Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 981

ตอนที่ 981

บทที่ 981 นายจะให้ฉันตอบแทนยังไงก็ได้

เมื่อฉินซีลืมตาขึ้นก็รู้สึกปวดที่ขมับเล็กน้อย

เธอยกมือขึ้นลูบที่ขมับของตัวเองเมื่อสายตาปรับโฟกัสได้ก็พบว่าลู่เซิ่นนอนอยู่ด้านข้าง

ท่านอนของเขาดูจะเผด็จการเอามากๆ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเช่นนี้ โดยมือพาดผ่านเอวของเธอราวกับกลัวว่าตัวเองจะหนีไปอย่างไรอย่างนั้น

ฉินซีหันหน้ากลับคิดจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองแต่การขยับเล็กๆน้อยๆของเธอก็ทำให้ลู่เซิ่นตื่นขึ้น

“โวยวายอะไรอีก” เห็นได้ชัดว่าลู่เซิ่นยังไม่มีสติ เขาหลับตา เสียงพูดแหบพร่า เอื้อมมือคว้าฉินซีเข้าไปกอดในอ้อมแขนของตัวเอง

ฉินซีตกใจกับท่าทางของเขา

“ขอนอนต่ออีกหน่อย นะ?” เสียงทุ้มต่ำของลู่เซิ่นยั่วเย้าจนใบหูขอเธอแดงก่ำ

ฉินซีไม่ได้ขยับหนี ร่างกายยังคงแข็งทื่อ แต่หากสังเกตดีๆจะพบว่าสีหน้าของเธอดูหมดอาลัยตายอยาก

…จริงสิ เธอค่อยๆจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้

ปกติเธอไม่ดื่มมากนัก หากต้องเข้าสังคมก็เพียงแค่แชมเปญแก้วเดียวเท่านั้น แต่เพราะเมื่อคืนเธอไม่สบอารมณ์จนดื่มเบียร์หมดไปหลายกระป๋องดังนั้นเธอจึงเมามาก

เธอไม่ได้เมาเกินไป ในสมองของเธอยังจำสิ่งที่เธอทำเมื่อคืนนี้ได้

ไปเอะอะโวยวายที่บ้านของอานหยันและไม่ยอมให้เธอไปทำความสะอาดห้องดันทุรังที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน โวยวายเสียงดังอยู่ที่บันไดเพราะไม่อยากไปนอนที่ห้องนอนใหญ่ ต้องให้ลู่เซิ่นมาหว่านล้อมถึงจะยอมเข้าไปและหลังจากที่เข้าไปแล้วก็…

ฉินซียกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง

เธออยากขอให้ตัวเองเมาจนภาพตัดเสียดีกว่า เพราะไม่อยากนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำไปเมื่อคืน

ตอนนี้ทั้งร่างของเธออยู่ในอ้อมแขนของลู่เซิ่น เมื่อเธอขยับตัว เขาก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง

ในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้น เหลือบมองฉินซี “ตื่นแล้วเหรอ”

ฉินซีบังคับตัวเองให้สงบนิ่ง เธอลดมือลงพลางพยักหน้า ‘ตื่นแล้ว’

ลู่เซิ่นมองใบหูแดงก่ำของเธอ สีหน้าเขินอายที่ไม่สามารถปิดบังก็ทำให้รู้ว่าเธอจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้

“จำได้ไหมว่าเมื่อคืนตัวเองทำอะไรไปบ้าง” ลู่เซิ่นพูดขึ้น

หากโทนเสียงของเขาไม่สูงขึ้น นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้กำลังแกล้งแหย่เธอ

สีหน้าของฉินซีแข็งทื่อพลางส่ายหัว “จำไม่ได้ ฉันเมาจนภาพตัดไปเลย”

แบบนี้ยังดีกว่าที่ต้องยอมรับต่อหน้าลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นมองออกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่พยักหน้าพลางพลิกตัวไปหยิบโทรศัพท์ “ในเมื่อเธอจำไม่ได้ งั้นฉันจะทวนความจำให้เธอเอง”

ฉินซีตกใจเมื่อเห็นเขาปลดล็อกโทรศัพท์ “นายจะทำอะไร!”

ลู่เซิ่นยักไหล่ “ก็ทวนความจำให้เธอไง”

ฉินซีมองไปที่โทรศัพท์ พูดติดๆขัดๆ “นาย…ถ่ายไว้เหรอ?”

ลู่เซิ่นไม่ตอบอะไร แค่ก้มหน้าลงแล้วจู่ๆเสียงก็ดัง

“จริงสิ ที่นี่มันห้องนอนใหญ่ ไม่ใช่ที่ที่ฉันควรอยู่” นี่คือเสียงของฉินซี

“แล้วเธอต้องการอะไร” เสียงของลู่เซิ่นที่ชัดเจนว่าเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว

“แบบนี้ดีกว่า” ฉินซีครุ่นคิด “ฉันจ่ายค่าเช่าให้นายล่ะเป็นไง จ่ายทุกคืน แบบนี้…”

“พอแล้ว!” ฉินซียื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ของลู่เซิ่นด้วยความอาย “ไม่ต้องทวนแล้ว !ฉันจำได้แล้ว!”

ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ “ฉินซี ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าเวลาเธอเมาแล้วจะเป็นแบบนี้”

ฉินซีบ่นพึมพำด้วยความละอายใจ “ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”

“คราวหน้าไปไหนมาไหนคนเดียว ดื่มน้อยๆก็พอ อย่าดื่มจนเมาอีก” ท่าทีลู่เซิ่นดูเข้มงวด เขายกมือตบที่ไหล่ของฉินซีเป็นเชิงสั่ง

ต่อให้เขาไม่บอก ฉินซีก็รู้ตัวเองดีอยู่แล้ว เธอเพียงแต่พยักหน้ารับ

นี่เป็นเรื่องที่น่าขายหน้าต่อหน้าคนอื่น…ฉินซีกลัวว่าจะไม่มีหน้าไปพบเจอใครอีก

ตื่นแล้วก็ลุกเถอะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า” ลู่เซิ่นยืดตัวบิดขี้เกียจ

ฉินซีส่ายหัว “ไม่มี”

นอกจากรู้สึกปวดขมับตอนที่ตื่นขึ้นแล้ว ก็ไม่มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายอีก

“งั้นก็ดี ซุปแก้เมาค้างของพ่อบ้านคงจะได้ผล” ลู่เซิ่นพยักหน้า

ฉินซีรู้สึกอายอีกครั้งเมื่อนึกถึงพ่อบ้าน

เมื่อคืนพ่อบ้านนำซุปมาให้ แต่กลับไม่ยอมดื่ม อีกทั้งยังยืนกรานว่าตัวเองไม่ได้เมา แต่ในที่สุดลู่เซิ่นก็หว่านล้อมจนต้องดื่มต่อหน้าพ่อบ้านจนได้

…ต่อไปจะทำตัวยังไงดีเนี่ย

ลู่เซิ่นมองเห็นท่าทีของฉินซีก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ

“นาย!ลบไปเลยนะ!ลืมเรื่องเมื่อคืนให้หมด!” ฉินซีหันหน้ามองเขา เธอรู้สึกอึดอัดกับรอยยิ้มนั้น

ลู่เซิ่นยกมุมปากขึ้น “เมื่อคืนฉันดูแลเธอทั้งคืนเลยนะ ทำไมถึงกลับตอบแทนกันแบบนี้เนี่ย”

ฉินซีกัดฟันพูด “นายจะให้ฉันตอบแทนยังไงก็ได้ แต่ลบมันทิ้งซะ!”

สายตาของลู่เซิ่นมีเลศนัย “ตอบแทนยังไง…ก็ได้?”

ฉินซีที่รู้จักเขามานาน สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติในดวงตาของเขา เธอก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว “นายคิดอะไรอยู่”

เมื่อเธอเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ ทั้งร่างของเธอก็โถมไปบนตัวของลู่เซิ่น แม้ว่าจะรีบถอยกลับ แต่ก็ยังคงใกล้ชิดกับเขาอยู่ดี

ลู่เซิ่นยื่นมือออกมาโอบรอบเอวของเธอแล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้ “แล้วเธอล่ะ”

ฉินซีกระแอมออกมาเบาๆ “แต่ว่าพวกเราทำแบบนี้จะดีเหรอ อันที่จริงเรา… ”

คำว่า “หย่า”หายไปจากปากของเธอ

รู้สึกถึงริมฝีปากของลู่เซิ่นที่กำลังประกบลงบนริมฝีปากของตัวเองฉินซีหลับตาลงราวกับปล่อยตัวไปโดยไม่มีการขัดขืน

เธอคิดสมเพชตัวเองในใจ ในเมื่อหย่ากันแล้วก็ต้องเรียนรู้วิธีที่จะออกห่างจากลู่เซิ่น ต้องซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น

แต่ทำไมถึงไม่สามารถต้านทานจูบจากลู่เซิ่นได้เลย

ราวกับว่ารู้ว่าฉินซีจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างไรอย่างนั้น ลู่เซิ่นจึงกัดริมฝีปากล่างของเธอเบาๆ “ยังจะคิดถึงเรื่องอะไรอยู่อีก”

ฉินซีส่งเสียง “อื่อ” เธอคิดจะอธิบาย แต่ก็ถูกลู่เซิ่นพาไป จนทำให้ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรแล้ว

……

เป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ทั้งสองคนทำทุกอย่างเสร็จสิ้น

ลู่เซิ่นลุกจากเตียงและไปอาบน้ำด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น ส่วนฉินซียังนอนอยู่บนเตียง มองดูเพดานที่ว่างเปล่า

เธอยังคงดูไม่ออกว่าลู่เซิ่นกำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อต้องการหย่าเขาเองก็ไม่ขัดขืน แต่เมื่อตัวเองจะไป กลับกลายเหมือนว่าเขาไม่อนุญาต

ลู่เซิ่นอยากจะเป็น…คู่นอนกับตัวเองอย่างนั้นเหรอ

คิ้วของฉินซีขมวดเป็นปม

เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

เมื่อเห็นว่าบนหน้าจอเป็นชื่ออานหยัน ฉินซีก็รับสายทันที “ว่าไง อานหยัน”

“เธอเป็นไงบ้าง” เสียงของอานหยันแหบแห้งเล็กน้อย ดูเหมือนจะยังแฮงค์อยู่

ฉินซีมองดูตัวเองในสถานการณ์ตอนนี้ เธอรู้สึกอายนิดหน่อย

เธอยืนยันที่จะบอกอานหยันว่าตัวเองกับ ลู่เซิ่นหย่ากันแล้วและขอร้องให้เธอช่วยหาที่อยู่ให้

แต่ผลสรุปตัวเองในตอนนี้นั้น…เหมือนกับว่ากำลังโกหกอานหยันอย่างไรอย่างนั้น

“ฉันโอเค พ่อบ้านทำซุปแก้เมาค้างให้ดื่ม วันนี้ตื่นมาแค่ไม่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อยเฉยๆ” ฉินซีจงใจเบี่ยงประเด็น

อานหยันเลียริมฝีปากอย่างหงุดหงิด “ใครถามไม่ทราบ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท