Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 995

ตอนที่ 995

บทที่ 995 ไม่เต็มใจ

ทั้งคู่นั่งรับประทานอาหารเช่นนี้ เป็นเวลากว่าปีเศษ

ลู่เซิ่นเป็นคนระเบียบจัดเสียกว่าฉินซี

เป็นประธานเหมือนกัน แต่เขาและฉินซึ่งเทียนกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว ไม่ชอบออกงาน นอกเสียจากงานเลี้ยงที่จำเป็น เขาจะรับประทานอาหารค่ำที่บ้านซะส่วนใหญ่

เวลาอาหารค่ำ จึงเป็นเวลาที่ฉินซีและลู่เซิ่นได้อยู่ด้วยกันนานที่สุด

เพียงแค่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน ทั้งคู่ไม่ค่อยได้มีบทสนทนาร่วมกันเท่าใดนัก

ในอดีตฉินซีกลับชอบในความนิ่งขรึมของเขา ลู่เซิ่นไม่ค่อยพูด เธอเองก็ไม่ต้องปวดหัวตอบคำถามของเขา

แต่ความเงียบงันในตอนนี้และอดีตกลับแตกต่างกัน ราวกับหนองบึง ที่ค่อยๆดูดกลืนเธอให้หายลับไป

ทั้งคู่บดเคี้ยวอย่างเชื่องช้า กระทั่งทานมื้อค่ำเสร็จ

ในตอนที่ฉินซีดื่มน้ำซุป ที่สุดลู่เซิ่นก็ยอมเอ่ยปาก

“การประชุมคณะกรรมการในวันนี้ เธอว่าอย่างไร?”

เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ มือทั้งสองข้างประสานเข้าด้วยกัน พร้อมสายตาแกมสืบสวน

ฉินซีกลืนน้ำซุปลงคอ ก่อนเอ่ยอย่างราบเรียบ : “คุณ…..รู้แล้วไม่ใช่หรือ?”

ลู่เซิ่นเลิกคิ้วขึ้น : “ผมรู้?”

ฉินซีเพียงเอ่ยสองพยางค์สั้นๆ : “เส้นสาย”

ลู่เซิ่นชะงักเล็กน้อย ก่อนกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว : “เจ้าหน้าที่เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของพ่อฉัน รู้ว่าเธอจะเข้าร่วมคณะกรรมการ ผมจึงขอให้เขาช่วยดูแลคุณเป็นพิเศษ เขาไม่ใช่สายของผม”

ฉินซีประหลาดใจในประโยคของเขา : “อย่างงั้นหรือ?”

ลู่เซิ่นพยักหน้า : “ผมไม่มีเหตุผลต้องโกหกคุณ หากเขาเป็นสายผม คงไม่แสดงตนโจ่งแจ้ง อีกอย่าง ผมไม่จำเป็นต้องมีสายลับอยู่บนชั้นบนสุดของบริษัทคู่แข่ง”

ฉินซีไร้คำพูด

จริงนั่นแหละ เขาคนนั้นเพียงแค่บังเอิญแสดงตนแค่สองครั้ง แต่เขาไร้ความกังวลว่าคนอื่นจะรู้ตัวตนของเขา หากเป็นลู่เซิ่น คงไม่โจ่งแจ้งเช่นนี้

ฉินซีเม้มริมฝีปาก : “แต่ว่า…..สำหรับข่าวกรองของคุณ ต้องรู้ตั้งนานแล้วสิ ว่าการประชุมเมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

ลู่เซิ่นจับจ้องฉินซี : “ฉันอยากได้ยินจากปากเธอเอง”

ฉินซีตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเธอเลือกที่จะปริปาก อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในที่ประชุม

ปฏิกิริยาของลู่เซิ่นสงบกว่าอานหยันหลายเท่าตัวนัก เขารู้ได้ทันทีว่าฉินซีต้องการอะไร

กระทั่งทีท่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงแค่นัยน์ตาที่ฉายแววความรู้สึกที่ต่างออกไป

“เธอ…..เริ่มวางแผนการนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ฉินซีประหลาดใจในคำถามของเขา : “ทำไมคุณถึงแคร์เรื่องนี้ล่ะ?”

ลู่เซิ่นเพียงแค่จ้องเธอนิ่ง ก่อนถามขึ้นอีกครั้ง : “ตอนไหน?”

ฉินซีหวนคำนึงพักหนึ่ง หรี่ตาลง : “น่าจะ…..ตอนที่แม่คุณอยากให้เราหย่ากันมั้ง”

ลู่เซิ่นนิ่งอยู่นาน ก่อนเอ่ย : “เธอ…..กว่าที่ฉันคิด”

เขาไม่เอ่ยต่อ พลางลุกขึ้นยืน

คำตอบนั้นหายไปกับเสียงเสียดสีของเก้าอี้ ฉินซีเหงื่อผุดไปทั่วร่าง

กว่าที่คิดอะไร?

ลู่เซิ่นจะรู้หรือไม่ การพูดแค่ครึ่งเดียว สามารถทำให้คนอื่นขาดใจตายได้

เธอโมโห ผุดลุกขึ้นยืน ไล่ตามหลังลู่เซิ่นไป : “เธอว่ายังไงนะ?”

ลู่เซิ่นไม่คาดคิดว่าเธอจะไล่ตามมา เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฉินซียืนอยู่ด้านหลังตน

หากแต่เขาไม่ได้เฉลยประโยคของตนเมื่อครู่ เพียงแค่ส่ายหน้าไปมา

ฉินซีผิดหวังขึ้นมา

ทำไมวันนี้ทุกคนเป็นแบบนี้กันหมดเลยนะ อานหยันก็ดี ลู่เซิ่นก็ดี พูดจากำกวม

เธอนึกถึงประโยคอานหยันเมื่อบ่าย

หากอยากจะรู้ บอกลู่เซิ่นไปตามตรง เธอจะย้ายออก แค่นี้พอ

แบบนี้…..ใช้ได้จริงหรือ?

ฉินซีจ้องมองลู่เซิ่นด้วยความสงสัย

แต่ลู่เซิ่นยังคงนิ่งเฉยไม่เอ่ยใดๆ

ฉินซีสูดหายใจเข้าลึก เธอตัดสินใจ เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่งจับแขนเสื้อเขาเอาไว้ : “ลู่เซิ่น ฉัน…..”

ไม่คาดคิดลู่เซิ่นกลับเอ่ยขึ้นในเวลาเดียวกัน : “ฉินซี เธอ…..”

ทั้งคู่ปริปากพร้อมกัน ก่อนปิดปากในเวลาเดียวกัน

“คุณก่อน…..”

“คุณก่อน…..”

พร้อมกันอีกครั้ง

ฉินซีอดกลั้นไม่ให้ตนขำออกมากับสถานการณ์ตรงหน้า ก่อนปิดปากแน่น พร้อมส่งสัญญาณ ให้ลู่เซิ่นเริ่มก่อน

ลู่เซิ่นไม่เกรงใจแต่อย่างใด เขาเอ่ยขึ้น : “ฉินซี ผลลัพธ์เช่นนี้ เธอพอใจกับมันไหม?”

ฉินซีเลิกคิ้วขึ้น : “แน่นอน ฉันพอใจกับมัน”

ประโยคไร้ที่มาที่ไป ฉินซีรู้สึกว่ามีคำถามในคำถาม แต่กลับเดาไม่ถูกว่าเขาจะพูดอะไรกันแน่

“ก็ดี” ลู่เซิ่นไม่ประหลาดใจในคำตอบ เพียงแค่พยักหน้ารับเบาๆ “หากไม่พอใจ ก็คงไม่นัดอานหยันไปทานหม้อไฟด้วยกัน”

ฉินซียกยิ้มมุมปาก : “ทำไมคุณถึงแคร์หม้อไฟขนาดนี้….ครั้งหน้าฉันจะชวนคุณไปกินด้วยกัน โอเคไหม? จะได้เลิกบ่นพึมพำสักที”

ลู่เซิ่นตาลุกวาว : “ตรงไหนที่เธอเห็นว่าฉันแคร์ขนาดนั้น?”

ฉินซีนึกในใจ คำว่าแคร์เขียนอยู่บนหน้านั่น

แต่หากเอ่ยประโยคนี้ออกมา เขาต้องโมโหมากเป็นแน่

เธอทำได้เพียงตามน้ำไป “เปล่า ฉันแค่คิดว่าคุณอาจจะแคร์”

ลู่เซิ่นนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว : “แต่หากคุณอยากเลี้ยงผม ผมจะสละเวลาอันมีค่าของผมไปก็ได้”

คราวนี้ฉินซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา : “ได้”

ยังบอกว่าไม่แคร์อีก!

ลู่เซิ่นเหมือนว่าจะถูกรอยยิ้มบนใบหน้าของฉินซีแทงใจดำ เขาหันขวับถลึงตาใส่ฉินซี : “เมื่อกี้เธอจะพูดว่าอะไร?”

การเปลี่ยนคำถามที่แข็งกร้าว ฉินซียังคงตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขของการเยาะลู่เซิ่น บางทีอาจเป็นบรรยากาศความรู้สึกจะน้อยนักที่จะเกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งสอง เมื่อครู่ยังทำใจอยู่นาน บัดนี้ฉินซีกลับเอ่ยอย่างง่ายดาย : “ฉันไม่เพียงแค่ไปกินหม้อไฟกับอานหยัน ช่วงบ่าย…..ฉันไปดูที่พักมา”

ไม่ทันที่จบประโยคดี ลู่เซิ่นสีหน้าหม่นลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

ทั้งสองที่เข้ากันได้ดีเมื่อครู่ เงียบสงัดราวไร้ตัวตน

“ดูห้อง?” ลู่เซิ่นทวนคำเสียงแผ่ว แต่ฉินซี กลับรู้สึกถึงน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์

“ใช่” ฉินซีพยักหน้า “อพาร์ทเม้นแถวบ้านอานหยัน เอ่อ…..เซ็นสัญญาแล้ว”

จบประโยค ฉินซีรู้สึกถึงอุณหภูมิรอบตัวที่ลดลง

“เซ็นสัญญาแล้วด้วย” ลู่เซิ่นยกแขนขึ้นกะทันหัน ก่อนเชยคางเธอขึ้น “เธอรีบร้อนมากหรือ ในการไปจากที่นี่?”

ฉินซีจับจ้องนัยน์ตาที่ปนไปด้วยไฟลุกโชน ชั่วครู่เธอทำอะไรไม่ถูก

แม้จะเป็นฉันเองที่ต้องการหย่า แต่สัญญาหย่าร้างเขาก็เซ็นเองนี่นา?

ตอนนี้…..ทำไมถึงแสดงกิริยาไม่ยอมรับว่าทั้งสองได้หย่าร้างกันเรียบร้อยแล้ว

ลู่เซิ่น ตกลงคุณ…..คิดอะไรอยู่กันแน่?

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท