Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 982

ตอนที่ 982

บทที่ 982 เธอกับลู่เซิ่นเดทกันอยู่เหรอ

ฉินซีนิ่งไปครู่หนึ่ง หัวเราะออกมาอย่างเขินๆ “แล้วเธอจะถามอะไรล่ะ”

อานหยันกลอกตาไปมาก่อนที่จะตอบกลับ “หยุดพูดเรื่องอื่นก่อน ตอนนี้เธออยู่บนเตียงกับลู่เซิ่นใช่ไหม”

ฉินซีนิ่งเงียบ

แต่สำหรับอานหยันแล้ว ความเงียบเท่ากับยอมรับ เธอกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉินซีบอกความจริงมานะ ตอนนี้เธอกับลู่เซิ่นเป็นอะไรกันแน่”

ฉินซีเปิดปากแต่กลับไม่รู้ว่าจะตอบอะไรออกไป

เป็นอะไรกัน

เธอเองก็อยากรู้ว่าระหว่างพวกเธอสองคนเป็นอะไรกันแน่

ฉินซีไม่รู้จะนิยามความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาด้วยคำว่าอะไร อีกทั้งยังไม่แน่ใจอีกว่าลู่เซิ่นคิดอย่างไรกับเธอ

“ที่หย่ากันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม” อานหยันถอนหายใจและเปลี่ยนวิธีตั้งคำถาม

“อืม” ฉินซีตอบกลับ

“แต่หลังจากที่เซ็นใบหย่าแล้ว เธอก็ยังอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนงั้นเหรอ” อานหยันถามอีกครั้ง

ฉินซีไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอทำได้แค่ส่งเสียง “อืม” อีกครั้ง

“และสุดท้ายเธอกำลังจะบอกฉันว่า ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงของลู่เซิ่นใช่ไหม” อานหยันกลับมาที่คำถามเดิมอีกครั้ง

ฉินซีเงียบไปพักหนึ่ง ค่อยๆตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “ใช่”

อานหยันที่นิ่งเงียบไปพักใหญ่ จู่ๆก็ถามขึ้น “ฉินซี เธอกำลัง…เดทกับลู่เซิ่นอยู่ใช่ไหม”

ฉินซีถลึงตาพลางรีบบอกปัดทันที “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง”

แต่อานหยันไม่ใช่คนที่จะเชื่ออะไรง่ายๆ เธอเริ่มวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล “ก็ดูสิ พวกเธอหย่ากันแล้ว เพราะงั้นก็ไม่ใช่สามีภรรยากัน แต่คนที่ไม่ใช่สามีภรรยากลับไปนอนด้วยกัน ไม่ใช่คู่นอนก็ต้องเป็นคู่รัก ส่วนเธอเองก็มีใจให้ลู่เซิ่น เพราะงั้นก็ไม่ใช่คู่นอนและคู่รักก็เป็นความสัมพันธ์เดียวที่เหลืออยู่ไม่ใช่รึไง”

ฉินซีเปิดปากค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพบช่องโหว่ในคำพูดของเธอ “แต่การเป็นคู่รัก คือทั้งสองคนต้องมีความสุขสิ”

เธอรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่เธอมองไม่ออกว่าลู่เซิ่นคิดอะไร

ถ้าลู่เซิ่นไม่ชอบตัวเองพวกเขาก็ไม่นับว่าเป็น…คู่รักกัน

“เรื่องนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วง” อานหยันพูดอย่างคลุมเครือ “ฉันรับรองได้เลยว่าความคิดของลู่เซิ่นก็ไม่ต่างจากเธอแน่นอน”

ฉินซีเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมเธอพูดแบบนี้ล่ะ”

อานหยันหัวเราะ “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น เขาพูดอะไร เธอจำไม่ได้แล้วเหรอ”

ฉินซีขมวดคิ้ว ค่อยๆนึกย้อนไป

เมื่อคืนเธอไม่ได้เมาจนภาพตัดไปเสียหมด ยังพอจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ลางๆ แต่เพราะดื่มมากจนเกินไป หากพูดตามตรง…เธอจำไม่ค่อยได้แล้ว

เธอส่ายหัว “พูดว่าอะไร ฉันจำไม่ได้แล้ว”

อานหยันลากเสียง “อืม”ยาวเป็นหางว่าว จากนั้นก็พูดขึ้น “อย่างนั้นเธอค่อยๆทบทวนไปนะ แต่ยังไงก็ตามเธอวางใจได้ ลู่เซิ่นมีความรู้สึกต่อเธอแน่นอน!”

ฉินซีมีบางอย่างที่อยากจะพูด แต่ลู่เซิ่นเปิดประตูห้องน้ำและเดินออกมา

สิ่งที่เธออยากจะถามนั้นไม่เหมาะที่จะถามต่อหน้าลู่เซิ่น เธอจึงทำได้เพียงรีบบอกลาอานหยัน และกดวางสาย

“อานหยันเหรอ” ในขณะที่ ลู่เซิ่นกำลังเช็ดผมอยู่ก็พลางถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก

แต่เขานั้นได้คิดบัญชีเอาไว้แล้ว เมื่อวานคนที่พูดว่าเขาคือสามีเก่าก็คืออานหยัน คนที่ต้องการขัดขวางเขาจากฉินซีก็คืออานหยันอีกเช่นกัน

แม้ว่าอานหยันจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ แต่ก็ไม่สามารถยกโทษให้ได้ง่ายๆ

ฉินซียิ้มแห้งๆ “ใช่แล้ว”

ลู่เซิ่นหันมามองเธอ “บอกเรื่องที่เราหย่ากันกับเธอแล้วเหรอ”

เมื่อเห็นท่าทีของเขา ฉินซีก็รู้ว่าเมื่อคืนเขาต้องพูดอะไรบางอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ปฏิเสธและพยักหน้ารับ

ลู่เซิ่นกัดฟัน ไม่ได้พูดอะไรอีก

ฉินซีมองดูแผ่นหลังของเขาพลางคิดถึงสิ่งที่อานหยันพูดเมื่อครู่

ลู่เซิ่นเอง…ก็มีความรู้สึกให้เธออย่างนั้นเหรอ

แต่ความรู้สึกที่อานหยันหมายถึงเป็นความรู้สึกอย่างไรกันแน่

แท้จริงแล้วลู่เซิ่นยังคงรู้สึกอาลัยอาวรณ์ตัวเองอยู่ หรือว่าจะชอบจริงๆ หรือว่าจะเป็นความรัก

คิ้วของฉินซีขมวดกันเป็นปม

เธอไม่ชอบให้ตัวเองต้องเป็นคนคิดอยู่ฝ่ายเดียว

ฉินซีไม่ใช่คนใจเสาะ เธออยากรู้ว่าลู่เซิ่นคิดอย่างไรและเธอก็ไม่ขี้ขลาดเกินกว่าจะถามมันออกไป

แต่เมื่อเธอกำลังจะเอ่ยปาก จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เป็นเบอร์อื่นที่ไม่คุ้นเคย

ฉินซีกดที่แป้นบันทึกเสียงก่อนที่จะยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“สวัสดีครับ คุณฉินใช่ไหมครับ”

เสียงที่โทรเข้ามาฟังดูคุ้นหู

“ใช่ค่ะ”

ฉินซีตอบกลับอย่างกระชับ

“สวัสดีครับ ผมเลขาต่งจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปนะครับ ว่าด้วยกำหนดการของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้ว ท่านประธานฉินได้ประกาศให้มีการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกาล โดยอีกสามวันหลังจากนี้ คุณสามารถเข้าร่วมในเวลาดังกล่าวได้ไหมครับ”

เลขาต่งเป็นคนมีมารยาทสุภาพเรียบร้อย

ฉินซีพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล “ได้ค่ะ”

“ครับ ผมจะส่งรายละเอียดและวาระการประชุมให้คุณในภายหลังเพื่อให้คุณได้ตรวจสอบก่อนล่วงหน้า”

เลขาต่งพูดจบก็วางสายไป

ความรู้สึกส่วนตัวของฉินซีเมื่อครู่ดับวูบไปเพราะสายจากโทรศัพท์ ความต้องการที่จะถามคำถามก็หายไปด้วยเช่นกัน

“ฉินซื่อกรุ๊ปเหรอ” ลู่เซิ่นหันกลับไปมองเธอ

ภายในห้องนั้นเงียบสงัด เขาได้ยินคำพูดแว่วๆเพียงไม่กี่คำ

ฉินซีพยักหน้าพลางเช็คอีเมลของตัวเอง“ ฉินซึ่งเทียนจัดประชุมคณะกรรมการเฉพาะกาลและขอให้ฉันไปเข้าร่วม”

“คณะกรรมการเฉพาะกาล?” ลู่เซิ่นเดินมาที่ด้านข้างของเธอ “ทำไมจู่ๆถึงจัดประชุม”

ฉินซีเปิดอีเมลที่ เลขาต่งส่งให้เธอเพื่อดูเนื้อหาของอีเมลก็หัวเราะออกมาอย่างอธิบายไม่ถูก “เพราะเขาต้องการ…ถอนตำแหน่งฉัน”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว ก้มหัวลงไปมอง

เนื้อหาของอีเมลเขียนอย่างกระชับ แค่กวาดสายตาก็สามารถเห็นประเด็นหลักได้อย่างรวดเร็ว

“วาระการประชุม กรรมการผู้บริหารฉินซีได้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเธอ เปิดเผยความลับทางธุรกิจของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อบริษัท เห็นสมควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง”

“เปิดเผยความลับทางธุรกิจ…” ฉินซีพึมพำเบาๆพลางนึกถึงคำพูดของฉินซึ่งเทียนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟตอนที่โทรมาเมื่อวานนี้

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว “อะไรทำให้เขามั่นใจว่าเธอเป็นคนเอาข้อมูลมาบอกฉัน โครงการเล็กๆแบบนี้บริษัทลู่ซื่อได้ข่าวรั่วไหลมาจากใครที่ไหนกัน”

ท่าทีของฉินซีดูสงบมาก

เธอส่ายหัวพลางปิดโทรศัพท์ “ ฉินซึ่งเทียนอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่การที่ฉินซื่อกรุ๊ปพลาดโปรเจกต์นี้ จนต้องเจอกับความเสียหายครั้งใหญ่ทำให้โอกาสในการพัฒนาก็ยิ่งลดลงตามไปด้วย เขาจำเป็นต้องให้คำอธิบายแก่ผู้ถือหุ้นแต่เขาไม่สามารถขอโทษด้วยตัวเองได้ ส่วนหซู่หนานที่เป็นลูกเขยของเขายิ่งไม่สามารถทำได้แน่นอน คิดๆดูแล้วก็มีแต่ฉันนี่แหละที่เป็นข้อกล่าวหาที่เหมาะสม สามารถโน้มน้าวทุกคนได้ เพราะอย่างนั้นเลยให้ฉันรับบทเป็นแพะรับบาป ”

ลู่เซิ่นมองเธอเงียบๆและอดไม่ได้ที่จะถาม “เธอ…มีวิธีเหรอ”

ฉินซีหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน”

เธอไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมให้ใครๆสามารถบีบบังคับได้ง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโดนสาดสีสาดโคลน

“ฉินซึ่งเทียนไม่มีหลักฐาน เขาทำได้แค่พูดเท่านั้น” ลู่เซิ่นนั่งลงด้านข้างเธอ “ถ้าเธอต้องการหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของบริษัทลู่ซื่อโดยที่เธอไม่มีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยล่ะก็ ฉันสามารถให้หลักฐานกับเธอได้นะ”

ฉินซีกลับส่ายหัว “ไม่จำเป็น เพราะคราวนี้ฉันวางแผนให้เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว “เธอ…”

ฉินซีหันไปยิ้มให้เขา “เมื่อถึงเวลา นายก็จะรู้เอง”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท