Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 979

ตอนที่ 979

บทที่ 979 อาลัยอาวรณ์​เขา

อานหยันก็พยักหน้า​ให้กับเธอ “ถูก​แล้ว”

พูดจบ ยื่นมืออีกข้างออกมา​

ถือ​เบียร์​ขวดนึงไว้ในมือ

ฉินซียักคิ้ว​ และรับมา “ทำไมจู่ๆจะดื่มเบียร์​หล่ะ?”

เธอกับอานหยันถือว่าดื่มเหล้า​ไม่​เก่ง​ เพราะฉะนั้น​มีโอกาส​ดื่มเบียร์​แบบนี้น้อยมาก

อานหยันยิ้มแย้ม​ให้กับเธอ “ฉลองที่คุณกลับมาโสดอีกครั้งไง? ถ้าหาก​คืนนี้ไม่มีธุระ​ ความจริงควรพาคุณ​ไปสนุกที่ผับนะ”

รอยยิ้ม​บนหน้าฉินซีแข็งทื่อ​ไปหนึ่งวินาที​ กลับถูกอานหยันจับได้ด้วยสายตาที่แหลมคม​

“เป็นอะไร?” เธอมองหน้าฉินซีอย่าง​สงสัย​ “ทำไมฉันถึงรู้สึก​ว่า​ สำหรับการกลับมาโสดครั้งนี้ คุณ​ไม่ได้​ดีอกดีใจ​เลย?”

ฉินซีไม่ตอบ แค่เปิดขวดเบียร์​ออกมา​ และดื่มไปนึงคำ

เรื่องจริงจังทำเสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ สีหน้าที่เข้มงวด​และจริงจังของอานหยันก็ได้หายไปแล้วเช่นกัน เธอสบตาให้กับฉินซี พาดบนไหล่ของเธอและพาไปที่ห้องรับแขก​กดเธอนั่งลงไปที่โซฟา “พูด​เถอะ? เป็นยังไง”

ฉินซีไม่สามารถ​พูดออกมาทั้งหมดว่าทำไมสูหยิงถึงไม่พอใจในตัวเอง ได้แต่ส่ายหน้า​ น้ำเสียงมีความผิดหวัง​ “จะหย่าร้าง​กัน………ฉันไม่ได้​รู้สึก​ดีอกดีใจ​จริงๆแหละ​

หลายเดือนก่อน เพิ่งได้รับใบจดทะเบียน​สมร​สกับลู่เซิ่นในวันนั้น เธอไม่ใส่ใจ​กับเรื่องการสมรสครั้งนี้เลยสักนิด​ และไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หลังจาก​หลายเดือนต่อมา จะหย่าร้าง​ในจุดวิกฤติ​แบบนี้ เธอถึงได้​พบว่าตัวเอง…….มีใจให้กับลู่เซิ่นเสียแล้ว

อานหยันดื่มเบียร์​ไปนึงคำ “เพราะอะไร?”

ฉินซีก็ดื่มไปนึงคำ ก้มหน้าก้มตา​และเม้มปาก​ “ก็คือว่า….. อาลัยอาวรณ์”

อานหยันยักคิ้ว​ให้กับเธอ “อาลัยอาวรณ์? อาลัยอาวรณ์​อะไรอ่ะ?”

ฉินซีหันหน้ากลับมามองเธอ แต่ไม่ตอบ

อานหยันกลับล้อเล่น​กับ​เธอ เข้ามาถามแบบใกล้ๆ “คุณ…… อาลัยอาวรณ์​ลู่เซิ่นใช่มั้ย​หล่ะ? ”

ฉินซีก็ยังไม่พูดไม่จา​ แค่เงยหน้า​ขึ้น​มา​ดื่มเบียร์​จนหมดแก้ว

คราวนี้จู่ๆ​เธอก็ดื้อรั้น​กับตัวเองซะงั้น เหมือนกับ​ว่า​ถ้าพูดว่าอาลัยอาวรณ์​ต่อลู่เซิ่น​ เธอก็จะไม่สามารถ​ไปจากลู่เซิ่นแล้วจริงๆ​

แต่ว่าท่าทางเธอแบบนี้ถือว่ายอมรับโดยปริยาย​ อานหยันไม่รู้​ว่า​ควรหัวเราะ​หรือควรจะเศร้า​ดี ได้แต่หันกลับ​มา​และหยิบเบียร์​ให้กับเธออีกนึงขวด “ได้ ไม่ดีใจแต่ก็ไม่สามารถ​พูดออกมา​ได้ งั้นก็ดื่มเบียร์​เลยแล้วกัน​”

ฉินซีรับมา เงยหน้า​ดื่มไปอีกนึงคำ

เธอดื่มเบียร์​ไม่เก่ง ตอนเย็น​ก็​แทบจะไม่ได้ทานอาหารเย็น​เลยด้วยซ้ำ ดื่มเบียร์​สองขวดนี้เข้าไป ที่หน้ามีรอยแดงๆเป็นแผ่นๆแล้ว​

“อาลัยอาวรณ์​เขาใช่มั้ย​หล่ะ”

ฉินซีถอนหายใจ​เบาๆ

แต่ว่าไม่รู้​ว่า​อานหยันที่เงยหน้า​ดื่มเบียร์​เหมือนกัน​ได้ยินรึเปล่า​

………….

ทั้งสองคนดื่มเบียร์​ที่อานหยันซื้อมาจนหมดเกลี้ยง​ แอลกอฮอล์​ขึ้นสมอง ดื่มแบบเพรียว​ๆแบบนี้ยิ่งเมาไปใหญ่​ เพราะฉะนั้น​ต่างรู้สึก​เมากันแล้ว จึงนอนลงไปที่โซฟาและมองดูเพดาน​ด้วยกัน​

ไม่มีใครพูดจา ฉินซีก็ไม่ได้รู้สึก​ว่า​ไม่เป็นตัวของตัวเอง​

ไม่รู้​ว่า​ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว อานหยันถึงลุกขึ้น​มา​แบบเป๋ไปเป๋มา “คุณ​ยังจะนอนห้อง​นั้นของคุณเองใช่มั้ย​? ฉันไปหาผ้าห่ม​มาให้คุณ”

ฉินซีพูดจาไม่ชัดเจน ผายมือ และลุกขึ้น​ตามด้วย​แบบเป๋ไปเป๋มา “ไม่ต้อง​ ฉันกลับไปที่บ้าน”

อานหยันหันหน้า​ไปมองเธอ หัวเราะ​ออกมา​นึงครั้ง “บ้านไหนเนี่ย​?”

ฉินซีเงียบไปหลายวินาที​

บ้านของเธอ…………

เธอยิ้มแย้ม​แบบข่มขืน​

ความจริง​ ตอนนี้เธอไม่มีบ้านแล้ว

พิธี​งานศพ​ของเหยาหมิ่นเสร็จ​สิ้นไปเรียบร้อย​ เธอก็ย้ายเข้าไปที่รีสอร์ทชิงหยวน หนึ่งปีกว่าแล้ว จึงเห็นที่นั่น​เป็นบ้านของตัวเองโดยไม่รู้ตัว​

แต่ว่าตอนนี้เธอกับลู่เซิ่นหย่าร้าง​กันแล้ว บ้านของเธอในอนาคต​ อยู่ที่ไหนน้อ​?

อานหยันดื่มมากไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้​ตัว​สักนิดเลย​ว่า​กำลังทิ่มแทง​ใจดำของฉินซีอยู่​ ยังจะขยับตัว​เข้ามาใกล้ๆและถามว่า​ “ใช่แล้ว ตอนเช้า​คุณ​ยังให้ฉันหาบ้านอยู่เลยนี่น่ะ​? ตอนนี้คุณ​พักอยู่ที่ไหนอ่ะ?”

คราวนี้​ฉินซีสามารถ​ตอบกลับแล้ว พูดทันทีว่า “รีสอร์ทชิงหยวนไง”

อานหยันขมวดคิ้ว​ปุ๊บ “คุณ​หย่าขาด​กับลู่เซิ่นแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมยังพักอยู่ที่นั่น?”

ฉินซีเงียบกริบ

สมองที่ดื่มจนเมาไม่สามารถ​คิดทบทวน​คำถามแบบนี้ ได้แต่บ่นๆอยู่​คนเดียว​ “ก็พักอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนไงจ้า……… ”

อานหยันผายมือ” ช่างเถอะ​ คุณ​เมาแล้ว ไม่ถือสากับคุณ”

คนที่เมาถือเคล็ด​ที่สุดก็คือคนอื่นพูดว่า​ตัวเองเมา ฉินซียื่นมือออกไปจับแขนของอานหยันเอาไว้” ฉันไม่ได้​เมา ฉันพักอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน”

“ได้ ได้” อานหยันตบหลังมือของเธอแบบไม่ใส่ใจ​ “คุณ​พักที่รีสอร์ทชิงหยวน ฉันรู้แล้ว”

แต่​ว่าน้ำเสียงของเธอแบบนี้เชื่อถือ​ไม่ได้​ ฉินซีเอามือกลับมา ไปหากุญแจ​รถยนต์​ตัวเองแบบเป๋ไปเป๋มา “คุณ​ไม่เชื่อ ตามฉันไปดูที่รีสอร์ทชิงหยวนได้เลย”

อานหยันยื่นมือออกไปขวาง​” ตอนนี้​คุณ​จะกลับไปได้ยังไง? คุณ​เมาแล้ว ขับรถ​ไม่ได้”

ฉินซีก็ไม่ได้​เมาจนถึงขั้น​เบลอ​ลอยขนาดนั้น ถูก​อานหยันเข้ามาขวางแบบนี้​ จึงหยุดนิ่งไป แต่ก็ยังจับเสื้อของ​อานหยันเอาไว้ ไม่ให้เธอจัดเก็บห้องนอน​

ทั้งสองคนกำลังโต้เถียง​กันไม่ยอมเลิกลา จู่ๆมือถือ​ของฉินซีก็ดังขึ้น​มา​อย่างกะทันหัน​

ฉินซีหันหน้า​ไปจับถูก​มือถือ​ คนที่โทรศัพท์​มา​เขียนไว้​ว่า ลู่เซิ่น

อานหยันเมาแล้วชอบพูดจาตรงไปตรงมา​ เหลือบมอง​ พูดอย่างประหลาดใจ​ “ทำไม ดึกๆดื่นๆแบบนี้ สามีเก่าคุณยังโทรศัพท์​มาอีก?”

ตอนที่เธอพูดคำนี้ ฉินซีได้เปิดลำโพง​เรียบร้อย​แล้ว​

เพราะฉะนั้น​สิ่งที่อานหยันพูดออกมา​เข้าไปในหูของ​ ลู่เซิ่นหมดทุกคำอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง​เลยสักคำ

“ฉินซี” เสียงของลู่เซิ่นโทนต่ำมาก มีความรู้สึก​เหมือนกับรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น​ “คุณ​อยู่​ไหน? ”

น่าเสียดายทั้งสองคนที่อยู่​ทางนี้ดื่มหนักไปหน่อย​ ต่างเชื่องช้า​กัน ถึงกับไม่มีใครพบว่าเขากำลังจะโมโหแล้ว

ฉินซีตอบไปนึงคำแบบเรื่อยเปื่อย​ “ฉันอยู่ที่อานหยันทางนี้​”

“รอนะ” เขาไม่พูดจาที่ไร้ประโยชน์​ โยนสองคำนี้ไว้ก็วางสายไปเลย

อานหยันกับฉินซีจ้องหน้าซึ่งกันและกัน​อยู่​ทางนี้

“เขาให้คุณ​รอ?” อานหยันสงสัย​ “รออะไร?”

ฉินซีไม่เข้าใจ ส่ายหน้า​

ไม่โทษ​ที่​เธอ​ไม่​เข้าใจ​

เธอกับลู่เซิ่นพักอยู่ด้วยกันนานขนาดนี้ ลู่เซิ่นไม่เคยโทรศัพท์​มาเช็ก​ด้วยตัวเองเลยสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง​เลยว่าจะมารับ

อานหยันดื่มน้อยกว่า​ฉินซี จึงเมาน้อยหน่อย คราวนี้​รู้สึก​ถึงอะไรบางอย่าง​ที่ไม่แน่ใจ​ แต่ก็พูดไม่ถูก​ รู้​แค่ว่าไม่ต้องไปจัดเก็บที่นอนแล้ว

สมองของทั้งสองคนเต็ม​ไปด้วยความสงสัย​ และนั่งกลับไปที่โซฟา

ลู่เซิ่นมาถึงเร็วมาก อานหยันชงชา ทั้งสองคนดื่มเข้าไป ขณะที่​สร่างเมานิดหน่อย​ เสียงกริ่งประตู​ก็​ดังขึ้น​มา​แล้ว

อานหยันไปเปิดประตู​ด้วยตัวเอง

ประตู​เปิดปุ๊บ คนที่ยืนอยู่ข้างนอก ก็คือเจ้าตัวลู่เซิ่นนั่นเอง

สีหน้าเขาโมโห​มาก​ ข้ามตัวอานหยันและมองเข้าไปในห้องรอบนึง “ฉินซีหล่ะ?”

ทีนี้ฉินซีก็เดินออกมาแบบเป๋ไปเป๋มา

สมองของเธอมีความชัดเจนขึ้น​มา​บ้างแล้ว แต่​ก็ยังควบคุม​ร่างกายที่เป๋ไปเป๋มาของตัวเองไม่ได้

“คุณ​มาแล้วหรอ?” ฉินซีเงยหน้า​ขึ้น​มา​มองลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นมองหน้าเธอ จึงขมวดคิ้ว​ทันที “คุณ​ดื่มเหล้า?”

ฉินซีไม่รู้​สาเหตุ​ พยักหน้า​แบบใสซื่อ “ใช่แล้ว ฉันดื่มไปตั้งหลายขวด”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วหนักแน่น​มากขึ้น​ ยื่นมือออกไปโอบเอวของเธอเอาไว้ กอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด​ตัวเอง” กลับไปกับฉัน”

อานหยันยืนอยู่ข้างๆ เห็นทั้งสองคนดึงกันไปมาแบบต่อหน้า​ต่อตา ส​ร่าง​เมามากเลยทีเดีย​ว ยื่นมือเข้าไปขวาง “นี่……….”

เธอจำได้ชัดเจน​เป๊ะ​ ฉินซีพูดว่า​เธอได้หย่าขาด​กันแล้ว ลู่เซิ่นคนนี้ปรากฏ​ตัวออกมา​อยู่​ที่นี่ และยังอุ้มฉินซีไปแบบนี้ มันเรื่องอะไรกันเนี่ย​?

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท