห่างใกล้มาก คุณลองนึกๆดูหน่อย ว่าที่ตรงนั้นมีมุมไหนสามารถถ่ายออกมาได้แบบนี้บ้าง”

ฉินซีขมวดคิ้วนิดหน่อย ตั้งใจนึกถึงองค์ประกอบต่างๆในสถานที่ถ่ายทำ ยกมือขึ้นมาวาดคร่าวๆ จากนั้นก็ใช้นิ้ววนๆ “น่าจะตรงนี้”

ลู่เซิ่นมองภาพร่างที่เธอวาดขึ้นมา โดยไม่ได้พูดอะไร

ฉินซีเงยหน้าไปมองหน้าของเขา จู่ๆก็มีลางสังหรณ์บางอย่าง “คุณ…..สืบหาเจอแล้วเหรอว่าเป็นใคร?”

ลู่เซิ่นช้อนตาไปมองเธอ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “อีกสักพักหลินหยังน่าจะส่งข้อมูลมาให้”

ฉินซีเริ่มไม่เข้าใจ

ในเมื่อเขาสืบเจอแล้วว่าใคร แล้วทำไมถึงยังต้องให้เธอมาดูด้วยล่ะ?

สายตาของฉินซีกวาดมองสีหน้าเรียบนิ่งของลู่เซิ่น ทันใดนั้นก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา

ที่ลู่เซิ่นทำอย่างนี้คงไม่ใช่ว่าเพื่อให้เธอเตรียมใจอะไรไว้ก่อนหรอกนะ?

ฉินซีเองก็คิดว่าเธออาจจะคิดมากไปเอง แต่ไม่รู้ว่าทำไมสายตาของลู่เซิ่นกลับทำให้เธอเอาแต่ขจัดความคิดนี้ออกไปไม่ได้

ฉินซีจึงอดไม่ได้ที่จะเริ่มนึกว่าคนที่อยู่ตรงมุมนั้นเป็นใคร

ตรงมุมนั้นเหมือนจะเป็นตำแหน่งประจำของพนักงานบริษัทลู่ซื่อ ซึ่งคนที่มาติดตามงานในวันนั้นคือ…….แฟนคลับสาวของหซู่เป่ย

ในใจของฉินซีหนักอึ้ง

แต่ถ้าตัดสินจากสิ่งนี้ มันก็ดูตัดสินแบบลวกๆมากเกินไป เพราะถึงยังไงวันนั้นคนที่อยู่ที่นั่นก็ค่อนข้างเยอะ ใครก็สามารถเดินไปผ่านมาตรงมุมนี้ได้ ไม่แน่อาจจะไม่ใช่เธอเสมอไปก็ได้

ทั้งสองคนมองตากันเงียบๆ แต่ในหัวกลับคิดแตกต่างกันไป

แต่ไม่นานสายโทรศัพท์จากหลินหยังก็ส่งเสียงทำลายความเงียบขึ้นมา

“ประธานลู่ครับ ตรวจสอบเรื่องนี้ได้แล้วนะครับ อีกสักครู่ผมจะส่งข้อมูลไปให้”

บางครั้งฉินซีก็รู้สึกนับถือลู่เซิ่น

เขาทำได้ยังไงก็ไม่รู้ ไม่ใช่แค่ตัวเขาที่เก่งเกินคน แม้แต่ผู้ช่วยของเขาก็ทำภารกิจเสร็จรวดเร็วราวกับเหาะเหินเดินอากาศได้อยู่ตลอดเวลา เหมือนสแตนด์บายรออยู่ตลอด24ชั่วโมง

ลู่เซิ่นตอบรับเสียงนิ่ง จากนั้นก็วางสาย เขากดเปิดกล่องอีเมลดูต่อหน้าฉินซี และไม่ได้รีบกดเปิดอ่านในทันที แต่หันหน้าไปถามฉินซีว่า

“คุณอยากดูไหม?”

ฉินซีรู้สึกว่าที่เขาถามมันดูมีอะไรแปลกๆ เธอจึงพยักหน้า “ดูสิ”

ดังนั้นลู่เซิ่นจึงคลิกเมาส์ เพื่อเปิดเอกสารขึ้นมาอ่าน

เพื่อให้ผู้อ่านอ่านเข้าใจได้โดยเร็วที่สุด ข้อมูลจึงกระชับมาก อ่านแค่ประโยคแรกก็สามารถสรุปได้แล้ว

“ต้นตอของรูปภาพมาจากพนักงานบริษัทลู่ซื่อ ชื่อดิงหยิ่ง”

ดิงหยิ่งคือชื่อของแฟนคลับสาวคนนั้น

หัวใจของฉินซีเหมือนถูกน้ำเย็นสาดเข้าอย่างจัง เธอขยับเข้าไปข้างหน้าเพื่อที่จะอ่านเนื้อหาให้ละเอียดอย่างหลุดการควบคุม

ลู่เซิ่นไม่ได้ถือสากับการกระทำของเธอ หลีกไปด้านข้างให้เธออย่างรู้งาน

ฉินซีกวาดสายตาอ่านผ่านๆ พยายามมองหาช่องโหว่อะไรบางอย่าง

แต่เธอก็หาไม่เจอ

เพราะหลินหยังสืบหาคนโพสต์กระทู้นั้นเจอ จึงสามารถสืบหาอีเมลต้นเรื่องของรูปภาพส่วนนี้ได้ อีเมล์นั้นเป็นอีเมล์ที่ใช้กันในบริษัทลู่ซื่อ และเมื่อแกะข้อมูลจากIP ก็พบว่าเป็นคอมพิวเตอร์ของดิงหยิ่ง

หลินหยังกลัวว่าหลักฐานพวกนี้จะยังไม่แน่นหนาพอ จึงวิเคราะห์จากข้อมูลต่างๆของรูปพวกนี้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาหรือยี่ห้อโทรศัพท์ ก็ตรงกับของดิงหยิ่งทั้งหมด

ฉินซีก้าวถอยหลังนิดหน่อย

ทำไมถึงเป็นดิงหยิ่งไปได้ล่ะ…….

เธอยังจำการประชุมทุกๆครั้งที่แผนกโฆษณาได้เลย ว่าดิงหยิ่งอบอุ่นเป็นมิตรกับเธอมากแค่ไหน

ฉินซีพยายามบังคับให้ตัวเองใจเย็นลง เริ่มนึกย้อนไปตั้งแต่เริ่มจนจบ

เริ่มแรก เพราะเธอพูดว่าเธอเคยร่วมงานกับหซู่เป่ย ดิงหยิ่งจึงเป็นฝ่ายเข้ามาทักเธอก่อน ความสนิทของทั้งสองก็เริ่มจากตรงนั้น เหมือนดิงหยิ่งจะพูดเปรยๆอยู่ตลอดว่าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับหซู่เป่ยจากเธอ แต่ว่าในตอนนั้นเธอคิดแค่ว่าดิงหยิ่งเป็นแฟนคลับของหซู่เป่ย จึงไม่ได้คิดอะไรมาก ตอนที่คุยกันจึงมีบ้างเป็นบางครั้งที่เธอเอ่ยถึงเขา

พอถึงวันถ่ายทำวันนั้น ก็เหมือนดิงหยิ่งเดินเข้ามาพูดอะไรกับเธอบางอย่าง

ตอนนั้นฉินซีไม่ได้เก็บเอาคำพูดของเธอมาใส่ใจ แต่พอตอนนี้ย้อนกลับไปนึกถึง ก็รู้สึกถึงความทะแม่งๆ

“อย่าให้หซู่เป่ยหลอกง่ายๆ”

เธอพูดมาอย่างนี้

ตอนนั้นฉินซีก็นึกว่าเป็นเพราะเธอรู้จักนิสัยจริงๆของหซู่เป่ย จึงมาเตือนตัวเธอด้วยความหวังดี

แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ที่ดิงหยิ่งพูดมาแบบนั้น ดูเหมือนจะไม่ได้หมายความแบบนั้น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท