Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 963

ตอนที่ 963

บทที่ 963 จิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย

ตอนเช้าตั้งแต่ออกมาจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป แล้วเห็นร่างสูหวั่นรางๆ ฉินซีก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีทั้งวันเลย

เธอไม่แน่ใจว่าความรู้สึกอึดอัดนี้คืออะไร ราวกับมีเมฆดำก้อนหนึ่งปกคลุมอยู่ในใจตน จะมีฝนกระหน่ำทำให้ตัวเองจำน้ำตายทุกขณะ

……ครั้งสุดท้ายที่ตัวเองมีความรู้สึกแบบนี้ ก็คือวันนั้นที่เหยาหมิ่นโดนฉินซึ่งเทียนใส่ร้าย

ฉินซียิ่งคิดแบบนี้แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

แต่พอถึงมื้อเย็น มันก็ถือว่าเป็นหนึ่งวันที่สงบ

ตอนกลางวันทานอาหารกลางวันที่บริษัทลู่ซื่อ ลู่เซิ่นให้คนขับรถไปส่งเธอกลับรีสอร์ทชิงหยวน ไม่มีรถไล่ตามมา ไม่มีคนที่น่าสงสัยติดตามมา

กลับมาถึงรีสอร์ทชิงหยวน เธอนอนกลางวันไม่หลับ จึงลุกขึ้นมาทำงาน รูปภาพก่อนหน้านี้ทำได้อย่างราบรื่นมาก ไม่มีอะไรแตกต่างจากที่ผ่านมา

เห็นท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยตัวเอง

หรือว่าลางสังหรณ์ของตัวเองผิดปกติ?

ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย!

เสียงเครื่องยนต์นอกประตูดังผ่านมา ฉินซีแยกได้เลยว่านี่คือเสียงรถของลู่เซิ่น

เธอจึงเก็บเอกสาร เตรียมลงไปทานอาหารข้างล่าง

ลู่เซิ่นนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว

“เมื่อเช้าตอนคุณไปบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป มีเรื่องอะไรที่แตกต่างเกิดขึ้นหรือเปล่า”

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

ฉินซีถามอย่างสงสัยนิดหน่อย “ที่แตกต่าง? ”

ลู่เซิ่นเงยศีรษะมองฉินซี

“ฉันไปสืบสูหวั่นมา ช่วงเวลานี้เธอเดินอยู่ใกล้ๆ บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมาก”

ฉินซีคิด ไม่กี่ประโยคพิสูจน์ว่าวันนี้ฉินซึ่งเทียนและหซู่หนานผิดปกติ

ลู่เซิ่นตกอยู่ในความคิดที่ลึกซึ้ง

จู่ๆ ฉินซีก็คิดอะไรบางอย่างได้ เงยศีรษะขึ้นมาทันที “หรือว่าเธอ……”

ลู่เซิ่นกับเธอมองหน้ากัน จากสายตาเธอมองออกว่าเธอกำลังสงสัยอะไร ส่ายศีรษะพูดขึ้น “ไม่นะ ในบริษัทลู่ซื่อสูหวั่นไม่มีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทลู่ซื่อ และเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดเผยความลับทางธุรกิจใดๆ ”

แต่ฉินซีนึกถึงตอนที่ออกมาในเช้าวันนี้ ฉินซึ่งเทียนเงียบสงบผิดปกติ ยังรู้สึกว่าไม่สบายใจ “แต่ฉินซึ่งเทียนเป็นผู้ที่แสวงหาผลกำไรเท่านั้น ถ้าสูหวั่นไม่สามารถนำอะไรมาได้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้เวลาติดต่อกับสูหวั่น”

ปลายนิ้วลู่เซิ่นเคาะบนโต๊ะโดยไม่รู้ตัว “นี่ก็คือปัญหาที่ฉันกำลังพิจารณา……”

ฉินซีขมวดคิ้วครุ่นคิด

ถ้าไม่ใช่บริษัทลู่ซื่อ ถ้าอย่างนั้นคนที่สูหวั่นเป็นตัวแทน ก็คือสูหยิง

สูหยิงกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป……

จะมีความสัมพันธ์อะไรได้?

ทั้งสองคนมีสีหน้าครุ่นคิด โต๊ะอาหารเงียบสงบ พ่อบ้านยังคิดว่าทั้งคู่ทะเลาะกันอีกแล้ว รีบมาเตรียมไกล่เกลี่ย “ทำไม่กินข้าวครับ? เดี๋ยวมันจะเย็นหมด มา เสิร์ฟซุปหนึ่งชามก่อน”

ลู่เซิ่นยังคงก้มศีรษะ ฉินซีหันศีรษะไปยิ้มให้เขา “คุณไม่ต้องรีบ……”

เธอพูดยังไม่จบ ก็ถูกขัดด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์

เป็นโทรศัพท์ส่วนตัวของลู่เซิ่นที่วางบนโต๊ะ

สำหรับเรื่องงาน คนนอกทำได้เพียงติดต่อหลินหยัง คนที่สามารถโทรหาลู่เซิ่นได้โดยตรง นอกจากหลินยัง ก็คือคนอื่นในตระกูลลู่

เห็นได้ชัดว่าโทรศัพท์วางบนผ้าปูโต๊ะ เสียงสั่นสะเทือนมันก็ได้รับการปกปิดไม่น้อย แต่ฉินซีกลับรู้สึกว่า การสั่นนี้มันแสบแก้วหูมาก

มันเหมือนลางไม่ดี

ลู่เซิ่นก็ดันยื่นมือไปกดปิดโทรศัพท์

“คือ……สูหวั่นเหรอ?” ฉินซีเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์เขา

ลู่เซิ่นพยักหน้า ใบหน้ารำคาญนิดหน่อย “ไม่ต้องไปสนใจเธอ”

“แต่……” ฉินซียังอยากพูดอะไรอีก โทรศัพท์ลู่เซิ่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้คนที่โทรมา คือลู่โยวโยว

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย เอื้อมมือไปกดปุ่มรับสาย

เกือบจะวินาทีต่อมา เสียงร้องไห้ที่ดังมาจากฝั่งลู่โยวโยวก็ดังก้องไปทั่วห้องอาหาร

“พี่! พี่รีบมาที่โรงพยาบาลด่วน! แม่ล้มป่วยแล้ว!”

……

ลู่โยวโยวตอนโทรมาเห็นได้ชัดว่าตกใจกลัว พูดจาวกไปวนมา แค่รู้ว่าเน้นประโยคเดียวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พี่รีบมาเร็วเข้า”

ลู่เซิ่นถามข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไม่ได้ ทำได้แค่พูดปลอบไม่กี่ประโยค ยืนยันว่าตนจะไปเดี๋ยวนี้ จากนั้นก็โทรหาหลินหยัง ให้เขารีบไปสืบทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับสูหยิงคืนนี้ จากนั้นก็ลุกขึ้นรีบไปโรงพยาบาล

เขาขมวดคิ้วเล็กจางๆ แต่ความกังวลในดวงตานั้นเห็นได้ชัด

ฉินซีรู้ ถึงแม้ลู่เซิ่นจะแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างมากกับทัศนคติที่ดื้อรั้นของสูหยิงมาโดยตลอด แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกลึกซึ้งกับแม่ของตัวเอง

เธอลังเลสักพักหนึ่ง แล้วพูดแนะนำ “ให้ฉันไปเป็นเพื่อนไหม? ”

พอพูดออกไป ก็เห็นลู่เซิ่นหันศีรษะมามองเธอ ดวงตาค่อนข้างไม่เข้าใจนิดหน่อย

ฉินซีคิดว่าตัวเองเลยเถิดเกินไปแล้ว

อย่างไรแล้วเธอกับลู่เซิ่นก็แค่มีความสัมพันธ์แต่งงานด้วยข้อตกลงเท่านั้น ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ สูหยิงเป็นลมไปถือว่าเป็นเรื่องในครอบครัวตระกูลลู่ เธอไม่มีคุณสมบัติอะไรในการเข้าร่วม

แต่ร่องรอยความกังวลและความเปราะบางที่ไม่มีใครเห็นของลู่เซิ่น ทำให้เธอเกิดความคิด “อยากไปเป็นเพื่อนเขา” ขึ้นมาทันที

เมื่อเธอกำลังเอ่ยปากอธิบาย ลู่เซิ่นก็เปล่งเสียง “หรือคุณไม่คิดจะไปกับฉันเหรอ? ”

ใช่ เขาพูดแบบนี้ ฉินซีจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายแล้ว

ลู่เซิ่นก็รู้ว่าตัวเองค่อนข้างใจร้อน ดังนั้นจึงไม่ได้ขับรถ แค่เคาะราวจับมือตลอดเวลาแสดงความวิตกกังวลในใจขณะที่คนขับรถขับอยู่ คนขับรถตกใจกับการแสดงออกอย่างหนักอึ้งของเขา เหยียบคันเร่ง พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดของขีดจำกัด

ไม่นานหลินหยังก็โทรมา “คุณนายลู่เข้าโรงพยาบาลกะทันหันเพราะหัวใจวาย แต่ไม่มีอะไรร้ายแรง ตอนนี้ฟื้นแล้วครับ”

“หัวใจวาย? ” ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว “หลายปีแล้วที่เธอไม่มีปัญหานี้ ทำไมจู่ๆ ถึงเกิดขึ้น?”

หัวใจสูหยิงมีอาการป่วยอยู่เสมอ โชคดีที่ไม่กี่ปีมานี้ลู่เซิ่นรับช่วงต่อบริษัทลู่ซื่อ เธอไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์และกังวลเหมือนเมื่อก่อน หลังจากพักผ่อนมาหลายปี ก็ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย

น้ำเสียงหลินยังรู้สึกผิดนิดหน่อย “ผมกำลังสืบอยู่ครับ จะรีบบอกข้อสรุปให้คุณโดยเร็วที่สุด”

ลู่เซิ่นตอบ “อืม” แล้ววางสายไป แต่ยังคงขมวดคิ้ว

ฉินซีไม่รู้ว่าตัวเองคิดอย่างไร ทันใดนั้นก็เอื้อมมือไปกุมหลังมือลู่เซิ่นที่วางไว้ข้างๆ

ตอนที่ตัวเองอ่อนแอ ลู่เซิ่นเหมือนจะอยู่เคียงข้างตนเสมอ

ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ลู่เซิ่นกำลังหดหู่ ตัวเองก็ควรอยู่เป็นเพื่อนเขา

ลู่เซิ่นเหมือนแปลกใจนิดหน่อยกับการเคลื่อนไหวของฉินซี เบนสายตาขึ้นมองเธอ

ฉินซียิ้มปลอบโยนให้กับเขา

ลู่เซิ่นหันศีรษะกลับไป พลิกมือกุมมือฉินซีไว้ในฝ่ามือตน

ฉินซีหันศีรษะไปมองเขาด้วยความประหลาดใจนิดหน่อย แต่ลู่เซิ่นไม่ได้หันศีรษะกลับมาอีก

……

เมื่อลู่เซิ่นและฉินซีรีบไปถึงโรงพยาบาล สูหยิงก็ถูกจัดเตรียมให้อยู่ในห้องผู้ป่วยที่ดีที่สุดในแผนกผู้ป่วยใน

สีหน้าลู่เซิ่นหนักอึ้งมาก ฉินซีเดินตามหลังเขา ก็เงียบสงบมากเช่นกัน

หลินหยังยังไม่ได้โทรมาอีก อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคำตอบอย่างชัดเจน

อาจจะเพราะมันดึกแล้ว แผนกผู้ป่วยในจึงเงียบสงบ นอกจากพยาบาลที่เดินไปเดินมา ไม่มีเสียงอื่นเกินความจำเป็น

แต่นี่มันก็ทำให้เสียงจ้อกแจ้กจอแจที่ดังมาจากห้องผู้ป่วยที่สูหยิงอยู่ดังชัดเจนยิ่งขึ้น

ลู่เซิ่นและฉินซีอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้า

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท