Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 968

ตอนที่ 968

บทที่ 968 สัญญาหย่าร้าง

ฉินซีลืมตาเล็กน้อย พบว่าท้องฟ้าด้านนอกสว่างแล้ว

เมื่อคืนพวกเขาค่อนข้างรีบตอนนอน ไม่ได้ปิดม่านให้สนิท แสงจึงเข้ามาระหว่างช่องว่างของม่าน

ทันใดนั้นฉินซีก็ตระหนักได้ว่าทั้งร่างเธออยู่ในอ้อมกอดลู่เซิ่น แขนลู่เซิ่นโอบเอวเธออยู่ ขาเธอวางอยู่บนน่องลู่เซิ่น ทั้งสองคนเกือบจะพัวพันด้วยกัน

ลู่เซิ่นยังไม่ตื่น ใบหน้าตอนเขาหลับนั้นนุ่มนวลมาก แววตาฉินซีชำเลืองมองไปทั่วใบหน้าเขา

มีโอกาสไม่มากนักที่จะได้มองสำรวจเขาอย่างตั้งใจ ฉินซีไม่คิดจะเสียโอกาสไป

ขนตายาวมาก มีไฝจางๆ ที่ปลายคิ้ว ไม่ตั้งใจมองก็จะไม่เห็นเลย ริมฝีปากดูเหมือนบางมาก แต่เวลาจูบขึ้นมากลับนุ่มสุดๆ

ฉินซีคิดไปไกลโดยไม่รู้ตัว ฉินซีกะพริบตา ละสายตากลับมา

ทั้งๆ ที่เรื่องอย่างว่าก็ทำกันมาหมดแล้ว แต่ตอนนี้ฉินซีไม่รู้ว่าทำไมรู้สึกหน้าแดงนิดหน่อย

เธอขยับตัวเล็กน้อย อยากถอยออกมาจากอ้อมกอดลู่เซิ่นสักนิด แต่ทำให้ลู่เซิ่นตื่นแล้ว

ลู่เซิ่นลืมตาเล็กน้อย เอ่ยพึมพำ “ทำไมตื่นเช้าจัง?”

ฉินซีหันศีรษะไปมองนาฬิกาบนผนัง น้ำเสียงทำอะไรไม่ถูกนิดๆ “ไม่เช้าแล้ว……”

ลู่เซิ่นใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการตื่นอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ประหลาดใจที่ตอนนี้ทั้งคู่มีท่าทีที่สนิทสนมกันมากเกินไปแบบนี้ และฝังศีรษะไว้ที่คอและไหล่ของฉินซี “ทำไมคุณไม่นอนให้นานกว่านี้?”

ลมหายใจอุ่นที่จมูกเขาพ่นลงบนผิวอ่อนไหวรอบๆ คอฉินซี ทำให้ฉินซีรู้สึกมีกระแสไฟฟ้าไหลลงมาด้านล่างตลอดทาง

เธอไม่สนใจตอบคำถามลู่เซิ่น แค่ผลักเขาออกเบาๆ “ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นสิ”

ลู่เซิ่นยังอยากพูดอะไรบางอย่าง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอย่างไม่เหมาะสม

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย หันตัวไปคลำหาโทรศัพท์ แต่พอเห็นคนที่โทรมาก็คลายคิ้ว “พ่อ?”

เสียงลู่เหวยดังมาจากทางนั้น “แม่ของลูกตื่นแล้ว อยากให้ลูกรีบมา”

ลู่เซิ่นตอบรับ สุดท้ายก็ยอมปล่อยฉินซี

ฉินซีไม่รู้ว่าทำไม รู้สึกมีความเย็นนิดหน่อยอยู่รอบๆ

“ไปโรงพยาบาลไหม?” เขาหันศีรษะมองฉินซี

จริงๆ แล้วตามสถานการณ์ของเมื่อวาน ไม่ไปเยี่ยมสูหยิงถึงจะเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับฉินซีมากกว่า

แต่คิดว่าสูหยิงยังเข้าใจผิดเหยาหมิ่น ตรงกลางยังเกี่ยวกับลู่เหวย เธอคิดว่าตัวเองอยู่บ้านก็คงไม่วางใจ จึงพยักหน้า “ฉันจะไปกับคุณ”

……

ตอนทั้งสองคนถึงโรงพยาบาล เวลาก็ไม่เช้าแล้ว

ลู่เหวยนั่งหน้าห้องผู้ป่วย ได้ยินเสียงฝีเท้า เงยศีรษะมามอง “มาแล้วเหรอ?”

ลู่เซิ่นพยักหน้า จะเดินเข้าไปด้านใน ลู่เหวยไม่คิดที่จะเข้าไป

ฉินซีแค่มองก็รู้แล้ว สูหยิงยังไม่สงบ ยังไม่อยากเจอเขา

ดังนั้นเธอจึงเดินตามฝีเท้าลู่เซิ่นให้ช้าลงหน่อย

สุดท้ายแล้วสูหยิงก็เป็นคนไข้ ไม่ว่าฉินซีจะมีสิ่งที่อยากพูดมากแค่ไหน ก็ต้องกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเธอก่อน

ถ้าลู่เหวยยังไม่อยากเจอ……ถ้าตัวเองเข้าไป อาจจะทำให้สูหยิงสูญเสียการควบคุมอารมณ์อีกครั้ง

คิดถึงตรงนี้ ฉินซีก็หยุดฝีเท้าลง ดึงลู่เซิ่น “ฉันยังไม่เข้าไปดีกว่าไหม?”

ไม่รอให้ลู่เซิ่นตอบ เสียงสูหยิงก็ดังขึ้นจากด้านใน “ทุกคนมาถึงแล้วใช่ไหม? งั้นก็เข้ามาสิ! ไม่ต้องซ่อนตัว”

เธอพูดแบบนี้ ฉินซีก็ไม่ลังเล เดินเข้าไปด้านในพร้อมลู่เซิ่น

แต่ลู่เซิ่นกลับชะลอฝีเท้า เดินมาข้างๆ เธอ ยื่นมือมากุมมือฉินซี

ฉินซีเงยศีรษะมองเขาอย่างค่อนข้างประหลาดใจ

สีหน้าลู่เซิ่นกลับสงบนิ่งมาก ราวกับสองคนจับมือกันเป็นเรื่องปกติธรรมดา

ฉินซีไม่รู้ว่าทำไม ก็ไม่คิดที่จะปล่อย แต่เดินเข้าไปด้วยกันกับเขา

ในห้องผู้ป่วยถูกจัดระเบียบเป็นอย่างดีแล้ว ไม่รู้ว่ายากล่อมประสาทได้ผลหรือไม่ สูหยิงเห็นสองคนจับมือกันเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แค่มองฉินซีอย่างเย็นชาแล้วเบนสายตาออกไป

ลู่โยวโยวไม่อยู่ในห้องผู้ป่วย คิดว่าเฝ้าทั้งคืนแล้วกลับไปพักผ่อน สูหวั่นก็ไม่อยู่ มีเพียงคนรับใช้ไม่กี่คนที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่

“ออกไปกันก่อน” สูหยิงสั่ง เหล่าคนรับใช้ก็ไม่กล้าชักช้า พยักหน้าให้กับทั้งคู่แล้วเดินออกไป

ภายในห้องสงบลงทันที เหลือแค่สามคน

“นั่งสิ” สูหยิงเชิดคางไปที่เก้าอี้ น้ำเสียงมีความถากถางเล็กน้อย “จับมือกันทำไม ไม่ต้องพักผ่อนกันเลยใช่ไหม?”

ลู่เซิ่นยืนอยู่ตรงหน้าเธอเหมือนเดิม “แม่ เรื่องรูปภาพเมื่อวาน……”

สูหยิงขัดคำพูดของเขา “พ่อของลูกอธิบายกับแม่ไปแล้ว ลูกนั่งลงก่อน แม่จะค่อยๆ พูด”

ฉินซีดึงลู่เซิ่น จากนั้นทั้งคู่ก็นั่งลง

“เมื่อคืนแม่เห็นรูป โกรธจนสติหลุด” น้ำเสียงสูหยิงสงบนิ่งมาก มันแตกต่างจากความบ้าคลั่งเมื่อวานเหมือนเป็นคนละคน “เช้านี้พ่อของลูกเข้ามาอธิบายกับแม่แล้ว วันนั้นที่เหยาหมิ่นโดนถ่ายรูป เขาอยู่ที่ประเทศ M จริงๆ ไม่มีโอกาสกลับมาทำเรื่องนี้”

ฉินซีโล่งใจนิดหน่อย

แต่โทนเสียงสูหยิงสูงขึ้นนิดหน่อย “แต่เขาก็ยอมรับแล้ว สองสามวันก่อน เขาไปทำความสะอาดหลุมศพเหยาหมิ่นจริงๆ”

ฉินซีรู้สึกว่าตัวเองถูกลู่เซิ่นจับมือแน่นมาก เงยศีรษะขึ้นชำเลืองมองลู่เซิ่น

สิ่งที่หลินหยังสืบมาได้ สูหยิงก็สืบได้เช่นกัน ปฏิเสธไปก็ไม่มีความหมาย

แต่ฉินซีก็ยังเอ่ยปาก “คุณนายลู่ เรื่องการไปทำความสะอาดหลุมศพ——”

“หุบปาก” มองฉินซี แววตาสูหยิงยังคงเย็นยะเยือก “ยังไม่ถึงตาที่เธอจะพูด”

ฉินซีหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ของตัวเองอย่างไม่เต็มใจ

“ฉันรู้ ว่าเธออยากพูดว่าการทำความสะอาดหลุมศพมันไม่ได้มีความหมายอะไร แต่ฉันรู้จักลู่เหวยดี เขาไปทำความสะอาดหลุมศพ อย่างน้อยก็หมายความว่าความสัมพันธ์ของเหยาหมิ่นกับเขาไม่ธรรมดา” สูหยิงเชิดคางขึ้น ราวกับไม่ได้นั่งบนเตียงผู้ป่วย แต่กำลังอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะเจรจา “ฉันเชื่อว่าตอนถ่ายรูปคนข้างๆ เหยาหมิ่นไม่ใช่ลู่เหวย แต่ยังไม่เต็มใจเชื่อว่าเขาไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยกับเหยาหมิ่น และฉันค่อนข้างแน่ใจอย่างยิ่ง ว่าเหยาหมิ่นมีความหมายที่แตกต่างในใจเขา”

ฉินซีขมวดคิ้วขึ้นมา

กลยุทธ์ของฉินซึ่งเทียนยังคงใช้ได้ผล ตอนนี้สูหยิงไม่เต็มใจเชื่อว่าลู่เหวยและเหยาหมิ่นเป็นผู้บริสุทธิ์ใจไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

“แม่” ลู่เซิ่นก็ขมวดคิ้วเช่นกัน “เหยาหมิ่นมีความหมายอะไรในใจพ่อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉินซี?”

“ไม่เกี่ยวเหรอ?” สูหยิงแค่นหัวเราะ “แค่แม่เห็นฉินซี ก็จะคิดว่าในใจลู่เหวยมีใครอีกคน ลูกคิดว่าสำหรับแม่ ฉินซีไม่เกี่ยวเหรอ?”

ลู่เซิ่นยังอยากพูดอะไร เสียงสูหยิงก็กลายเป็นแหลมขึ้นมาอีกครั้ง

“ลู่เซิ่น! คนที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกมา คือแม่! ทำไมลูกถึงเห็นแก่คนนอกตลอดเวลา!” สูหยิงหายใจขึ้นลงอยู่หลายครั้ง ทันใดนั้นก็ดึงเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากข้างเตียง ทิ้งไว้ตรงหน้าพวกเขาทั้งคู่ “ฉันไม่มีคำขออื่นๆ พวกเธอแค่เซ็นสัญญาฉบับนี้ ฉันก็จะไม่ติดตามเรื่องใดๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้”

ฉินซีกวาดตามอง กระดาษสีขาวตัวอักษรสีดำเขียนไม่กี่คำอย่างชัดเจน

《สัญญาหย่าร้าง》

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท