Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 966

ตอนที่ 966

บทที่ 966 กล้าที่จะทำให้ฉันผิดหวัง

“โอเค” ตอนนี้สูหยิงสงบลงมา กลับมาที่ใบหน้าเธออีกครั้งอย่างโอ้อวด เชิดคางพูดกับฉินซี “เธอบอกเองว่า ต้องมีหลักฐาน งั้นที่เธอบอกว่าฉินซึ่งเทียนใส่ร้าย ไหนล่ะหลักฐาน?”

ฉินซีกัดฟันกรอด

สิ่งที่สูหยิงพูดเป็นจุดอ่อนของเธอ——เธอไม่มีหลักฐาน สิ่งที่เธอพูดทั้งหมดเป็นแค่คำพูดทางด้านเหยาหมิ่น

ฉินซีเชื่อ คนอื่นอาจจะไม่เชื่อ

เห็นฉินซีไม่พูด สูหยิงก็แค่นหัวเราะ “ทำไม เธอไม่มีหลักฐานเหรอ? งั้นฉันก็จะเชื่อในสิ่งที่ฉันเห็น! รูปนี้มันอยู่ที่นี่แล้ว อย่าคิดปฏิเสธ!”

สุดท้ายลู่เหวยก็ทนดูต่อไปไม่ได้ พูดขัดจังหวะ “ฉันไม่ได้ทำเรื่องนี้แน่ๆ!”

“แกหุบปาก!” สูหยิงหันศีรษะไปมองเขา เสียงแหลมชัดขึ้น “สองสามวันก่อนแกเองก็ทำเพิ่งทำอะไรบางอย่าง ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจ! ยังมีหน้ามาบอกกับฉันว่า——”

“ทำอะไรกัน!” ประตูถูกผลักออกทันที แพทย์และพยาบาลพากันเข้ามา

เพราะเสียงทะเลาะของสูหยิงดังเกินไป มันทำให้พวกเขาตกใจ

“คนไข้เพิ่งฟื้น สาเหตุคือหัวใจวาย จึงจำเป็นต้องพักผ่อน พวกคุณมาทำอะไรกันที่นี่?”

แพทย์มองรอบๆ ฝูงชนด้วยความไม่พอใจ

เห็นได้ชัดว่าสูหยิงควบคุมไม่ค่อยได้ แพทย์พูดจบ เธอก็ยังคงกรีดร้อง “ลู่เหวย แกกล้าทำให้ฉันผิดหวัง แกคิดถึงผลที่ตามมาให้ดีแล้วกัน”

แพทย์ส่งสายตาให้กับแพทย์ เขาเดินไปข้างหน้า ฉีดยาที่แขนสูหยิง

“นี่มันอะไร!” สูหยิงหันศีรษะไปมองแพทย์

“ยากล่อมประสาท” แพทย์ดันแว่นขึ้นมา “คุณต้องพักผ่อน นอกจากเหลือสมาชิกในครอบครัวให้ดูแล ทุกคนออกไปเถอะ”

ยากล่อมประสาทออกฤทธิ์เร็วมาก ตอนนี้สูหยิงไม่มีแรงจะตะโกนแล้ว

ลู่โยวโยวฉวยโอกาสเดินไปข้างๆ สูหวั่น เชิดคางขึ้น “เหลือแค่คนในครอบครัวก็พอ เธอออกไปสิ”

สูหวั่นไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าลู่โยวโยว แค่ยืนขึ้นมาเงียบๆ

ทุกคนหันตัวเดินไปที่ประตู ลู่เซิ่นกลับเดินไม่กี่ก้าวมาข้างๆ ฉินซี เอื้อมมือมาจับมือฉินซีไว้

ฉินซีเงยศีรษะขึ้นมองเขา ไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้สะบัดมือเขาออก

แพทย์เดินอยู่หลังสุด แน่ใจแล้วว่าทุกคนอยู่ที่ประตูทางเข้า ก็ปิดประตูลง “คนไข้มีประวัติโรคหัวใจ ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการควบคุมโรคได้ไม่เลว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความเสี่ยง คนในครอบครัวอย่างพวกคุณจะต้องจำเอาไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ควรกระตุ้นเธอ ไม่งั้นจะไม่มีทางเดาได้ว่าสุดท้ายแล้วโรคมันจะพัฒนาไปยังไง”

เห็นแต่ละคนพยักหน้าเข้าใจ เขาถึงหันศีรษะเดินออกไป

ลู่เหวยเห็นแพทย์เดินไปแล้ว อยากจะดึงฉินซีมาอธิบาย แต่ถูกลู่เซิ่นแยกเอาไว้

“พ่อ ผมอยากคุยกับฉินซีเพียงลำพัง”

ลู่เหวยเห็นหน้าเขาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว แค่ถอยออกมาหนึ่งก้าว “โอเค พวกลูกคุยกันไปก่อน”

ลู่เซิ่นพาฉินซีเดินไปที่ลิฟต์

ตอนนี้ฉินซีถึงสังเกตว่า ลู่เซิ่นไม่ได้ปล่อยมือเธอเลย

……

ลู่เซิ่นพาฉินซีเดินไปที่ชั้นล่างของแผนกผู้ป่วยใน ถึงได้ปล่อยมือ

ฉินซีมองรอบๆ ถึงได้รู้ว่านี่คือโรงพยาบาลที่ลู่เซิ่นพาเธอมาครั้งล่าสุด

ตอนนี้เธอยังอยู่ในอารมณ์ล้อเล่น นั่งลงบนม้านั่งยาวข้างๆ เงยศีรษะขึ้นมองลู่เซิ่น “ครอบครัวพวกคุณมีหุ้นในโรงพยาบาลนี้เหรอคะ ทำไมชอบมาที่นี่กัน?”

ลู่เซิ่นไม่มีอารมณ์โต้ตอบการล้อเล่นของเธอ นั่งข้างๆ เธอ น้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง “รูปพวกนั้นในมือแม่ฉัน……เธอคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

ฉินซีสำรวมรอยยิ้มบนใบหน้า ผลุบตาลง “แน่นอนว่าคือฉินซึ่งเทียน……”

เธอประเมินความสกปรกของฉินซึ่งเทียนน้อยไป เธอไม่คิดเลยว่า ฉินซึ่งเทียนจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้จริงๆ

ลู่เซิ่นหันศีรษะไปมองฉินซี นึกถึงฉากตอนที่ตัวเองเข้าไปในห้องผู้ป่วยได้

เขาปฏิเสธคำขอที่ยากจะเข้าใจที่สูหยิงเอ่ยออกมาว่าต้องการให้เขาและฉินซีหย่ากัน มันเหมือนที่สูหยิงคาดเดาไว้เช่นกัน

เธอไม่ได้พูดอะไรไร้สาระ แค่ให้สูหวั่นนำรูปภาพออกมาทันที

ว่ากันว่าหลังจากที่เธอเป็นลม สูหวั่นก็โทรเรียกรถพยาบาล ฉินซึ่งเทียนมองอีกครั้ง และยังมีเวลาว่างพอที่จะส่งรูปดิจิทัลให้สูหวั่น

แต่หลังจากที่สูหยิงฟื้นขึ้นมา ก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอย่างเห็นได้ชัด

สูหยิงเอาโทรศัพท์วางไว้ตรงหน้าลู่เซิ่น “ลูกดูดีๆ สิ ภรรยาของลูกเป็นคนยังไง”

แต่ลู่เซิ่นกวาดตามองลวกๆ แล้ววางโทรศัพท์ลง “ในรูปนี้กับคุณนายผมเกี่ยวข้องอะไรกัน”

สูหยิงเบิกตากว้าง “ลูกอย่าบอกว่าลูกมองไม่ออก! ผู้หญิงคนนั้นมันคือแม่ของฉินซี!”

สีหน้าลู่เซิ่นยังคงเฉยเมยอย่างมาก “แล้วไงครับ? เพราะสิ่งนี้ แม่เลยอยากให้ผมกับฉินซีหย่ากันเหรอ?”

ดูเหมือนสูหยิงจะรู้สึกเหลือเชื่อมากที่เขาถามคำถามนี้ “เหยาหมิ่นมันยั่วพ่อของลูก! ลูกยังจะแต่งงานกับลูกสาวมันได้อย่างสบายใจเหรอ? ในใจลูกคิดถึงแม่คนนี้บ้างไหม!”

ลู่เซิ่นมองเธออย่างสงบ “แม่ รูปนี้มันของจริงหรือของปลอม แม่รับประกันได้ไหม?”

สูหยิงเบิกตากว้าง “ลูกยืนอยู่ฝั่งไหน? รูปนี้มันจริงหรือเปล่ายังต้องถามอีกเหรอ?”

ลู่เซิ่นขยายรูปในโทรศัพท์ให้ใหญ่ขึ้น “แม่ดูตรงนี้——”

สูหยิงไม่อยากแน่ใจข้อเท็จจริงในรูปภาพเหล่านี้อย่างเห็นได้ชัด แค่ตะโกนขึ้นมา “ได้ ลูกอยากปกป้องมันใช่ไหม? ลูกไม่เชื่อใช่ไหม? ไม่เชื่อก็เรียกฉินซีเข้ามาแย้งสิ!”

……

เห็นลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไรอยู่นานมาก ฉินซีจึงหันศีรษะไปมองลู่เซิ่น “คุณคิดยังไง?”

ลู่เซิ่นหันศีรษะ สบตากับเธอ “ฉันเชื่อคุณน้า”

ฉินซีไม่คิดว่าลู่เซิ่นจะพูดอย่างเด็ดขาดแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรไปชั่วขณะหนึ่ง

ตัวฉินซีเองเชื่อใจเหยาหมิ่น เพราะเธอเป็นแม่ของตน และเรื่องสกปรกที่ฉินซึ่งเทียนทำ เธอเห็นทุกอย่างในสายตา

แต่ลู่เซิ่นไม่เคยมีประสบการณ์อะไรมาก่อนเลย แค่ฟังเธอพูดเท่านั้น ลู่เซิ่นเลือกที่จะเชื่อเธอ

ถ้าบอกว่าสิ่งที่ฉินซีเกลียดมากที่สุดคือการหักหลัง ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่หวงแหนที่สุดก็คือการได้รับความเชื่อใจ

เธอยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว จับมือลู่เซิ่นไว้ “แต่……คุณนายลู่ไม่เชื่อ”

ลู่เซิ่นนำมืออีกข้างกุมหลังมือเธอไว้ นำมือเธอไว้ในสองฝ่ามือ “วันนี้ฉันดูรูปถ่ายอย่างละเอียดแล้ว ในรูปมีจุดที่ไม่เป็นธรรมชาติ เป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นรูปที่สังเคราะห์ขึ้น”

ความร้อนในฝ่ามือเหมือนไหลเข้าไปในหัวใจเธอ ฉินซีพยักหน้า ไม่ได้พูดความกังวลใจของตัวเองออกมา

เห็นสภาพจิตใจสูหยิงในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าถูกกระตุ้นแล้ว เป็นไปได้อย่างมากว่าไม่ฟังคำพูดของลู่เซิ่นเลยสักนิด

เธอนึกถึงสิ่งที่สูหยิงพูดกับลู่เหวยในห้องผู้ป่วยเมื่อครู่นี้อีกครั้ง

“แม่ของคุณเธอ……บอกว่าพ่อของคุณสองสามวันก่อนทำอะไรผิด? และเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามันเกี่ยวกับแม่ของฉัน” ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่แม่ฉันตายไปนานแล้ว ช่วงไม่กี่วันนี้เขาจะทำเรื่องอะไรได้……”

เสียงเธอค่อยๆ เบาลง จากนั้นก็ชำเลืองมองลู่เซิ่น

ทั้งคู่เห็นคำตอบในดวงตาของกันและกัน

สองสามวันก่อน ไม่ใช่วันครบรอบวันตายของเหยาหมิ่นเหรอ?

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท