Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 970

ตอนที่ 970

บทที่ 970 คุณไม่เคยเป็นตัวปัญหาเลย

พูดจบ ฉินซีก็ถอยหลังหนึ่งก้าว “ฉันจะไปบอกคุณนายลู่ว่าเราจะหย่ากัน แต่เรื่องอื่นๆ ระหว่างเรา……เรากลับไปก่อนค่อยคุยกันนะ”

เธอหันตัวเดินไปในห้องผู้ป่วยของสูหยิง

ลู่เซิ่นไม่ได้ตามเข้าไป

เขายืนอยู่ที่เดิม เม้มปาก ผลุบตาลง พูดขึ้นเบาๆ “คุณไม่เคยเป็นปัญหาเลยนะ”

……

เมื่อฉินซีเปิดประตูห้องผู้ป่วย สูหยิงหันศีรษะไปมองเธอ ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่พ่นหัวเราะเบาๆ

“ลู่เซิ่นยอมหย่าแล้วเหรอ?”

ฉินซีพยักหน้า จ้องมองเธอ น้ำเสียงไม่แข็งกร้าวและไม่ถ่อมตัว “เราจะหย่ากันให้เร็วที่สุดค่ะ”

สูหยิงทำเสียงฮึดฮัด “ถือว่าเธอรู้ควรทำยังไง”

“ฉันเอาสัญญาไปนะคะ” ฉินซีหยิบกระดาษแผ่นนั้นบนโต๊ะผู้ป่วยขึ้นมา “คุณคงไม่อยากเห็นฉันอีกแล้ว”

เธอไม่ลงรอยกับสูหยิง ดังนั้นไม่คิดจะพูดอะไรไร้สาระ หันตัวคิดจะเดินไป

แต่เห็นว่าเธอจะเดินไปที่ประตู จู่ๆ สูหยิงก็เปล่งเสียงเรียกเธอไว้อีกครั้ง

“เธอพูดโน้มน้าวเขายังไง” น้ำเสียงสูหยิงอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก “นิสัยลู่เซิ่นฉันรู้ดี เขาดื้อรั้นได้ฉันมา ทำไมเขาถึงฟังเธอ?”

ฉินซีหันศีรษะไปยิ้มให้เธอ “มันเป็นเรื่องระหว่างสามีภรรยาของเรา คุณไม่ต้องใส่ใจมากหรอกค่ะ”

ใบหน้าสูหยิงดึงลงมาทันที “เธอ——”

“ฉันไปก่อนนะคะ คุณก็พักผ่อนให้เต็มที่” ฉินซีไม่ให้โอกาสสูหยิงอารมณ์เสีย เปิดประตูแล้วเดินออกไปทันที

ต่อไปก็ไม่ใช่คนในครอบครัวแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องระงับความโกรธตัวเอง

……

ลู่เซิ่นยืนอยู่หน้าประตูผู้ป่วยของสูหยิง

บางครั้งฉินซีก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจลู่เซิ่น เช่นไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่เขาทำหน้าโกรธ แต่ใบหน้าตอนนี้ของเขากลับสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

แต่ตอนนี้ฉินซีไม่สามารถสนใจอะไรได้อีกแล้ว แค่ยื่นมือออกไปดึงเขา “ไปกันเถอะ”

แต่ทางข้างหน้าถูกขวางเอาไว้

โดยลู่เหวย

เขาเห็นสัญญาหย่าร้างที่ฉินซีถืออยู่ในมืออย่างเห็นได้ชัด สีหน้าเปลี่ยนไป พูดเสียงทุ้ม “ฉินซี ขอเวลาคุยกับฉันหน่อยได้ไหม?”

ฉินซีหันตัวไปมองลู่เซิ่นที่อยู่ด้านหลัง ลังเลไม่กี่วินาที ก็ส่ายศีรษะ “คุณอา ตอนนี้เรามีธุระบางอย่าง……ครั้งหน้ามีโอกาสค่อยคุยกันนะคะ”

ความรู้สึกของเธอที่มีต่อลู่เหวยนั้นค่อนข้างซับซ้อน

ด้านหนึ่งหลังจากที่รู้ว่าเขาแอบไปทำความสะอาดหลุมศพเหยาหมิ่น ก็รู้สึกขอบคุณเขาอยู่บ้าง ขอบคุณที่เขาทำให้ตัวเองรู้ว่าไม่ใช่เธอคนเดียวบนโลกใบนี้ที่จำเหยาหมิ่นได้ ส่วนอีกด้านหนึ่ง เธอก็สงสัยเหมือนกับสูหยิงไม่มากก็น้อย ไม่รู้ว่าเขามีความรู้สึกแบบไหนกับเหยาหมิ่นกันแน่ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร

เมื่อลู่เหวยได้ยินก็ไม่ยืนกราน ถอยหลังไปหนึ่งก้าว เสียงยังคงทุ้มต่ำมาก “โอเค งั้นฉันจะรอเธอมีเวลานะ”

ลู่เซิ่นยืนด้านหลังตลอดเวลา ได้ยินบทสนทนาทั้งคู่แต่ไม่พูดอะไรสักคำ จนกระทั่งฉินซีเดินไปข้างหน้า เขาถึงได้เดินตามไป

แต่ลู่เหวยคว้าตัวเขาเอาไว้ “ลูกจะหย่ากับเธอจริงๆ เหรอ?”

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบ ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ไม่อาจอธิบายได้

ลู่เหวยอึ้งไป ลู่เซิ่นก็หลุดพ้นจากเขา เดินตามฉินซีไปข้างหน้าต่อ

……

ฉินซีแค่รู้สึกว่าลู่เซิ่นเงียบเกินไปตลอดทาง

ถึงปกติลู่เซิ่นจะไม่ใช่คนที่ชอบพูด แต่เงียบแบบในตอนนี้ มันทำให้เธอรู้สึกลำบากใจมาก

กว่าจะถึงรีสอร์ทชิงหยวน พอเธอลงรถ ก็เข้าไปในห้องนอนทันที

สัญญาของเธอกับลู่เซิ่นในตอนนั้น ยังวางอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน

สาเหตุที่ไม่ได้เซ็นสัญญาหย่าร้างที่โรงพยาบาลโดยทันที ก็เพราะว่าเธอยังจำได้ว่าระหว่างตัวเองกับลู่เซิ่น ยังมีสัญญาอื่นๆ อีก

ฝีเท้าลู่เซิ่นไม่รีบร้อน จนกระทั่งฉินซีเจอสัญญา ตอนวางไว้บนโต๊ะ เขาถึงได้เดินเข้าห้องนอนมาช้าๆ

ฉินซีนั่งที่โต๊ะ บนโต๊ะมีสัญญาสามฉบับ

สัญญาเงินกู้ สัญญาก่อนสมรสและสัญญาหย่าร้าง

มันสะท้อนให้เห็นภาพกระบวนการทั้งหมดที่เธอกับลู่เซิ่นรู้จักกัน

แต่สีหน้าลู่เซิ่นในตอนนี้ค่อนข้างเข้าใจยากนิดหน่อย ไม่ได้โกรธเหมือนตอนที่อยู่โรงพยาบาล ในทางกลับกันนั้นเขาสงบนิ่งมาก

สงบนิ่งจนค่อนข้างผิดปกติ

ฉินซีไม่ได้พูดอะไร แค่มองลู่เซิ่นเดินมาหน้าโต๊ะเงียบๆ จิ้มสัญญาฉบับแรก น้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าหย่าร้าง แล้วสัญญาฉบับนี้ คุณคิดจะทำยังไง?”

ระหว่างพวกเขา มันไม่ใช่การแต่งงานธรรมดาความสัมพันธ์ธรรมดาแบบที่สูหยิงคิด ดังนั้นไม่ใช่ว่าเซ็นสัญญาหย่าร้างแล้วจะจบความสัมพันธ์ได้

ดังนั้นฉินซีจึงไม่ได้มีการวางแผนแต่อย่างใด เธอเม้มปาก พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดมาตลอดทาง “สัญญาฉบับแรกสุด……ยังต้องมีผลอยู่แล้ว ถึงเราจะสลายความสัมพันธ์ในการแต่งงาน แต่นับดูแล้วเราก็แต่งงานกันไม่นานจริงๆ มากกว่าครึ่งปีก่อนฉันก็ไม่ได้แต่งงาน เคยใช้ชีวิตยังไง ต่อไปก็ใช้ชีวิตอย่างนั้น”

เธอพูดไปด้วย จ้องมองใบหน้าลู่เซิ่นไปด้วย สังเกตการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขา

แต่สีหน้าลู่เซิ่นกลับสงบนิ่งมาก เขาฟังจบก็แค่หัวเราะเบาๆ “ฉินซี คุณคิดว่าเราหย่ากันแล้ว ยังคงสภาพความสัมพันธ์แบบนี้ มันเหมาะสมไหม?”

เสียงหัวเราะเบาๆ นี้ฟังแล้วค่อนข้างแสบแก้วหู ฉินซีขมวดคิ้ว “งั้นคุณหมายความว่า คุณไม่อยากดำเนินเนื้อหาในสัญญาฉบับนี้ต่อแล้วใช่ไหม?”

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบ แค่ยื่นมือไปเปิดสัญญาก่อนสมรสฉบับกลาง ยื่นมือไปจิ้มเงื่อนไขหนึ่งในนั้น “คุณลืมไปแล้วเหรอ?”

ฉินซีก้มศีรษะไปดู

ในสัญญากระดาษสีขาวหมึกสีดำเขียนอย่างชัดเจน “หากสลายความสัมพันธ์การแต่งงานของทั้งสองฝ่าย ข้อตกลงก่อนหน้านี้จะไม่มีผลทั้งหมด”

เธอถึงนึกขึ้นได้ วันนั้นที่เซ็นสัญญา ทนายความเน้นย้ำเงื่อนไขนี้กับเธอเป็นพิเศษ

ในตอนนั้น สัญญาข้อนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรร้ายแรงกับฉินซีอย่างจริงจัง ดังนั้นเธอในตอนนั้นจึงไม่สนใจเลย

แต่ตอนนี้ เผชิญหน้ากับสัญญาข้อนี้ เธอกลับขมวดคิ้วเบาๆ

“งั้น……” เธอค่อนข้างลังเล “ตอนนี้เราไปเรียกทนายมา แล้วทำสัญญาอีกฉบับ?”

สัญญาก่อนหน้านี้ไม่มีผลทั้งหมด นั่นหมายความว่าเธอกับลู่เซิ่นไม่ได้เป็นอะไรกันในตอนนี้แล้ว

ลู่เซิ่นเลิกคิ้ว “คุณยังอยากทำสัญญาอะไรอีก?”

ฉินซีเงยศีรษะขึ้นมองสีหน้าเงียบสงบของเขา ในหัวใจมีคลื่นเอ่อล้นขึ้นมา

“ฉัน……” ฉินซีลังเลสองสามวินาที “ยังไงแล้วฉันก็เคยยืมเงินคุณมาไม่น้อย ตอนนี้ยังติดหนี้อีกเยอะมาก สัญญามันไม่เป็นผลแบบนี้ เงินของคุณ ก็ไม่มีการรับประกันแล้วนะ”

ลู่เซิ่นหรี่ตาเล็กน้อย “ดังนั้น ฉินซี คุณอยากดำเนินสัญญาฉบับนี้ต่อใช่ไหม?”

ฉินซีปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว “แน่นอนว่าไม่ใช่……”

ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ “ไม่ใช่ก็ดี ตอนนี้คุณได้หุ้นบริษัทฉินซื่อกลับไปแล้ว สามารถใช้หุ้นบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นหลักประกันได้ทั้งหมด เซ็นสัญญาเงินกู้ปกติ ไม่จำเป็นต้องเซ็นในสัญญาที่บิดเบี้ยวแบบนั้นอีกแล้ว”

ฉินซีอ้าปาก

เธออยากบอกว่านั่นไม่ใช่สัญญาที่บิดเบี้ยว อยากบอกว่าการปฏิเสธของเธอมันขัดต่อความต้องการของเธอจริงๆ อยากบอกว่าถึงทั้งคู่จะหย่าร้างกันแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะขาดการติดต่อกันเลย

แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่ปิดปากและพยักหน้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท